PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2561

ยุทธศาสตร์ครม.สัญจร ซ่อนนัยยะ “ดึง-ดูด”

ยุทธศาสตร์ครม.สัญจร ซ่อนนัยยะ “ดึง-ดูด”


ยุทธศาสตร์ดึงและดูด ของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กำลังเป็นประเด็นร้อนเรียกแขกให้ฝ่ายการเมือง แทบจะทุกพรรคออกมาวิพากษ์ วิจารณ์ ตำหนิ ตีเตียน ในกลเกมการเมืองของผู้มีอำนาจที่ย้อนยุคกลับไปสู่การเมืองในอดีต คล้ายกับโมเดลพรรคสามัคคีธรรม เพื่อรองรับการอยู่ต่อ อยู่ยาวของผู้มีอำนาจ

ดังจะเห็นได้จากกลยุทธ์เดินสายประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) สัญจร หมุนเวียนไปทุกภูมิภาค ของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ตลอดห้วงปี 2560 ต่อเนื่องมาถึงปี 2561

เพราะการประชุมครม.สัญจรของ ”บิ๊กตู่” ไม่ได้เพียงแค่รับฟังปัญหาของคนในพื้นที่ แล้วเสนอผ่านมติครม.เพื่อจัดงบประมาณลงไปช่วยเหลือและดำเนินการได้ทันทีแต่ยังมีนัยยะของการพบปะนักการเมืองเจ้าของพื้นที่ ระดับเกรดเอ ตัวจริงเสียงจริง

ดังจะเห็นได้จากการประชุมครม.สัญจร ที่จ.สุพรรณบุรีและจ.พระนครศรีอยุธยา ระหว่างวันที่ 18-19 กันยายน 2560 “บี๊กตู่” ได้พบและพูดคุยกับอดีตส.ส.พื้นที่ ที่มาต้อนรับ โดยเฉพาะอดีตส.ส.จากพรรคชาติไทยพัฒนา(ชทพ.) เจ้าของพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี ทั้ง ประภัตร โพธสุธน วราวุธ ศิลปอาชา ภราดร-กรวีร์ ปริศนานันทกุล

พร้อมกับวลีสนับสนุนแบบฉันท์มิตรของ “ประภัตร” ที่ระบุว่า “หากปากท้องของประชาชนได้รับการแก้ไข นายกฯ จะอยู่อีก 8 ปี 10 ปี ผมก็ไม่ว่า”

นำมาซึ่งการตีความทางการเมืองว่า ชทพ. พร้อมหนุน”บิ๊กตู่” ในสูตรของการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอีกหรือไม่

ถัดมาคือครม.สัญจรที่ จ.ปัตตานี ระหว่างวันที่ 27-28 พฤศจิกายน 2560 แม้จะเป็นที่ภาคใต้ ที่มีทั้งพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) และกลุ่มวาดะห์ เจ้าของพื้นที่คุมฐานเสียงของส.ส.อยู่ แต่ “บิ๊กตู่” ก็ได้ย้ำกับชาวบ้านในพื้นที่ว่า “พร้อมจะดูแลความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ให้ดีขึ้น เพราะเป็นรัฐบาลที่ดูแลคนทุกกลุ่ม ทุกภาค ไม่ได้เลือกที่จะช่วยเฉพาะพื้นที่ที่เลือกพรรคนั้น พรรคนี้”

ต่อเนื่องขี้นไปพื้นที่ภาคเหนือ ในการประชุมครม.สัญจร ระหว่างวันที่ 25-26 ธันวาคม 2560 ที่จ.พิษณุโลก และจ.สุโขทัย ที่มี “สมศักดิ์ เทพสุทิน” แกนนำกลุ่มมัชฌิมาธิปไตย และแกนนำกลุ่มวังน้ำยม ให้การต้อนรับ พร้อมกับประกาศจะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการบริหารประเทศตามนโยบาย

ข้ามศักราชขึ้นมาปี 2561 “บิ๊กตู่” ยกคณะ ไปประชุมครม.สัญจร ที่จ.จันทบุรี ระหว่างวันที่ 5-6 กุมภาพันธ์ 2561 มีระดับอดีตส.ส.และนักการเมืองในพื้นที่ภาคตะวันออก มาร่วมวงพูดคุยกันพร้อมหน้า ทั้ง “เสี่ยแป๊ะ” สนธยา คุณปลื้ม อดีตรมว.วัฒนธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังชล “อิทธิพล คุณปลื้ม” น้องชาย ในฐานะอดีตนายกฯเมืองพัทยา “เสี่ยตี๋” สาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)

ซึ่งวงครม.สัญจร ที่จ.จันทบุรี นำมาซึ่งการที่ครม.มีมติแต่งตั้ง “สนธยา” เป็นที่ปรึกษานายกฯ ด้านการเมือง และตั้ง”อิทธิพล” เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จนหลายฝ่ายมองว่าเป็น กลยุทธ์ “ดึง”และ”ดูด”ในทางการเมือง เริ่มเด่นชัดขึ้น

โปรแกรมครม.สัญจร ครั้งต่อไป ที่บิ๊กตู่จะยกคณะ ไปเยือน นั่นคือ การประชุมครม.สัญจรที่จ.สุรินทร์ และจ.บุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 7-8 พฤษภาคมนี้

พื้นที่ฐานเสียงของ พรรคภูมิใจไทย(ภท.) และพรรคเพื่อไทย(พท.) งานนี้คนการเมืองต่างจับตาดูว่า กลยุทธ์ “ดึง”และ”ดูด”จะทำงานอีกหรือไม่ โดยเฉพาะเจ้าบ้านอย่าง “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมนำอดีตส.ส.ของพรรคเข้าร่วมหารือกับ บิ๊กตู่ และคณะ เสนอแนวทางการพัฒนาจ.บุรีรัมย์ และพื้นที่ภาคอีสานในแบบ พรรคที่พร้อมเป็นมิตรกับทุกฝ่าย

พร้อมกับยืนยันผ่านสื่อไว้ล่วงหน้าด้วยว่า “การลงพื้นที่จ.บุรีรัมย์ ของพล.อ.ประยุทธ์ และครม. จะไม่มีการดีลอะไรกันทางการเมืองทั้งสิ้น ทุกอย่างต้องดูกันหลังปิดหีบนับคะแนนผลการเลือกตั้ง”

แม้ “บิ๊กตู่” จะออกมายืนยันหลังการประชุมครม.เมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา เชิงตอบโต้นักการเมืองที่รุมวิพากษ์วิจารณ์ กลยุทธ์ “ดึง”และ”ดูด” ของรัฐบาลและคสช.ว่า “ผมไม่ร่วมกับพรรคไหน แล้วจะไปร่วมอะไรกับใครได้ ตอนนี้ไม่รู้ตัวผมอยู่ตรงกลาง จะเป็นอะไร จะทำอะไรก็แล้วแต่ ผมต้องอยู่ตรงกลางให้ได้ คำว่าตรงกลางคือเอาทุกคนมาร่วมกันบริหารประเทศให้ได้ ด้วยกลไกประชาธิปไตยแต่จะไปอย่างไร ผมยังไม่รู้ และผมจะไปตรงนั้นได้อย่างไรก็ยังไม่รู้เหมือน”

ท้ายที่สุดกลยุทธ์”ดึง”และ”ดูด” จะเกิดขึ้นจริงและสำเร็จหรือไม่ รวมทั้งภาพทางการเมืองของรัฐบาลและคสช.จะเด่นชัดขนาดไหน “บิ๊กตู่” และองคาพยพ จะเป็นผู้ให้คำตอบ

ไม่มีความคิดเห็น: