PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ผ่าอนาคตการเมืองหัวเลี้ยวหัวต่อคนเสื้อแดง : สถานการณ์เป็นตัวกำหนด

ผ่าอนาคตการเมืองหัวเลี้ยวหัวต่อคนเสื้อแดง : สถานการณ์เป็นตัวกำหนด



ปิดฉากงานฉลองเบิร์ธเดย์ 69 ปี “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี นับจากวันนี้จะเคลื่อนไหวอย่างไรต่อต้องจับตาดู
ภายใต้สถานการณ์พรรคเพื่อไทยกำลังเผชิญหน้า 3 เรื่องใหญ่ คือ ประเด็นแรก “การนำของพรรค” ก่อให้เกิดปัญหาภายใน และการนำเคลื่อนไหวทางการเมืองขาดประสิทธิภาพ
ประเด็นที่สอง “ระบบพรรค” จะต้องรีบจัดระบบพรรคโดยเร็วที่สุด ทั้งการบริหารพรรค การวางตัวผู้สมัคร ส.ส. การรับสมัครสมาชิกพรรค
โดยเฉพาะการไม่มีคณะกรรมการกลั่นกรองรับข้อมูลจากพื้นที่ ทำให้นักการเมืองหลายคนในพรรคมองว่า ก่อให้เกิดปัญหาการย้ายพรรคหรือออกจากพรรค
เช่น ในภาคอีสานเดิมมี ส.ส.126 ที่นั่ง การเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 เหลือแค่ 116 ที่นั่ง ลดลง 10 ที่นั่ง ทำให้เกิดปัญหาแย่งชิงลงสมัคร ส.ส.อย่างน้อย 10 จังหวัดแน่นอน
ขณะนี้เกิดปัญหาในการบริหารจัดการคัดเลือกผู้สมัคร ก่อให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงระหว่าง “สุพล ฟองงาม” อดีต ส.ส.อุบลราชธานี กับ “เกรียง กัลป์ตินันท์” รักษาการรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย
โดยผู้ใหญ่ในพรรคมอบหมายให้ “เกรียง กัลป์ตินันท์” ดูแลพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร อาจกินพื้นที่ไปถึงศรีสะเกษ เป็นการสั่งการโดยบุคคล ไม่มีระบบพรรครองรับ ทำให้เกิดปัญหาตามมาทันที
ยิ่ง “สุพล ฟองงาม” เคยอธิบายเหตุผลเอาไว้ชัดเจนทำนองว่า กลัวไม่ได้รับเกียรติให้ลงสมัคร ส.ส. และต้องการผลักดัน “สุทธิชัย เจริญเนตร” แม้สอบตกครั้งที่แล้ว ส่งลงสมัคร ส.ส.เพื่อแก้มือ
แต่ “กลุ่มเกรียง” ปฏิเสธและเสนอให้ผู้ใหญ่ในพรรคว่าต้องการสนับสนุนคนในกลุ่มของตัวเองเท่านั้น
เป็นอีกเหตุผลทำให้ “สุพล ฟองงาม” ตัดสินใจอาจตีจากพรรคเพื่อไทย
หรือกรณีในบางจังหวัดต้องการเอาอดีต ส.ส.ในพื้นที่เดิมขยับไปลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และต้องการเอาอดีต ส.ส.อีกคนมาเสียบลงแทน แต่ทางผู้ใหญ่ในพรรคยังทำท่าแทงกั๊ก ไม่ตัดสินเด็ดขาด
เจ้าของพื้นที่เดิมย่อมดิ้นสู้ เพราะตอนนี้ในพรรคประเมินกันเอาไว้ว่าตามกติกาบัตรเลือกตั้งใบเดียว ทุกคะแนนมีความหมาย ถ้าลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับเกิน 20 มีโอกาสสูงมากที่จะอดเป็น ส.ส.
ยังไม่รวมบทบาทของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จะปล่อยให้ถูกดูด หรือแยกไปตั้งพรรคใหม่ หรือทิ้งระยะห่างให้พอเหมาะพอควรกับพรรคเพื่อไทย ไม่ตกเป็นเป้าของฝ่ายคุมเกม ท่าทีของ นปช.และคนเสื้อแดงนับจากนี้ไปจะเคลื่อนไหวอย่างไร
นายนิสิต สินธุไพร ผู้อำนวยการโรงเรียน นปช. บอกกับ ทีมข่าวการเมือง ว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อาจจะมั่นใจว่าชนะการเลือกตั้ง
เพราะพรรคเพื่อไทยเคลื่อนไหวไม่สะดวก ยิ่งเคลื่อนก็ตกเป็นเป้า กติกาต่างๆสกัดนายทักษิณ ชินวัตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เข้าประเทศได้ยากขึ้น แถมตอกหมุดผ่านเงื่อนไขทางกฎหมายให้คนเสื้อแดงหมอบหมด ทำให้การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงไม่คึกคัก และเปิดให้บางกลุ่มการเมืองดูดได้เต็มที่
พฤติการณ์ดังกล่าวนำไปสู่การแปรเปลี่ยนเป็นคะแนน กระแสไม่เอาทหารในพื้นที่แรงมาก อาจจะแรงกว่าการเลือกตั้งปี 2554 ด้วยซ้ำ
ขอให้พรรคเพื่อไทยอย่าไปกลัวทหารมากนัก ไม่มีอะไรหรอก คสช.ก็รู้ว่าตามปกติพรรคการเมืองมีการประชุมอย่างไม่เป็นทางการ เริ่มเคลื่อนไหวเบาๆ หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.จะลงเลือกตั้ง แต่เขาก็ปล่อย ไม่ทำอะไร
และจากที่เราได้คุยในวงเล็กๆพบว่า พรรคเพื่อไทยไร้ขวัญกำลังใจ เพราะปล่อยให้นักการเมืองต่อสู้โดยลำพัง ขวัญกำลังใจไม่ใช่ต้องเอาเงินเอาทองไปให้ ขอแค่เปิดให้มีกระบวนการพูดคุย สื่อสารถึงกันอย่างสม่ำเสมอ
และพรรคจะต้องขยับเขยื้อนการเคลื่อนไหวทางพื้นที่ ให้นักการเมืองขยับเขยื้อนในพื้นที่กับมวลชนและฐานเสียง เพื่อดูดซับข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายประชารัฐ นโยบายไทยนิยมยั่งยืน นำมาประเมินเป็นระบบส่งข้อมูลแต่ละเขตให้พรรคว่า นโยบายของรัฐบาลเป็นอย่างไร ก่อนทำการบ้านสรุปเป็นเอกสารเป็นรายเขตเลือกตั้ง ตอนนี้นักการเมืองต่างลงพื้นที่ เพื่อตรึงสถานการณ์ในพื้นที่เอาไว้
ในส่วนของ นปช.ที่เจอกับแรงดูด เท่าที่พูดคุยมองเป็นเพียงแค่ภาพการปั่นข่าว แต่ในแง่ของมวลชนคนเสื้อแดงไม่หวั่นไหว ทุกคนมีประสบการณ์และสรุปบทเรียนมาแล้ว มีวุฒิภาวะทาง การเมืองสูง เจอข่าวลือก็ไม่กระโตกกระตาก
เช่น กรณีนายภิรมย์ พลวิเศษ อดีต ส.ส.นครราชสีมา หนึ่งในกลุ่มสามมิตร ประสานนายเทพพนม นามดี แกนนำ นปช.จังหวัดสุรินทร์ ไปอยู่ด้วย เจ้าตัวได้มาขออนุญาตว่าจะไปก็ไม่ได้ห้ามอะไร และแกนนำ นปช.จังหวัดสุรินทร์ก็มีประมาณ 10 แกนนำ ไม่ได้มีเฉพาะนายเทพพนม
ขณะเดียวกันกลุ่ม นปช.ก็ได้ประเมินสถานการณ์การเมืองเป็นระยะๆ แล้วส่งข้อมูลเข้าไลน์กลุ่มว่า
สถานการณ์การเมืองของ นปช.ยังสงบนิ่งอย่างมั่นคงแข็งแรงไม่แปรเปลี่ยน
และสถานการณ์การเมืองของประชาชนก็ตัดใจเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
คสช.รู้ดีว่าสถานการณ์การเลือกตั้งไม่ใช่เรื่องง่ายที่ทหารจะชนะ
แต่พวกเขาก็ต้องเดินหน้าดูดนักการเมืองต่อไป สุดท้ายเชื่อว่าจะมีนักการเมืองย้ายพรรคน้อยมาก เพราะปัญหาของพรรคพลังประชารัฐ กลุ่มสามมิตรและ คสช. ยิ่งเคลื่อนไหวหนักยิ่งไม่เป็นคะแนน วันนี้ประชาชนเห็นชัดเจนเป็นการเคลื่อนไหวชักชวนนักการเมืองเข้าพรรค โดยไม่มีนโยบายอะไรที่เป็นประโยชน์ เป็นความหวังของประชาชน
ยิ่งเพิ่มพลังดูดยิ่งเละเทะไปใหญ่ ถูกตีความเอาคดีไปแลก เอาเงินไปซื้อยิ่งหนัก
ล่าสุดเห็น พล.อ.ประยุทธ์ไม่กล้าทักทายนักการเมืองระหว่างไปรอรับช่วงประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.อุบลราชธานี อาจมองได้ว่าหากทักแล้วท่านจะเสียหาย จึงวางตัวอยู่ห่างๆ
สะท้อนให้เห็นว่ากระแสการเคลื่อนไหวของกลุ่มสามมิตร พรรคพลังประชารัฐ และ คสช.มันไปไม่ได้ กระแสลบสุดๆ ทำให้คะแนนความนิยมของพรรคเพื่อไทยยังนำอยู่
ฝ่ายยุทธศาสตร์ทหารก็ปวดหัวในเรื่องนี้ ปัญหาการเลือกตั้งที่มันล่าช้า เพราะฝ่ายกุมอำนาจไม่พร้อม คำว่าไม่พร้อมหมายถึงหลังการเลือกตั้งอาจจะไม่ชนะพรรค การเมืองใดก็ได้ถ้าไม่ใช่พรรคเพื่อไทยรวมเสียงแล้วก็ไม่ถึง 250 ที่นั่งขึ้นไป ถ้าเป็นเช่นนี้หากพรรคประชาธิปัตย์ไม่ยกมือให้ การจัดตั้งรัฐบาลก็กลายเป็นปัญหาใหญ่
ทีมข่าวการเมือง ถามว่า นปช.และพรรคเพื่อไทยจะเดินการเมืองร่วมกันอย่างไร นายนิสิต บอกว่า ระยะหลังเริ่มมีระยะห่างพอสมควร เพราะแกนนำ นปช.ติดคดีเข้าคุกหลายคน พรรคเพื่อไทยก็เป็นเป้าตกอยู่ในอันตราย
สุดท้ายเชื่อว่าคนของ นปช.จะลงเลือกตั้งน้อย ส่วนใหญ่ไม่มีอนาคตที่จะลงเลือกตั้งได้ ฉะนั้น นปช.จะต้องจัดทำนโยบายของกลุ่ม ปรับปรุงองค์กรภายในใหม่ เพื่อรักษา องค์กรของประชาชนเอาไว้
บทบาทในอนาคตอาจจะไม่เข้มข้น คึกคัก เพราะสถานการณ์การต่อสู้ของภาคประชาชนเปลี่ยนไป บนความผูกพันแน่นหนา มีการประสานงานกันอยู่ตลอด และยังสนับสนุนพรรคเพื่อไทยที่เป็นแนวทางประชาธิปไตยเหมือนเดิม
แม้มีจำนวนหนึ่งแยกตัวไปสนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ เนื่องจากมองว่ามีแนวทางต่อต้านเผด็จการชัดเจนกว่าพรรคเพื่อไทย ในอนาคตถ้าพรรคเพื่อไทยมีแนวทางไม่เข้มข้น ชัดเจนกับการต่อต้านเผด็จการ เชื่อว่าจะเกิดการไหลตัวไปอยู่กับพรรคอนาคตใหม่มากขึ้น
แต่เพื่อไทยเป็นพรรคขนาดใหญ่ของฝ่ายประชาธิปไตย ก็จำเป็นต้องรักษาเอาไว้ แม้คนเสื้อแดงส่วนหนึ่งเห็นด้วยกับแนวทางของพรรคอนาคตใหม่ แต่มองว่าโอกาสจะมานำในการต่อสู้คงเป็นไปได้ยาก
ทั้งหมดตอกย้ำให้เห็นว่ากลุ่ม นปช.ไม่หวั่นไหวพลังดูด หรือการใช้อำนาจของ คสช. นายนิสิต บอกว่า คนเสื้อแดงฉลาดมากขึ้น ไม่สะทกสะท้านกับเหตุการณ์การเมือง ทั้งกรณีนายกฯยิ่งลักษณ์ติดคุกก็ช็อกแบบเสียใจ หรือมีคนแต่งกายคล้ายทหารไปคุกคามที่บ้านตลอด 3-4 ปี ก็กลายเป็นความชินชาและดื้อยา
สุดท้ายจะรอแสดงออกอย่างทรงพลังในสนามทางการเมือง ซึ่งเป็นสนามที่เล่นแล้วไม่เป็นอันตราย
การชุมนุมไม่ใช่สนามของคนเสื้อแดง เพราะอันตราย
มีสนามเดียวที่เราชนะแน่นอน คือ สนามเลือกตั้ง.
ทีมการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: