PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2561

เห็นอยู่มันน่าเสียดาย

เห็นอยู่มันน่าเสียดาย



ฉุดลากเศรษฐกิจก็เหนื่อยแล้ว ต้องออกแรงตีปี๊บยิ่งเหนื่อยกว่า
ล่าสุดนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ ประกาศลั่นบนเวทีปาฐกถาพิเศษ “ประเทศไทยแรงขับเคลื่อนใหม่แห่งเศรษฐกิจเอเชีย”
เศรษฐกิจของประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงของการฟื้นตัวและเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆในทุกมิติ จีดีพีครึ่งปีแรก 4.8 เปอร์เซ็นต์ บอกให้เห็นชัดว่า ถ้าเศรษฐกิจโตต่อเนื่องโดยมีเสถียรภาพแบบนี้ไม่ธรรมดา
พื้นฐานแข็งแกร่งทำให้ไม่ได้รับแรงสั่นสะเทือนจากภาวะผันผวนการเงินโลก
แน่นอนว่า ลำพังแค่นี้ หนีไม่พ้นเสียงโห่ฮาอยู่ดี
นักการเมืองอาชีพยี่ห้อประชาธิปัตย์ ยี่ห้อเพื่อไทย รวมถึงนักวิชาการสายหมั่นไส้ ต้องมาสคริปต์เดียวกัน รุมด่า “สมคิด” คุยโม้ สร้างภาพไปวันๆ
มันเป็นแบบฟอร์มบังคับ การเมืองแบบไทยๆต้องแฝงเหลี่ยมดิสเครดิตคู่แข่งไว้ก่อน
ยิ่งตอนเข้าโหมดเลือกตั้ง “สมคิด” โดนดักเตะตัดขาทุกจังหวะอยู่แล้ว
แต่เรื่องของเรื่องในเวลาไล่เลี่ยกัน มันก็มีบทวิเคราะห์จากมืออาชีพอย่างนายโรเบิร์ต ซับบาราแมน นักวิเคราะห์ตลาดเกิดใหม่ของบริษัท โนมูระ โฮลดิ้งส์
ฟันธงประเทศไทยไม่เสี่ยงพิษวิกฤติค่าเงิน เป็น 1 ใน 8 ชาติกลุ่มเสี่ยงต่ำสุด จากวิกฤติตลาดเปิดใหม่ วัดจากปัจจัยต่างๆ เช่น อัตราทุนสำรองระหว่างประเทศ ระดับหนี้ อัตราดอกเบี้ย และมูลค่าการนำเข้า
สอดรับกับมือระดับโลก นายเอ็ดวิน กูเตียร์เรซ นักวิเคราะห์ของบริษัท อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด อินเวสต์เมนต์ส มองว่า ขณะนี้ประเทศไทยยังมีความเสี่ยงเกี่ยวกับวิกฤติค่าเงินบาทน้อย
เพราะมีสถานะเกินดุลบัญชีเดินสะพัดและทุนสำรองระหว่างประเทศสูง
ทิศทางเดียวกับ “บลูมเบิร์ก” สำนักข่าวยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ที่สำทับสถานการณ์ของไทยซึ่งเคยเป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤติการเงินโลกเมื่อ 20 ปีที่แล้ว กลับกลายเป็นชาติที่ไม่ได้รับความเสี่ยงจากวิกฤติตลาดเกิดใหม่ในปีนี้ โดยค่าเงินยังแข็งค่ามากกว่า เมื่อเทียบกับค่าเงินของชาติกำลังพัฒนาหลายชาติที่ได้รับผลกระทบจากอาร์เจนตินาและตุรกี
นี่ต่างหากสถานการณ์ที่ “โลกมองเรา” แบบไม่มีวาระแฝง
มันการันตีรัฐบาล คสช.ลากเข็นเศรษฐกิจที่ติดลบมาอยู่ในจุดแข็งแกร่ง ผิดฟอร์มรัฐบาลทหาร
โดยภาพรวมมันไม่ได้เกินเลยไปกว่าที่ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. แสดงความกังวล หากปลดล็อกแล้วบ้านเมืองจะกลับมาวุ่นวาย
เสียดายหากเศรษฐกิจที่กำลังติดเครื่อง จะติดชะงัก
ตามเค้าลางแบบที่เห็นกันตรงหน้า แค่ประชาธิปัตย์พรรคเดียวจะทำวุ่นกันทั้งประเทศ
แบบที่เดาได้ ไม่ว่าใครขึ้น พรรคเละแน่
สภาพของพรรคประชาธิปัตย์ในสายตาของโคตรเซียนการเมือง ที่แกะรอยตามแรงสั่นสะเทือนจากยุทธการโค่นเก้าอี้ของ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรค
ส่งสัญญาณยกระดับเกมหักดิบกันแบบแรงๆ
ตามจังหวะ “เขี่ยลูก” ของ “เสี่ยจ้อน” นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองประธาน สปท. ที่แบไต๋แบบไม่กั๊ก มีคนในพรรคเชียร์ให้ลงสมัครชิงเก้าอี้ประมุขค่าย ปชป.
โดน “วัชระ เพชรทอง” องครักษ์ “อภิสิทธิ์” ป้ายสีทันทีเป็นนอมินี คสช.ส่งมายึดพรรค
ต่อเนื่องกับคิวที่ “หมอผี” นายสัมพันธ์ ทองสมัคร แกนนำรุ่นเดอะ ออกมาเสนอให้ “เดอะมาร์ค” ไขก๊อกจากเก้าอี้หัวหน้าพรรค เปิดทางให้ปรมาจารย์ชวน หลีกภัย รักษาการแทน เพื่อความเป็นเอกภาพของพรรคในการสู้ศึกเลือกตั้ง ตอกย้ำ “อภิสิทธิ์” คือตัวปัญหา
ด้วยอารมณ์แบบนี้ หนีไม่พ้นต้องฟัดกันพังไปข้าง
ตามสไตล์ประชาธิปัตย์ ล่อกันเองต้องถึงขั้นพรรคแตก
และด้วยสถานะของประชาธิปัตย์คือ “ตัวแปร” สมการรัฐบาลหลังเลือกตั้ง
ถ้า “อภิสิทธิ์” ไม่ออกซ้าย หนุน “นายกฯลุงตู่” ตีตั๋วต่อ ตามเงื่อนไขที่ตั้งแง่หากไม่ได้เสียงข้างมากของ ส.ส.ในสภา ขณะเดียวกันก็ไม่กล้าไปขวา สวิงขั้วไปแท็กทีม “ทักษิณ” จัดรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยตามที่พูดมัดคอตัวเองไว้ เป็นปลาคนละน้ำ “กั๊ก” อยู่ตรงกลางหวัง “ส้มหล่น”
นั่นหมายถึง “อภิสิทธิ์” จะทำการเมือง “ติดล็อก” เดินต่อไม่ได้
และคนที่เซ็งกว่าใครก็คือ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ว่าที่ ผบ.ทบ. เบอร์หนึ่งคุมกำลังความมั่นคง
ตามสถานะของคนที่ต้องออกแรงผ่าทางตัน.
ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: