PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

‘ลุงตู่’ ไม่ได้พูดเกินจริง

‘ลุงตู่’ ไม่ได้พูดเกินจริง



“หนูเปล่านา เขามาเอง หนูเปล่าชวนนา เขามาเอง”
เนื้อเพลงที่น่าจะเข้ากับอารมณ์มั่นอกมั่นใจของ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ที่ออกลีลาตีกรรเชียงเบี่ยงตัว เล่นกับกระแสโจมตีเกมดูด ส.ส.ของพรรคทหาร
ไม่ปฏิเสธ แถมเบิ้ลกลับเป็นเชิงตอบรับ
ยืนยันพรรคที่มีข่าวจะสนับสนุนให้ตีตั๋วนายกฯต่อ ไม่ได้ไปเสนอผลประโยชน์ล่อใคร แต่งานนี้นั่งอยู่เฉยๆก็มีคนติดต่อขอพบหารือ ถือเป็นเรื่องธรรมดาในการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง
และ พล.อ.ประยุทธ์ก็กั๊กไว้แค่ ทุกอย่างยังไม่ไปสู่ขั้นตอนอะไรสักอย่าง ยังไม่ชัดเจน
“ผมยังไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง”
ท่วงทำนองเดียวกับ “จอมยุทธ์กวง” นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ที่พูดกับนักข่าวสั้นๆถึงข่าวการเตรียมการตั้งพรรคการเมืองเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์
“ผมจำได้ว่า ผมยังไม่ได้พูดอะไรมากเลย พูดแค่ประโยคสองประโยค ว่า ผมสนับสนุนท่านประยุทธ์ แล้วผมก็คิดว่าท่านเหมาะสม ถ้าท่านจะทำต่อนะ พอพูดแค่นั้นเอง พวกคุณโอเวอร์รีแอ็กเกินไปหรือไม่ ผมยังงงอยู่เลย”
“สมคิด” ก็ยังไม่ขยับอะไรเกินกว่าเส้นที่ขีดไว้ แค่พูดว่าหนุน “ลุงตู่” ตีตั๋วต่อเท่านั้น
มันคือความ “ชัดเจน” ที่แฝงอยู่ในความไม่ชัดเจน
ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์ยากๆแบบที่มวยเชิงสูงอย่างนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย ต้องออกลีลาพลิ้วกับคำถามการทำงานการเมืองกับ พล.อ.ประยุทธ์ถ้าตีตั๋วต่อ ไม่ขอตอบเรื่องนี้ดีกว่า ถ้าบอกว่าไม่สนับสนุนจะกลายเป็นปรปักษ์ แต่ถ้าบอกสนับสนุนก็ต้องเข้ามาช่วยทำงาน
“เรื่องนี้ผมมีวิธีดูแลตัวเองอยู่แล้ว”
เอาเป็นว่า ตามแนวโน้มสถานการณ์ ณ จุดนี้ก็ยังเป็นแค่จังหวะเปิดไฟเขียวให้ป้อมค่ายเก่าปรับฐานสมาชิก เคลียร์คนย้ายเข้า ย้ายออก แสดงตัวแสดงตนใครอยู่ใครไป
แต่ปรากฏทั้งเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ ต้องผวาอาการ “เลือดไหล”
แค่โดนเขย่าเบาๆ “นอตหลวม” ไปตามๆกัน
นั่นก็ไม่ต้องพูดถึงจังหวะสำคัญ ตามดีเดย์ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แสดงความชัดเจนในการลงสนามการเมืองอย่างชัดเจนในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้
การันตีพรรคที่จะเป็นฐานการเมือง โชว์สังกัดชัดๆ
คนการเมืองที่แทงกั๊กไม่รายงานตัวกับต้นสังกัด คงตัดสินใจขยับเขยื้อนกันอีกเยอะ
เพราะมีทางเลือกเพิ่มจากการเสี่ยงลุยสุดซอย ท้าเป็นท้าตายกับ “นายใหญ่” หรือรอตายซากอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้การนำของคนชื่อ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”
แทงหวย “ลุงตู่” น่าจะมีอนาคตกว่า
อย่างน้อยก็ได้ลุ้นเกมยาวๆ ไม่ใช่แค่เทอมสั้นๆ กลับไปตีกันแล้วโดนยึดสภา
และโดยสถานการณ์มาถึงวันนี้ ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่ไฟต์บังคับตามสูตรอำนาจเปลี่ยนผ่านที่ล็อกไว้ในบทเฉพาะกาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น
ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ คือผู้ที่เหมาะสมที่สุดกับสถานการณ์
แต่จุดสำคัญมันคือความเป็นตัวตนของ “ลุงตู่”
ธรรมชาติ พล.อ.ประยุทธ์ที่กลายเป็นจุดขาย ฉายความเป็นนักการเมืองอาชีพเต็มตัวมากขึ้นทุกวัน
เอาแค่ขายออปชั่นความต่อเนื่องในการบริหารต่อจากที่วางฐานมา 4 ปี
ยี่ห้อ “นายกฯลุงตู่” ที่ทำให้ประเทศสงบ เอื้อต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจ เปรียบเทียบกับการเสี่ยงให้นักการเมืองพาประเทศย้อนกลับไปตกเหววิกฤติความขัดแย้ง
แค่นี้ยังทำให้ “ลุงตู่” ออกตัวได้แรง แซงขึ้นอันดับหนึ่งตัวเต็งนายกฯทุกโพล
นี่ขนาดยังไม่ได้ “ปล่อยของ” นโยบายลดแลกแจกแถมที่โดนใจ
ประชารัฐดัดแปลงล้อประชานิยม ดึงแต้มประชาชนฐานราก
แน่นอนมันไม่ใช่ของยาก จากประสบการณ์ในอดีต มันก็อยู่ในวิสัยที่ยี่ห้อ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” เคยทำสำเร็จอย่างงดงามมาแล้วในช่วงก่อกำเนิดพรรคไทยรักไทย
เห็นๆกันอยู่ สิ่งที่ “ลุงตู่” บอกไม่ได้ดูด แต่คนวิ่งเข้าหาเอง ไม่ได้เกินเลยความจริง
ตรงกันข้าม คนประชาธิปัตย์ คนเพื่อไทยที่ยังตั้งหน้าตั้งตาอยู่กับการผลิตวาทกรรมดูด ตีปี๊บตกเขียว
ลอยหน้าลอยตาด่า รถดูดฝุ่น รถดูดส้วม
วนอยู่กับการเมืองเน่าๆที่คุ้นชิน จมปลักเสียเอง.
ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: