PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ปลดล็อกฟัดกันเละแน่

ปลดล็อกฟัดกันเละแน่



จาก EEC (Eastern Economic Corridor) ระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก ถึง SEC (Southern Economic Corridor) ระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคใต้
โดยจังหวะการขับเคลื่อนรัฐบาลอำนาจพิเศษภายใต้การนำของ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มี “จอมยุทธ์กวง” นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ เป็นกัปตันทีมเศรษฐกิจ
เดินหน้าเนื้องานพัฒนาเศรษฐกิจไปสู่อนาคตแบบเห็นเนื้อเห็นหนัง
ในสถานการณ์ตีคู่ไปกับโหมดเลือกตั้ง ตามคิวที่ “5 เสือ” กกต.ชุดใหม่ วางตุ๊กตากำหนดโปรแกรมเข้าคูหากาบัตรในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562
กับตัวเลขที่ต้อง “หูผึ่ง” ตามๆกัน เพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งเกิน 250 ที่นั่งอัป
จากปากของ “น้าเหลิม” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ระหว่างเดินทางมาเป็นกำลังใจให้ “หลานรัก” มอบตัวคดีทำร้ายร่างกายคู่อริ
มีแถมประเด็นการเมืองแบบตั้งใจ “ปล่อยเบรกยาว”
เรื่องของเรื่อง เบื้องต้นจับอาการ “สารวัตรเหลิม” มันก็ย้อนโยงไปถึงวงสนทนาที่ฮ่องกง ที่ “ขุนศึกฝั่งธนฯ” พาลูก “วัน อยู่บำรุง” ไปนั่งร่วมโต๊ะอาหารในภัตตาคารหรูกับอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร และ “น้องปู” อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถ่ายรูปโชว์หราในโซเชียลฯ
ประเด็นหลักน่าจะวนอยู่ที่เรื่องของกลุ่มสามมิตร
สะท้อนอาการลึกๆ “นายใหญ่” กับลูกข่ายสายตรงพะว้าพะวังกับการโผล่กลับมาของอดีตมือขวาคนสำคัญอย่างนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทย และนักการเมือง “เขี้ยวลากดิน” ระดับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่เคยร่วมทีมยึดสนามเลือกตั้งมาด้วยกัน
มวยมันรู้มือ รู้ทางกันดี งานนี้ยากที่ “หิมะถล่ม” เมืองไทย
นี่ขนาดทีมงานสามมิตรยังไม่ระบุสังกัดพรรคการเมืองชัดๆ ออกตัวเป็นแค่กลุ่มคนที่มีความเห็นตรงกัน แสดงตัวแสดงตนสนับสนุน “นายกฯลุงตู่” ตีตั๋วต่อนายกรัฐมนตรี
แค่นี้ยังทำให้ “นายใหญ่” กับพรรคเพื่อไทยนั่งไม่ติด
เรื่องของเรื่อง มันนัวเนียๆกับวิกฤติในทีมของ “นายใหญ่” นั่นแหละปมใหญ่
สถานการณ์แบบที่ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองกรุง ยังหวังลุ้นธงที่ได้รับจาก “นายหญิง” แห่งบ้านจันทร์ส่องหล้า ยื้อวัดกำลังกับแรงต้านสายน้องสาวตระกูลชินของ “นายใหญ่”
แบ่งข้าง แยกตระกูล ไม่มีทางจูนกันติด
อีกจุดที่สะท้อนอาการขบเกลียวกันชัดๆก็คืออาการ “ย้อนศร” ระหว่าง “เสี่ยเต้น” นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่ม นปช. อดีต รมช.พาณิชย์ รัฐบาล “ยิ่งลักษณ์” ที่ประกาศเสียงดังฟังชัด
พรรคเพื่อไทยขาดคนชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ไม่ได้
ไปกันคนละทางกับมุมของ “ตุ๊ดตู่” นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มเสื้อแดง นปช.ที่เห็นสัจธรรมหลังพ้นออกจากเรือนจำ ย้ำชัดๆพรรคเพื่อไทยและกลุ่มเสื้อแดง นปช.ต้องยึดอยู่กับกระบวนการประชาธิปไตย ทำให้พรรคเป็นสถาบันการเมืองของประชาชนอย่างแท้จริง
ไม่ใช่ยึดติดกับตัวบุคคลในตระกูลชินวัตร เสี่ยงพังแล้วพังอีก
สองจุดใหญ่ๆที่สะท้อนอาการขัดลำกล้องชัดๆ รอยปริแยกระหว่างสาย “นายหญิง” กับน้องๆ “นายใหญ่” ทีมเพื่อไทยกับเสื้อแดง หรือแม้แต่เสื้อแดงกับเสื้อแดง
เจอ “สนิมเนื้อใน” แชมป์เก่ายี่ห้อ “ทักษิณ” แรงถดถอยตามสภาพ
ขณะที่ฝั่งประชาธิปัตย์เองเร่งยังไงก็เร่งไม่ขึ้น กับสภาวะอึมครึมกลบ “คลื่นใต้น้ำ” ไม่มิด
ถึงตรงนี้สถานะของ “เดอะมาร์ค” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ยังคลุมเครือ
ตามกระแสข่าววงในล่าสุด มีการจุดพลุชื่อของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก มือปราบจำนำข้าวคนดัง โผล่ขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิงใหม่สดซิงๆ ขณะที่ชื่อเก่าค้างปีอย่างนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ แกนนำรุ่นเก๋าสายปักษ์ใต้ สายตรงปรมาจารย์ชวน หลีกภัย ก็ “สแตนด์บาย” รอเสียบยามฉุกเฉิน
โดยมีกองกำลัง กปปส.ของ “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ “แทรกซึม” คอยปฏิบัติการยึดเก้าอี้ “เดอะมาร์ค” ปลดระวาง “เด็กดื้อ” ทำดีลอำนาจป่วน
ว่ากันตามสภาพการณ์เครื่องรวนทั้งประชาธิปัตย์และเพื่อไทย คสช.ปลดล็อกการเมืองเมื่อไหร่
ยกแรกคงต้องฟัดกันในพรรคเลือดกบ ก่อนลงสนามเลือกตั้ง.
ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: