PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2561

จุดยกระดับความมั่นใจ

จุดยกระดับความมั่นใจ



โดยสถานะของ “ตัวเต็ง” นายกรัฐมนตรีคนนอก แค่นี้ก็บอกอะไรได้เยอะแล้ว
กับอาการของ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้าคสช.ที่ออกตัวเป็นเชิงขอบคุณมิตรรักแฟนเพลงที่แสดงเจตจำนง ตั้งพรรคการเมืองมาสนับสนุน
เอาเสลี่ยงมาแบกให้เบิ้ลเก้าอี้นายกรัฐมนตรีหลังเลือกตั้ง
แต่ตามฟอร์มก็ยังต้อง “แทงกั๊ก” ยักท่าไว้ก่อนว่า ยังไม่ถึงเวลา ตอนนี้ยังไม่มีใคร “กล้า” ต่อสายตรงทาบทาม ที่สำคัญถึงจะขอมาก็ยังไม่รู้จะรับหรือไม่
ต้องดูนโยบาย ดูคนร่วมพรรค มีความน่าเชื่อถือแค่ไหน
ไม่ตอบรับ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ
ลีลาภาษาแบบนี้ นักการเมืองเขาเรียกว่า “เอาแน่”
เอาเป็นว่า จับอาการประเมินคำพูดของ “ลุงตู่” ที่เริ่มปล่อยเงื่อนไขพรรคการเมืองที่จะสนับสนุน ล้อต่อเนื่องกับการย้ำกำหนดเลือกตั้งชัดเจนไม่เกินเดือนกุมภาพันธ์ 2562
สะท้อนระดับความมั่นอกมั่นใจ
ไม่กลัว “เสียของ” แสดงว่าต้องพร้อมระดับหนึ่งแล้ว
อีกทั้งประเมินตามแนวโน้มสถานการณ์ที่ “ลุงตู่” และทีมงานเดินหน้าปั่นเนื้องาน แบบที่เห็นทั้งการปล่อยโครงการ “ไทยนิยมยั่งยืน” ลุยเจาะพื้นที่ทั่วประเทศ พร้อมๆกับโชว์ลูกขยันเดินสายตรวจราชการ ประชุม ครม.สัญจรต่างจังหวัดแบบถี่ยิบสัปดาห์เว้นสัปดาห์
แทบไม่ได้นั่งอยู่บนหอคอยงาช้าง ทำเนียบรัฐบาล
โดยเฉพาะการประชุม ครม.สัญจรล่าสุดในกลุ่มจังหวัด “เพชรสมุทรคีรี” ก็มีจุดไฮไลต์ตรงที่ “นายกฯลุงตู่” กับ “จอมยุทธ์กวง” นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ
ภูมิใจนำเสนอโครงการ “ไทยแลนด์ริเวียร่า”
ยุทธศาสตร์พัฒนาชายฝั่งทะเลจากเพชรบุรีถึงประจวบคีรีขันธ์ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก เป้าหมายของนักท่องเที่ยวจากชาติตะวันตก สอดรับกับโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ–หัวหิน
จัดเป็นยุทธศาสตร์ต่อเนื่องจากเมกะโปรเจกต์ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)
แน่นอน นี่คือกระบวนการคิดยุทธศาสตร์การพัฒนาอย่างเป็นระบบ
ทำให้เห็นภาพแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของทีม “นายกฯลุงตู่” ไม่ใช่แค่เพ้อฝันกันลอยๆ แต่มีการเดินหน้าเนื้องานตามโปรแกรม ผุดโครงการพัฒนาประเทศอย่างเป็นรูปธรรม
ที่สำคัญเป็นแผนงานที่หวังผลได้ในอนาคตระยะยาว
ผิดฟอร์มรัฐบาลทหารทั่วไปที่ไร้กึ๋นเชิงบริหาร มาแค่ชั่วประเดี๋ยวประด๋าว
แต่ถึงตรงนี้ผ่านมา 3 ปีกว่า ขึ้นสู่ปีที่ 4 ภาพของรัฐบาลที่อาสาเข้ามานำการปฏิรูป ยกเครื่องประเทศไทย ค่อยๆเด่นชัดขึ้นตามเนื้องาน
สะท้อนถึงความตั้งใจของ “ลุงตู่” ในการไปสู่จุดหมายปลายทาง
ไม่ใช่แค่ปฏิวัติไล่นักการเมือง เพื่อเปิดทางทหารสลับฉากมากอบโกยแล้วกลับเข้ากรม
แน่นอน สถานการณ์แบบนี้ ยิ่ง “ลุงตู่–สมคิด” อยู่ยาว ยิ่งไม่เป็นผลดีกับนักเลือกตั้งอาชีพ
ต้องบีบ ต้องนวดให้เลือกตั้งตามโรดแม็ปเป็นอย่างช้า
เพราะยิ่งปล่อยให้นานวันไป มันเป็นอะไรที่เริ่มเห็นตัวเปรียบเทียบ
จากสารพัดโครงการที่รัฐบาลเดินหน้า ประชาชนจะรู้สึกว่า ไม่ใช่แค่ยี่ห้อ “ทักษิณ” เท่านั้นที่คิดได้ แต่ต้นตำรับตัวจริงอย่าง “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ก็ทำเป็นเหมือนกัน
จุดสำคัญ ไม่คิด “ค่าบริหาร” แพง
เพราะไม่ต้องแบ่งเจ๊ แบ่งเฮีย ไม่มีปมทุจริตเชิงนโยบาย
เหนืออื่นใด โดยหลักประกัน สถานการณ์ความมั่นคงภายใต้ “นายกฯลุงตู่” ผู้นำที่มีทั้งต้นทุนทางการเมือง และฐานอำนาจสนับสนุนจากกองทัพ ประกอบกับสถานะ “ผู้ถูกเลือก” ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ห้วงเปลี่ยนผ่านประเทศมากที่สุด
จุดนี้แหละคือ “แต้มต่อ” ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่น่าจะนำมาซึ่งความมั่นใจ
“หลักประกัน” การเมืองจะไม่วนย้อนกลับไปลงเหว.
ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: