PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

โหมดปะทะเกมโหดลึก

โหมดปะทะเกมโหดลึก


ว่ากันตามปรากฏการณ์ทางการเมือง เทียบกับรัฐบาลจากการเลือกตั้ง
ยังไงก็มองหน้ากันไม่ติด
แต่ล่าสุด นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ แถลงยอมรับ “เสียมารยาท”
กับพฤติการณ์ตามข่าวที่สื่อใหญ่อย่างสำนักข่าวบีบีซี เปิดเผยประโยคคำพูดของ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวกับนักเรียนไทยและนักธุรกิจไทยในงานเลี้ยงรับรองที่สถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยระบุถึงกรณีปมนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เป็นทำนองว่าหากเป็นตนเองคงลาออกไปตั้งแต่นาฬิกาเรือนแรกแล้ว
ด่าแรงถึงขั้นใช้คำเป็นพวก “อย่างหนา”
แน่นอน ถึงแม้จะมีการอ้างว่าได้ขอโทษขอโพย พล.อ.ประวิตร และเคลียร์กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.แล้ว โดยจะไม่มีการลาออกแต่อย่างใด
การันตีการทำงานจากนี้จะราบรื่น ไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง เพราะเป็นคนตรงไปตรงมา
จบแบบง่ายๆไม่มีอะไรในกอไผ่
แต่เรื่องของเรื่องอาการแบบนี้คงไม่ได้เผลอหลุดปาก เพราะพูดกลางวงใหญ่ ยังไงก็ต้องเกิดผลกระทบในวงกว้าง โดยเฉพาะกับตัวของ พล.อ.ประวิตรที่ไม่มีสิทธิได้แก้ต่าง
โดนแทงหลังแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ทั้งๆที่เป็นข้อมูลในเชิงกระแส ยังไม่มีการตัดสินผิดถูกในกระบวนการยุติธรรม
แต่นั่นยังไม่เท่ากับการทำให้รัฐบาลของ “ลุงตู่” ต้องตกอยู่ในสภาพเหมือน “วงแตก”
คนใน ครม.หันมาล่อเป้า ประจานดิสเครดิตกันเอง
สั่นคลอนศรัทธา ลดทอนความเชื่อถือ กระทบความเชื่อมั่น
ที่สำคัญ มันแทบจะสคริปต์เดียวกันเลย กับคิวของ “หม่อมอุ๋ย” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกฯ เพื่อนรักเซนต์คาเบรียลคอนเน็กชั่น ที่ออกมาโยนระเบิดใส่ พล.อ.ประวิตร ว่าด้วยปมนาฬิกา เป็นทำนองเบิ้ลซ้ำกดดัน พล.อ.ประวิตร ถ้าเป็นตัวเอง ลาออกตั้งแต่เรือนแรกแล้วเหมือนกัน
ตามรูปการณ์มันย่อมหนีไม่พ้นการเชื่อมโยง
“คนเขียนบท” และ “ผู้กำกับฉาก” ทีมเดียวกัน
ตามท้องเรื่องของหนังซับซ้อนซ่อนเงื่อนที่โยงกับขั้วอำนาจโบราณ สะท้อนสถานการณ์ไล่บี้ล้มกระดาน “บิ๊กป้อม” ยังคงคุกรุ่นรุนแรงในหมู่ทีมงานที่อิงแอบอยู่กับสายบ้านใหญ่ย่านเทเวศร์
ฉากหักเหลี่ยม “พี่ใหญ่” ถูกเร่งจังหวะใกล้ตอนจบ กะน็อกให้ตาย
โดยเฉพาะเมื่อชัดเจนแล้วว่า “บิ๊กตู่” ไม่มีทางทิ้ง “บิ๊กป้อม” แบบที่ขาดกันไม่ได้
และมันก็คือคำตอบสุดท้าย เกมโหดที่แฝงอยู่ในหมู่ขั้วอำนาจที่ล้มระบอบทักษิณมาด้วยกันนี่แหละ ที่น่ากลัวสำหรับ “บิ๊กตู่–บิ๊กป้อม” และทีม คสช.
อันตรายของจริง สถานการณ์ซีเรียสยิ่งกว่าแนวรบด้าน “นายใหญ่” ที่ 2 พี่น้องอย่างอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร กับอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำได้แค่โฉบไปโฉบมาในต่างประเทศ
ยั่วต่อมฉุน กระตุกให้รำคาญเท่านั้น
และเหมือนจะจับทิศจับทางกันถูกแล้ว ว่าเกมลึกแฝงเหลี่ยมโหดมาจากคนกันเอง
เดินหมากตัดแต้ม ทุบทำลายความชอบธรรมของ “พี่ใหญ่”
มันก็เป็นอะไรที่ต้องตั้งรับกันด้วยยุทธศาสตร์ชิงกระแส ตีตื้นคะแนนความชอบธรรม
ตามรูปการณ์ที่เห็นได้เลยว่า “บิ๊กป้อม” ต้องกระโดดมาจับเนื้องานด้านอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ งานถนัดที่เจ้าตัวมีผลงานและดำเนินมาต่อเนื่องในนามมูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก
ตามโพลผลงานอันดับ 1 ที่ประชาชนส่วนใหญ่ชื่นชอบรัฐบาล คสช. และยังเป็นจังหวะล้อกระแสการอนุรักษ์ จากกรณีของ “เจ้าสัว เปรมชัย กรรณสูต” บอสใหญ่อิตาเลียนไทยฯ ล่าสัตว์ในป่าทุ่งใหญ่นเรศวร
ขณะที่งานด้านความมั่นคงก็แสดงให้เห็นว่า ภายใต้การกำกับของ พล.อ.ประวิตรยังไว้ใจได้ กับคิวล่าสุดที่มีการจับกุมการ์ดเสื้อแดง นปช.พร้อมระเบิด ในห้วงกลุ่มการเมืองกำลังเคลื่อนไหว
“พี่ใหญ่” ได้รับการเปิดพื้นที่ให้เข้าร่วมโหมดปั่นเนื้องาน
สถานการณ์เกาะขบวนไปกับ “นายกฯลุงตู่” และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ที่ลุยปั๊มเศรษฐกิจฐานราก ประคองปากท้องชาวบ้าน ดันเศรษฐกิจภาพรวมที่กำลังติดลมบน
ต้องใช้ผลงานเป็น “วัคซีน” ป้องกันโรคแทรกซ้อน
ตอนที่อาการรัฐบาลยังไม่ทรุดถึงขั้นโคม่า.
ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: