PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2561

การเมือง “ไทยนิยม”

การเมือง “ไทยนิยม”


“ประชาธิปไตยไทยนิยม” วลีฮิต นิยามฮอต ควันหลงจากช็อตที่ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.ให้โอวาทเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ

โดยขอให้เด็กไทยยึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ต้องมีประชาธิปไตยแบบไทยๆ

กระตุก “เด็กโข่ง” พรรคเพื่อไทย ค่ายประชาธิปัตย์ โวยวายกันจ้าละหวั่น

รุมอัดผู้นำเผด็จการทหารสอนเด็กให้ไขว้เขว

แต่เรื่องของเรื่อง คำว่า “ประชาธิปไตยแบบไทยๆ” มันก็คุ้นกันมาพักใหญ่แล้ว แนวโน้มคนในบ้านในเมืองก็รู้สึกชินกับเงื่อนไขสถานการณ์นับตั้งแต่รัฐประหารล้มระบอบ “ทักษิณ” ตั้งแต่ปี 2549 มหากาพย์เรื่องยาวศึกชิงอำนาจประเทศไทยฉุดกระชาก

ลากถูกันมานับ 10 ปี จนมาอยู่ภายใต้อำนาจพิเศษยุค “ลุงตู่”

แม้แต่พี่เบิ้มอย่างสหรัฐอเมริกาก็ดูจะเข้าใจธรรมชาติเมืองไทย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับสถานการณ์ก้าวกระโดดของจีนแผ่นดินใหญ่ที่กำลังกลายเป็นมหาอำนาจทั้งทางเศรษฐกิจและทหาร ก็ยิ่งตอกย้ำประชาธิปไตยแบบสากลไม่ได้เหมาะสมกับทุกประเทศเสมอไป

ธงของผู้นำรัฐบาล คสช.น่าจะสื่อความหมายในมุมนี้

แต่อีกมุมแฝง ก็น่าจะเปรียบเทียบกับยุคประชาธิปไตยเต็มใบ ที่เลือกตั้งมาแล้วนักการเมืองบางพรรคทำตัวเหมือนเป็นแค่ลูกจ้างบริษัท มีหน้าที่รับใบสั่งจากเจ้าของพรรคใช้เป็นเครื่องมือยึดสภา ออกกฎหมายเอื้อผลประโยชน์ทางธุรกิจให้ตัวเองและพวกพ้อง พฤติกรรมกินรวบประเทศไทย

ขณะที่พรรคการเมืองบางพรรคแพ้การเลือกตั้งซ้ำซากก็ยอมไม่ได้ เลิกยึดมั่นระบบรัฐสภา หันไปปลุกม็อบนอกสภามาล้มล้างกันจนบ้านเมืองวิกฤติ ฆ่ากันเลือดนองถนน จนเกือบรัฐล่มสลาย

ประชาธิปไตยเต็มใบตามหลักสากล แต่มาตรฐานสปิริตคนการเมืองไทยไม่เท่าสากล

ถึงจังหวะที่ประชาชนคนไทยคงต้องชั่งน้ำหนักให้ดี

ที่แน่ๆไล่ตามเกมยุทธ์ของ “ลุงตู่” ที่ค่อยๆปล่อยของต่อเนื่อง จากที่ยอมรับว่าเป็นนักการเมืองที่มาจากทหาร มาถึงคิวนิยาม “ประชาธิปไตยไทยนิยม”

แกะรอยเส้นทางกลับสู่การคุมอำนาจเปลี่ยนผ่านชัดขึ้นทีละช็อต

และนั่นก็แปรผันตามการยกระดับความเข้มของยุทธการ “เจาะยาง” สกัด “นายกฯลุงตู่” และทีม คสช. ก่อให้เกิดปรากฏการณ์แปรรูปขบวนรบถล่มรัฐบาลโดยอัตโนมัติ

เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ พันธมิตรฯ เอ็นจีโอ หันมาแท็กทีมเป็นแนวร่วมเฉพาะกิจ โฟกัสจากฉากเสวนา “เศรษฐกิจ 4 ปีของรัฐบาล รอดหรือร่วง” ที่สมาคมนักข่าวฯช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ขบวนการต้าน “ลุงตู่” ก่อหวอดกันโต้งๆ ทั้งฝ่ายตรงข้ามและอดีตแนวร่วม

แต่จุดที่ผู้นำรัฐบาลและทีม คสช.กำลัง “นั่งไม่ติด” ก็คือ

“ไซเบอร์วอร์” ที่ขุมข่ายฝ่ายต้านรัฐบาลทหารกำลังเปิดแนวรบสงครามโซเชียลฯถล่มทีม “ลุงตู่” แบบปูพรมขึงพืด

อัพข้อมูลด้านลบ โหมถล่มรัฐบาลกันแบบนาทีต่อนาที

โดยที่หน่วยข่าวทหารตามแกะรอยได้ว่า รายการนี้ใช้ทีมมืออาชีพของบริษัทเอเจนซีฯชื่อดังในเครือธุรกิจของ “นายใหญ่” เป็นฝ่ายวางยุทธการเดินกระแสกันเลย

และแน่นอน จุดหมายก็ต้องมุ่งไปที่เป้าสำคัญ

ตามสถานการณ์ล่าสุด “จอมยุทธ์กวง” นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ ต้องนั่งไม่ติด เมื่อเจอโพสต์ร้อนๆ

บนเพจต้านรัฐบาลของขุมข่าย “นายใหญ่”

ตัดต่อภาพเข้มๆของกัปตันทีมเศรษฐกิจ ประกอบกับข้อความเสียดแทงใจคนจน “คนจนเองไม่ควรนั่งเฉยๆรอรัฐบาลมาช่วย ควรต้องพลิกจิตใจให้เป็นคนต่อสู้ ให้มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์”

อ้างอิงเป็นบทปาฐกถาบนเวทีสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจเมื่อไม่นานนี้

แต่เมื่อนายสมคิดรีบให้ทีมงานถอดคำพูดคำต่อคำมาดู แล้วก็พบว่าของจริงอยู่ตรงประโยค “Poverty Materiallity คืออุปสรรคสำคัญที่หยุดกั้นไม่ให้คนจนพัฒนาความคิดที่ว่า ฉันจน ฉันเกิดมามีกรรม เราต้องขจัดความคิดนี้ให้หมด ต้องสร้างให้เขามีจิตใจพร้อมจะต่อสู้ มีความฮึกเหิม ต้องยึดหลักว่า เราจะไม่นิ่งเฉย รอให้รัฐบาลมาช่วย หน้าที่ของรัฐบาลคือไปช่วยเขาให้ยกระดับขึ้นมา”

แค่บิดนิดเดียว จาก “เชียร์แขก” เปลี่ยนเป็น “เรียกแขก” เลย

นี่คือเหลี่ยมเขี้ยว สถานการณ์แหลมๆเสียวๆ ที่ “ลุงตู่” กับ “เฮียกวง” ต้องเผชิญนับแต่นี้ไป

โดยเฉพาะภายหลังรัฐบาลเดินหน้าอัดฉีดมาตรการช่วยคนจน เพิ่มเงินสวัสดิการช่วยผู้มีรายได้น้อยเป็นคนละ 300–500 บาท กวาดแต้ม “มัดจำ” 11 ล้านคะแนนเสียงที่ลงทะเบียนคนจนไว้

ตามรูปการณ์เข้าฟอร์ม “การเมืองไทยนิยม”

ถ้าปล่อย “สมคิด” ไหลลื่น จะยิ่งเอา “ลุงตู่” ไม่อยู่.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: