PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2561

เดินหน้าชน : ‘บิ๊กแดง’ โดย : สุรพล สุประดิษฐ์ ณ อยุธยา

เดินหน้าชน : ‘บิ๊กแดง’ โดย : สุรพล สุประดิษฐ์ ณ อยุธยา



เป็นไปตามโผสำหรับตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารบก หรือ ผบ.ทบ.คนใหม่ คือ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ หรือ บิ๊กแดง ขยับจากผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ขึ้นมาตามไลน์ 5 เสือ ทบ.
บิ๊กแดง จะเกษียณอายุราชการในปี 2563 นั่นหมายความว่าจะนั่งเก้าอี้ ผบ.ทบ.เป็นเวลา 2 ปี
และถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง บิ๊กแดง คงจะเข้ามารับตำแหน่ง เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.ด้วย
เป็นการเข้ามาดำรงตำแหน่งในช่วงรอยต่อของรัฐบาล คสช.มาจากการทำรัฐประหาร กับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
ภารกิจนับจากนี้จึงเป็นสิ่งที่ท้าทายฝีมือการทำงานของ บิ๊กแดง อย่างยิ่ง
เพราะเป็นช่วงการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญ
หลังจากกำหนดวันเลือกตั้งถูกกะเกณฑ์เวลากันไว้ประมาณ 24 กุมภาพันธ์ – 5 พฤษภาคม 2562
แต่นั่นเป็นเพียงโรดแมปตามเส้นทางปกติที่พูดถึงกัน
ยังไม่มีอะไรยืนยันแน่นอน หากยังไม่มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ
สอดคล้องกับที่ทางรัฐบาลออกมาชี้ว่า ขึ้นอยู่กับความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง
รัฐบาล คสช.ประกาศท่าทีนับจากนี้ว่าจะเริ่มคลายล็อกแบบช้าๆ เพื่อเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง
แต่ในเมื่อประเทศอยู่ในสภาวะถูกล็อกให้อยู่แต่เพียงในกรอบ
อิสระในการแสดงความคิดเห็นถูกจำกัดไว้เป็นเวลากว่า 4 ปี
เมื่อเริ่มคลายล็อกเพื่อเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมบางอย่างได้
ก่อนจะเปิดโอกาสให้มีการหาเสียงของบรรดานักการเมืองก่อนการเลือกตั้ง
สิ่งที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้ก็คือ การวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและกองทัพ
ทั้งในแง่มุมฝีมือการทำงาน ความซื่อสัตย์สุจริต ความเป็นธรรม ไม่เลือกข้าง ไม่หลายมาตรฐาน
จะต้องเกิดขึ้นอย่างรุนแรง อย่างแน่นอน
ดังนั้นภารกิจของ บิ๊กแดง นอกจากจะต้องพยายามให้บ้านเมืองเดินไปอย่างสงบเรียบร้อย ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
ในอีกด้านหนึ่งก็จะต้องพยายามทำให้บรรดารุ่นพี่ไปถึงฝั่งฝัน
ได้กลับเข้ามาบริหารประเทศต่อไปตามแผนที่วางเอาไว้ให้จงได้
ในสถานการณ์ที่ทั้งรัฐบาล คสช.และกองทัพ จะต้องถูกท้าทายจากบรรดานักการเมือง

ทั้งเรื่องนโยบาย และการใช้งบประมาณในโครงการต่างๆ
ยกตัวอย่างเช่น นโยบายยกเลิกการเกณฑ์ทหาร
ถือว่าเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนสำหรับรัฐบาลและกองทัพเป็นอย่างยิ่ง
เพราะเป็นการยิงตรงเข้าเป้า ดึงกองทัพเข้ามาสู่เวทีการเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ดังนั้น เดิมพันสำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้จึงสูงยิ่งนัก
ถ้าหากรัฐบาลและกองทัพตั้งรับไม่ดี
มีผลถึงการเลือกตั้งครั้งที่จะถึงนี้ และภาพลักษณ์ของกองทัพอย่างแน่นอน
แม้ฝั่งผู้มีอำนาจอาจจะเบาใจได้ในระดับหนึ่ง เพราะเชื่อว่ามีไพ่เด็ดอยู่ในมือ
คือเงื่อนไขในโรดแมปการเลือกตั้ง
เมื่อถึงที่สุด แม้ว่าจะพลาดพลั้งในเกมการเมือง
แต่ถ้ายังมีเรื่องไม่สงบเกิดขึ้นในบ้านเมือง
ที่ทางรัฐบาล คสช.และกองทัพเคยทำเครื่องหมายดอกจันเล็กๆ ไว้เป็นเงื่อนไข
หากบ้านเมืองสงบ จึงจะเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง
ก็ยังจะมีการควบคุมกันต่อไป
แต่คงไม่ใช่เรื่องง่าย
เพราะถูกฝ่ายการเมืองดึงให้กลายมาเป็นผู้เล่นในสนามด้วยแล้ว
ขึ้นอยู่กับว่าผู้นำกองทัพจะรับมือกับสถานการณ์ที่ล่อแหลมนี้อย่างไร
จะให้ทหารมีบทบาทไปทิศทางไหน
จะเป็นขวัญใจของประชาชนคนไทย ด้วยการเป็นทหารอาชีพ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอย่างแท้จริง
หรือจะยังอิงอยู่กับฝ่ายไหน
ล้วนเป็นสิ่งท้าทายฝีมือ ผบ.ทบ.คนใหม่อย่างยิ่ง
สุรพล สุประดิษฐ์ ณ อยุธยา

ไม่มีความคิดเห็น: