PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2560

สัญญาณชัดก็ต้องขยับ

สัญญาณชัดก็ต้องขยับ

ชัดเจนและมีน้ำหนักมากกว่าพูดในเมืองไทย

กับช็อตที่ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ได้ยืนยันระหว่างการหารือแบบ “โฟร์อาย” คุยกันสองต่อสองกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ว่าประเทศไทยจะยึดหลักประชาธิปไตยสากลเดินหน้าตามโรดแม็ปในการปฏิรูปประเทศ

โดยในปี 2561 จะมีการประกาศกำหนดเลือกตั้งอย่างชัดเจน

ไม่มีการเลื่อนใดๆทั้งสิ้น

เมื่อประกาศแล้วก็จะมีกรรมวิธีของการเลือกตั้ง คือนับไปอีก 150 วัน ตามกฎหมายหลังจากประกาศ
นายกรัฐมนตรีระบุว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ได้ถาม แต่เป็น พล.อ.ประยุทธ์เองที่ได้แสดงความเชื่อมั่นออกไป ถือเป็นการแสดงความจริงใจตอบกลับการต้อนรับอย่างดียิ่งของผู้นำสหรัฐอเมริกา ที่ให้เกียรติ พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะผู้นำรัฐบาลทหาร คสช.ที่ได้รับเชิญเข้าไปนั่งในห้องรูปไข่ ทำเนียบขาว วอชิงตัน ดี.ซี.

ไม่มีอาการตั้งแง่ใส่ผู้นำที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง

เรื่องของเรื่อง งานนี้น่าจะกระตุกความมั่นใจของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้กล้านำเงินมาลงทุนในเมืองไทย เพราะผู้นำ คสช.ได้ย้ำสัญญาประชาคมในเวทีระดับโลกให้ได้ยินกันดังๆ

เลือกตั้งตามโรดแม็ป อย่างไรเสียก็คงเบี้ยวยากแล้ว

และแนวโน้มก็ต้องส่งสัญญาณเชิงบวกต่อสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจ แบบที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ ยืนยันในทุกเวทีเลยว่า ยังไงก็ต้องมีการเลือกตั้งแน่

เพียงแต่ช่วงเวลาตามโรดแม็ปที่เหลืออยู่จากนี้ไป จะเป็นโอกาสที่ทุกฝ่ายน่าจะต้องร่วมมือกันทำให้ดีที่สุด เพื่อให้ประเทศไทยกลับมาแข็งแรง เดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคง

ว่ากันตามนี้ ธงของทีมงาน คสช.ก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน

และมาถึงตอนนี้ ประเมินตามที่ “นายกฯลุงตู่” รับปากกับประธานาธิบดี “ทรัมป์” จะประกาศกำหนดเลือกตั้งกันอย่างชัดเจนในปี 2561 นั่นหมายถึงโปรแกรมที่เหลืออยู่รัฐบาล คสช.ก็ต้องเร่งปั่นเนื้องานในโหมดปฏิรูป ตามทิศทางอย่างที่นายสมคิดปูทางนำร่องไว้

ไม่เหลือเวลาให้รำมวยกันอีกแล้ว

โดยเฉพาะแนวการบริหารแบบชักเข้า ชักออก ดาบอาญาสิทธิ์มาตรา 44 เสื่อมฤทธิ์ลงทุกที

หรือสดๆร้อนๆกับปรากฏการณ์แบบที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ยอมรับว่า พล.อ. ประยุทธ์ต่อสายข้ามทวีปมาจากสหรัฐฯ

แสดงความเป็นห่วงเรื่องร่าง พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ ที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กำลังพิจารณา โดยไม่ได้มีที่มาจากคณะรัฐมนตรีแต่อย่างใด

พร้อมยืนยันนอนยันกันเลยว่า จะไม่มีการเก็บภาษีน้ำชาวนาเด็ดขาด

ในจังหวะที่ “บิ๊กเต่า” พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ ก็สำทับอีกทางว่า “นายกฯลุงตู่” ได้ส่งข้อความผ่านไลน์มาหาในอารมณ์งงๆกับเรื่องกฎหมายภาษีน้ำ

“กูไปสั่งมันตอนไหนวะ”

“ลุงตู่” ผวากระแสต้าน ต้องรีบตัดตอนแรงปะทะที่พุ่งเข้าใส่

“ภาษีน้ำ” ทำรัฐบาล คสช.สำลัก

หนีก็ไม่ออก แก้ตัวก็ลำบาก ตามสภาวะที่แรงต้านถูกกระพือมาจากทีมงานแม่น้ำ 5 สาย ฝีมือเรียกแขกของ สนช. ฝ่ายคุมเกมอำนาจด้วยกันเอง

“เขี่ยลูก” ไปเข้าทางขบวนการ “เจาะยาง” รัฐบาล คสช.

แบบที่นักการเมืองทุกป้อมค่ายดาหน้าออกมาถล่มปมภาษีน้ำ ปลุกอารมณ์ชาวนา ชาวไร่ ชาวสวน ให้ก่นด่ารัฐบาลประจาน ฝีมือบริหารที่เอาแต่รีดภาษี

“ลุงตู่” กับ “สมคิด” โดนด่าฟรีไป

ที่สำคัญมันเป็นอะไรที่สะท้อนภาวะแม่น้ำ 4 สาย เริ่มไหลออกนอกทิศทาง ต่างฝ่ายต่างยัดไส้วาระของตัวเอง เร่งเกมในห้วงท้ายเทอมรัฐบาล ปลายทางโรดแม็ป คสช.

ขณะที่ ครม.ก็เต็มไปด้วยตัวถ่วงน้ำหนักรอบเอว “นายกฯลุงตู่”

ดูตามเงื่อนไข สถานการณ์ตอกย้ำไฟต์บังคับ หลังเดือนตุลาคมคงมีจังหวะขยับใหญ่

“ประยุทธ์” ต้องปรับแนวเพื่อเข้าร่อง “รัฐบาลเพื่อการปฏิรูป”.


ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: