PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2561

จับตา “เลือดใหม่” การเมืองเปลี่ยนผ่านวิกฤติ : ถอดฟิวส์ขัดแย้ง เดินหน้าประเทศ

จับตา “เลือดใหม่” การเมืองเปลี่ยนผ่านวิกฤติ : ถอดฟิวส์ขัดแย้ง เดินหน้าประเทศ

  • Share:
ปลายฝนต้นหนาว ย่างเข้าสู่ตุลาคม ปี่กลองการเมืองเริ่มรัวดัง
โปรแกรมของพรรคการเมืองต่างๆขยับ จัดประชุมแก้ไขข้อบังคับพรรค เลือกกรรมการบริหาร หัวหน้าพรรค และตำแหน่งต่างๆ
คิวต่อเนื่องหลังการคลายล็อก ตามโรดแม็ปเลือกตั้ง 24 ก.พ.2562
จุดโฟกัสสำคัญ ไม่พ้นพรรคการเมืองใหม่ อย่างค่ายพลังประชารัฐ ที่คาดกันว่าจัดตั้งมาเพื่อรองรับแผนตีตั๋วไปต่อของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.
และไม่เหนือความคาดหมาย คิวเปิดตัวพลังประชารัฐ บิ๊กเนม รมต.มาครบ ทั้งนายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม ขึ้นแท่นหัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เป็นเลขาธิการพรรค นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกฯ เป็นโฆษกพรรค
รายการนี้ ถือว่ารัฐมนตรีในเครือข่าย “ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกฯ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ที่นอกจากเร่งเครื่องปั่นเศรษฐกิจช่วยรัฐบาล “นายกฯตู่” ยังมีจ๊อบเดินงานการเมืองคู่ขนาน
“สมคิดกรุ๊ป” ได้ฤกษ์โชว์ของ โชว์ยี่ห้อกันให้เห็นๆ
ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์
ท่ามกลางเสียงตอบรับ ทั้งแง่บวก รวมทั้งแง่ลบ
โดยเฉพาะที่มองกันในแง่พรรคนอมินี พรรคท็อปบูต ในแผนสืบทอดอำนาจ
แต่นั่นก็เป็นธรรมดาสำหรับการเปิดตัวออกมายืนสู่สาธารณะ ย่อมมาพร้อมกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์โดยเฉพาะจากฟากฝั่งการเมือง
ต้องทำใจเผชิญแรงเสียดทานกันให้ได้
นั่นก็หมายรวมถึง ผู้ที่ประกาศ “สนใจการเมือง” อย่าง “บิ๊กตู่” เอง ก็หนีเรื่องนี้ไม่พ้น ถึงแม้นาทีนี้จะยังไม่หงายหน้าไพ่กันให้เคลียร์ชัด แต่อ่านจากหลังไพ่ที่ใครๆก็ประเมินกันแล้ว
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา


ผู้นำอำนาจพิเศษจะกลับมาอีกครั้งหลังเลือกตั้ง
ยิ่งถ้าดูผลการสำรวจความเห็นของประชาชนสำนักโพลต่างๆ พล.อ.ประยุทธ์ติดชาร์ตอันดับ 1 เหนือกว่าชื่ออื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์-อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ-ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ฯลฯ
เสียงเชียร์อุ่นหนาฝาคั่ง เป็นอีกปัจจัยตัดสินใจครั้งสำคัญ
แล้วก็อย่างที่เห็น วันนี้แค่แง้มๆ แต่ของจริงก็อย่างที่ “บิ๊กตู่” บอกไว้ เตรียมตัวพร้อมแล้ว เพราะ 4 ปีที่ผ่านมาเยอะ สั่งสมประสบการณ์ ไม่ว่าจะรับกับแรงต้านจากนักการเมือง-สื่อ และแรงเสียดทานต่างๆ
หล่อหลอมจนเป็น “ว่าที่นักการเมือง” ที่ครบเครื่อง
เรื่องลูกล่อลูกชน ลีลากั๊กไปกั๊กมา สไตล์แรงมา-แรงไป สวนหมัดนักการเมืองดอกต่อดอก คิวต่อคิว รวมทั้งที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว การปรับอารมณ์ได้เก่งฉกาจ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ประเภทเกรี้ยวกราดอยู่ ถึงเวลาลดโทน ยิงมุกหยอกล้อ นุ่มนวลทันควัน
พลิ้วเสียยิ่งกว่ามืออาชีพเสียด้วยซ้ำ
ถึงแม้อีกทางขั้วค่ายการเมืองต่างๆพยายามจะหาทางสกัดเส้นทางสู่ดวงดาว เตะตัดขาแผนเบิ้ลเก้าอี้ของ “บิ๊กตู่” ล่าสุดจุดพลุแนวทางพรรคเพื่อไทย บวกกับพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงภูมิใจไทย จับมือตั้งรัฐบาล
สูตรรวมตัวเฉพาะกิจ เขี่ยขั้วท็อปบูตออกนอกวง
นั่นก็ขายฝันกันได้ ในจังหวะที่กฎกติกาเอื้อ พรรคอันดับ 1 มีความชอบธรรมระดมเสียงจัดตั้งรัฐบาลผสม และเมื่อประเมินแล้วรัฐธรรมนูญใหม่ ไม่น่าจะมีพรรคใดได้เสียงเบ็ดเสร็จตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้
เพียงแต่ถึงเวลาจริง สูตรล็อกขั้วรวมค่ายล่วงหน้าจะเป็นจริงได้หรือไม่
เพราะแม้แต่การลงสัตยาบัน ก็ยังถูกฉีกทิ้งได้เสมอ
เอาเป็นว่า ถึงนาทีนี้ “บิ๊กตู่” ทยอยแง้มไต๋ให้อ่านทางกันได้ โดยเฉพาะกับพรรคการเมืองที่คาดการณ์ว่าจะเอื้อต่อเส้นทางต่อตั๋วของผู้นำอย่างพรรคพลังประชารัฐ จะเห็นได้ถึงกระแสที่มาแรงสุดขีด

ทั้งหมดนอกจากต้องยกเครดิตให้ทีมงานของกลุ่มสามมิตร ทั้งนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ-นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่ระดมไพร่พลนักการเมืองเข้ากลุ่ม
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
เติมแต้มหนุน “บิ๊กตู่” ได้เป็นกอบเป็นกำ
โดยมีอีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจ กำลังพลพลังประชารัฐถือว่าเข้ากับกระแสสังคม
ระดม “คนรุ่นใหม่” เข้ามาเป็นจำนวนมาก
นอกจากรัฐมนตรีรุ่นใหม่ ยังมีนักการเมือง “คลื่นลูกใหม่” เข้ามาเป็นขุมกำลังหลัก ทั้งนายกอบศักดิ์–นายอิทธิพล คุณปลื้ม ผู้ช่วย รมต.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
รวมถึงการมีชื่อของนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกฯ ที่นำทีมอดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ–นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าฯ กทม. และคนรุ่นใหม่ ทายาทนักการเมือง นักวิชาการ นักธุรกิจอีกหลายราย ตบเท้าเข้ามาพร้อมเพรียง
จุดสังเกตที่สำคัญก็คือ พรรคการเมืองนี้จะไม่มีอดีตนายทหารเข้ามามีบทบาทเด่น แม้กระทั่งผู้ร่วมก่อตั้งพรรคเพื่อน ตท.12 ของ “บิ๊กตู่” ก็ลดบทบาทไปพักใหญ่
เลี่ยงภาพค่ายท็อปบูต ลบข้อครหาพรรคทหาร
ทั้งนี้ทั้งนั้น การชูคนรุ่นใหม่เป็นเรื่องที่หลายฝ่ายขานรับ เพื่อให้พ้นจากวิกฤติซ้ำซาก
คนรุ่นใหม่จะเข้ามาช่วยเจือจางปมขัดแย้งที่หมักหมมมานาน
แล้ววันนี้ก็เริ่มเห็นสัญญาณที่ดี คนรุ่นใหม่ ที่เรียกว่ายังบลัด-นิวบลัด ทยอยตบเท้าเข้าสู่การเมืองมากขึ้น ล่าสุดเป็นคิวพรรคประชาธิปัตย์ ที่แม้ “ศึกใน” ปมเลือกหัวหน้าพรรคยังไม่ยุติ
แต่อีกทางหนึ่ง “ปลื้ม” สุรบถ หลีกภัย ลูกชาย “อดีตนายกฯชวน หลีกภัย” สร้างความฮือฮา เมื่อประกาศตัวเข้าสู่การเมืองกับพรรคประชาธิปัตย์
ยกเหตุผล ถึงยุคเจเนอเรชันใหม่จะเข้ามามีส่วนร่วมการเมือง
ไม่เอาปมแตกแยกจากรุ่นพ่อ-รุ่นแม่มาพูดถึง
“เราขัดแย้งกันมานานเกินไปแล้ว”
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ปลุกกระแส “คนรุ่นใหม่” ทะลุเข้ากลางใจผู้คนในสังคม
ขณะที่พรรคอื่นๆ ก็ปรับไปตามกระแสดังกล่าว ทั้งพรรคเพื่อไทย ล่าสุด เปิดตัวนักการเมืองเจนฯใหม่กว่า 30 คน โปรไฟล์ดีเด่น การศึกษาดี เป็นนักธุรกิจ นักวิชาการ รวมถึงที่เป็นลูกหลานสมาชิกพรรคน้ำใหม่เพื่อไทยกลุ่มนี้ จะเข้ามาลุยงานการเมืองทุกมิติ ทั้งลงสมัคร ส.ส. ทำงานเชิงนโยบาย
เพื่อไทยเข็นนิวบลัด ประชันกับทุกป้อมค่าย
ส่วนพรรคอนาคตใหม่ แม่ทัพอย่างนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค เปิดตัวพร้อมกับแนวทางหาเสียงเข้าถึงประชาชนในรูปแบบใหม่ ใช้เทคโนโลยี โซเชียลมีเดีย ไลฟ์สดสื่อสารสร้างเครือข่าย
และที่ชัดเจนอีกป้อมค่ายอย่างพรรคชาติไทย วราวุธ ศิลปอาชา รอขึ้นแท่นหัวหน้าพรรคเป็นทางการ พร้อมพลพรรคนิวบลัด รวมทั้งทายาทตระกูลปริศนานันทกุล
ขณะที่ประเภทรุ่นลายคราม ฉากหลบไปอยู่เบื้องหลัง ดันนิวบลัดมาถือธงนำ
จะเห็นได้ว่า เวลานี้ด้วยกระแส “คนรุ่นใหม่” แรงจัด ชนิดที่ทำให้นักการเมืองรุ่นเก่าๆทยอยเปลี่ยนแผน เบนเข็มไปเอาดีในเวทีเลือกตั้งท้องถิ่นกันหลายราย
สุรบถ หลีกภัย
นั่นก็น่าจะล้อไปกับสถานการณ์จริง หลังประเทศไทยว่างเว้นจากการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ปี 2554 การเลือกตั้งครั้งหน้า 24 ก.พ.2562 ก็จะเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกในรอบ 7 ปีกว่า โดยจากข้อมูลฝ่ายงานทะเบียนราษฎร กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ปัจจุบันมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 51 ล้านคน
โดยเป็นคนรุ่นใหม่กว่า 4 ล้านคน
“นิวโหวตเตอร์” กลุ่มนี้ จึงเป็นตัวแปรสำคัญในการเลือกตั้ง
ไม่แปลกที่ทุกพรรคหันมาผลักดัน “คนรุ่นใหม่” ติดบัญชีขายโชว์ เป็นพลังอนาคต จุดแสงสว่าง หาทางออกให้บ้านเมือง อย่างน้อยก็เข้ามาเจือจางความบาดหมางแตกแยก
“ถอดฟิวส์ขัดแย้ง”
กระนั้นก็ดี ในอีกทาง หลายฝ่ายก็ควรตระหนักในคุณค่าของคนรุ่นเก่า เพราะผู้ผ่านประสบการณ์ยังถือเป็นส่วนสำคัญ ประคับประคองบ้านเมือง หากนำผลึกความคิดจากคนรุ่นเก่า ที่บางส่วนก็ถือว่ามีมุมมอง ทัศนคติ แนวคิดแนวทางที่เรียกได้ว่าเป็นคนรุ่นใหม่ได้เหมือนกัน
ทั้งหมดจะต้องหล่อหลอม เป็นสูตรพิเศษสำหรับอนาคตประเทศ
แต่เหนืออื่นใด ผู้คนในสังคมเองก็ต้องปรับวุฒิภาวะ และทัศนคติตามการเปลี่ยนแปลงในกระแสคนรุ่นใหม่ที่เกิดขึ้น หากจะยึดแนวทางเลือกกันแบบเดิม คนหน้าเดิม ก็อาจนำไปสู่การก่อวิกฤติซ้ำซาก

ขณะที่พรรคการเมืองเอง การชูคนรุ่นใหม่นำทาง ก็ไม่ใช่แค่ทำแบบฉาบฉวยฉาบหน้า
ประหนึ่งแค่ “ฉีดน้ำหอม” ดับกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์เท่านั้น
หากความเปลี่ยนแปลงมาพร้อมกับความจริงใจและจริงจัง เมื่อนั้นอนาคตบ้านเมืองก็คงมีความหวัง ในการ “ถอดฟิวส์ขัดแย้ง”
ส่งไม้ต่อให้ “คนรุ่นใหม่” นำพาประเทศเดินหน้าไปได้แน่นอน.
“ทีมการเมือง”

ไม่มีความคิดเห็น: