PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2562

นับจบ "งอก" อีก 4 ล้านใบ มึน กกต.แถลง "บัตรเขย่ง"


อ้างแสดงตนแต่ไม่รับบัตร เพื่อไทยจวกผู้มีสิทธิเพิ่มมาอื้อ สุริยะปัดคุย "งูเห่า" เพื่อไทย

กกต.แถลงแล้วผลนับคะแนนเลือกตั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ ตะลึงพ้น 4 วันยอดผู้มาใช้สิทธิพรวด 38 ล้าน หรือร้อยละ 74.69 ทิ้งขาดยอดที่แถลงไว้ร้อยละ 65.96 มึนหนักจำนวนคนกาบัตรไม่ตรงกับใช้บัตรเกิน 9 ใบ “กฤช” อ้างอาจเกิดการเขย่ง คนแสดงตนไม่รอรับบัตร ดันคะแนนป๊อปปูลาร์โหวต พปชร.ทะลัก 8.4 ล้านเสียง พท. 7.9 ล้านเสียง “เจ๊หน่อย” อึ้งอย่างนี้ก็ได้เหรอบัตรงอกเกิดใหม่กว่า 4 ล้านใบ “ภูมิธรรม” สับเลอะ เทอะล้มละลาย “ชูศักดิ์” ฉะไม่บริสุทธิ์ส่งหีบบัตรผิดเขตปั่นยอดบัตรเสีย อนค. เฮได้ลุ้น ส.ส.เพิ่ม มั่นใจไม่มีงูเห่า “ยงยุทธ” ปลุกประชาชนปลดล็อก ตั้ง “รัฐบาลแห่งชาติภาคประชาชน” “สนธิรัตน์” มั่นใจตั้งรัฐบาลได้ชัวร์ แกนนำฮึ่ม มท.-คค.ห้ามแตะ ให้ ภท.ได้แค่ กษ.-สธ. ปชป. แตกยับ “ถาวร” ระดมพลหัก “มาร์ค” ชงให้ กก.บห.ชุดใหม่กับ ส.ส.เคาะอนาคตพรรค

หลังจากถูกกระแสกดดันอย่างหนักให้ประกาศผลการนับคะแนนเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ในที่สุดคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประกาศผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยมีจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีทั้งสิ้น 51,239,638 คน มีผู้มาใช้สิทธิ 38,268,375 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 74.69 เพิ่มขึ้นจากที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้อย่างมากมาย จนน่าเป็นที่น่าสงสัยเคลือบแคลงของสังคมหนักยิ่งขึ้น

กกต.ประกาศคะแนน 100%

เมื่อเวลา 15.15 น. วันที่ 28 มี.ค. ที่สำนักงาน คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายกฤช เอื้อวงศ์ รองเลขาธิการ กกต. แถลงผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการว่า คณะกรรมการ กกต.มีมติที่ 33/ 2562 ลงวันที่ 25 มี.ค. ให้เปิดเผยผลคะแนนการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ ภายหลังได้รับการรายงานผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการ 100 เปอร์เซ็นต์ จากสำนักงาน กกต.ทั่วประเทศ เป็นการรายงานเฉพาะ ส.ส.แบบแบ่งเขต และคะแนนรวมของแต่ละพรรค การเมือง ส่วนของ ส.ส.แบบแบ่งเขตมีผู้สมัครทั้งสิ้น 11,181 คน ถูกตัดสิทธิสมัครไป 572 คน คงเหลือผู้สมัคร 10,609 คน และผลคะแนนของพรรคการเมือง 81 พรรค

อ้างแสดงตนแต่ไม่รับบัตร เพื่อไทยจวกผู้มีสิทธิเพิ่มมาอื้อ สุริยะปัดคุย "งูเห่า" เพื่อไทย

กกต.แถลงแล้วผลนับคะแนนเลือกตั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ ตะลึงพ้น 4 วันยอดผู้มาใช้สิทธิพรวด 38 ล้าน หรือร้อยละ 74.69 ทิ้งขาดยอดที่แถลงไว้ร้อยละ 65.96 มึนหนักจำนวนคนกาบัตรไม่ตรงกับใช้บัตรเกิน 9 ใบ “กฤช” อ้างอาจเกิดการเขย่ง คนแสดงตนไม่รอรับบัตร ดันคะแนนป๊อปปูลาร์โหวต พปชร.ทะลัก 8.4 ล้านเสียง พท. 7.9 ล้านเสียง “เจ๊หน่อย” อึ้งอย่างนี้ก็ได้เหรอบัตรงอกเกิดใหม่กว่า 4 ล้านใบ “ภูมิธรรม” สับเลอะ เทอะล้มละลาย “ชูศักดิ์” ฉะไม่บริสุทธิ์ส่งหีบบัตรผิดเขตปั่นยอดบัตรเสีย อนค. เฮได้ลุ้น ส.ส.เพิ่ม มั่นใจไม่มีงูเห่า “ยงยุทธ” ปลุกประชาชนปลดล็อก ตั้ง “รัฐบาลแห่งชาติภาคประชาชน” “สนธิรัตน์” มั่นใจตั้งรัฐบาลได้ชัวร์ แกนนำฮึ่ม มท.-คค.ห้ามแตะ ให้ ภท.ได้แค่ กษ.-สธ. ปชป. แตกยับ “ถาวร” ระดมพลหัก “มาร์ค” ชงให้ กก.บห.ชุดใหม่กับ ส.ส.เคาะอนาคตพรรค

หลังจากถูกกระแสกดดันอย่างหนักให้ประกาศผลการนับคะแนนเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ในที่สุดคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประกาศผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยมีจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีทั้งสิ้น 51,239,638 คน มีผู้มาใช้สิทธิ 38,268,375 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 74.69 เพิ่มขึ้นจากที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้อย่างมากมาย จนน่าเป็นที่น่าสงสัยเคลือบแคลงของสังคมหนักยิ่งขึ้น

กกต.ประกาศคะแนน 100%

เมื่อเวลา 15.15 น. วันที่ 28 มี.ค. ที่สำนักงาน คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายกฤช เอื้อวงศ์ รองเลขาธิการ กกต. แถลงผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการว่า คณะกรรมการ กกต.มีมติที่ 33/ 2562 ลงวันที่ 25 มี.ค. ให้เปิดเผยผลคะแนนการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ ภายหลังได้รับการรายงานผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการ 100 เปอร์เซ็นต์ จากสำนักงาน กกต.ทั่วประเทศ เป็นการรายงานเฉพาะ ส.ส.แบบแบ่งเขต และคะแนนรวมของแต่ละพรรค การเมือง ส่วนของ ส.ส.แบบแบ่งเขตมีผู้สมัครทั้งสิ้น 11,181 คน ถูกตัดสิทธิสมัครไป 572 คน คงเหลือผู้สมัคร 10,609 คน และผลคะแนนของพรรคการเมือง 81 พรรค

คนมากาบัตรสุทธิพรวด 74%

นายกฤชกล่าวว่า สำหรับจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีทั้งสิ้น 51,239,638 คน มีผู้มาใช้สิทธิ 38,268,375 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 74.69 ผู้ไม่ มาใช้สิทธิ 12,971,263 คน หรือร้อยละ 25.31 เป็น ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากการแถลงของนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ในวันที่ 24 มี.ค. เนื่องจากตัวเลขในขณะนั้นเป็นการนับคะแนนที่ 94 เปอร์เซ็นต์ แต่ล่าสุดเป็นตัวเลขที่ 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ใช้ไปมีทั้งสิ้น 38,268,366 ใบ แยก เป็นบัตรดี 35,532,647 คิดเป็นร้อยละ 92.85 บัตรเสีย 2,130,327 ใบ หรือคิดเป็นร้อยละ 5.57 บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 605,392 ใบ หรือคิดเป็นร้อยละ 1.58

พปชร.ป๊อปปูลาร์โหวตพุ่ง 8.4 ล้าน

นายกฤชกล่าวอีกว่า คะแนนของพรรคการเมือง 100% จากทุกจังหวัด โดยพรรคที่มีคะแนน ซึ่งอาจนำมาคำนวณเป็นเก้าอี้ ส.ส.บัญชีรายชื่อมีประมาณ 30 พรรค อาทิ พลังประชารัฐ 8,433,137 คะแนน เพื่อไทย 7,920,630 คะแนน อนาคตใหม่ 6,265,950 คะแนน ประชาธิปัตย์ 3,947,726 คะแนน ภูมิใจไทย 3,732,883 คะแนน เสรีรวมไทย 826,530 คะแนน ชาติไทยพัฒนา 782,031 คะแนน เศรษฐกิจใหม่ 485,664 คะแนน ประชาชาติ 485,436 คะแนน เพื่อชาติ 419,393 คะแนน รวมพลังประชาชาติไทย 416,324 คะแนน ชาติพัฒนา 252,044 คะแนน พลังท้องถิ่นไท 213,129 คะแนน รักษ์ผืนป่าประเทศไทย 136,597 คะแนน และพลังปวงชนไทย 81,733 คะแนน เป็นต้น

มึนผู้ใช้สิทธิน้อยกว่าบัตรที่ใช้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าวมีการทักท้วงตัวเลขที่นายกฤชแถลงและตัวเลขเอกสารที่แจกให้กับสื่อมวลชนไม่ตรงกัน รวมถึงจำนวนบัตรที่ใช้กับผู้มาใช้สิทธิไม่ตรงกัน โดยมีผู้มา ใช้สิทธิ 38,268,375 แต่ใช้บัตรไป 38,268,366 ใบ เกินไป 9 ใบ

นายกฤชให้สัมภาษณ์ผ่านทางโทรศัพท์ชี้แจงถึงกรณีที่จำนวนผู้มาใช้สิทธิไม่ตรงกับยอดบัตรที่ใช้ไปจำนวน 9 ใบว่า อาจเกิดการเขย่งในจำนวนผู้มา ใช้สิทธิกับบัตรที่ใช้ ซึ่งอาจมีสาเหตุจากกรณีที่ผู้มี สิทธิเลือกตั้งไปแสดงตนใช้สิทธิ แต่ไม่ได้รับบัตรเลือกตั้ง แล้วเดินออกจากหน่วยเลือกตั้งไป เป็นข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้ จากหน่วยเลือกตั้งที่มีกว่า 92,000 หน่วยทั่วประเทศ ส่วนการสอบทานไปยังหน่วยลงคะแนนถ้าหน่วยใดรายงานผิดนั้นก็สามารถสอบทาน ได้ว่าเกิดการผิดพลาดที่หน่วยเลือกตั้งใด

พบเรื่องร้องเรียน 71 เรื่อง

ร.ต.อ.มนูญ วิเชียรนิตย์ ผอ.สำนักสนับสนุนงานสืบสวนสอบสวน สำนักงาน กกต. กล่าวถึงเรื่องร้องเรียนที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานสืบสวนฯว่า มีเรื่องร้องเรียนกล่าวหา 71 เรื่อง และ มีความปรากฏต่อสำนักงาน กกต. 40 เรื่อง จะได้ตรวจ มูลคดีและตั้งกรรมการไต่สวน หากมีมูลจะแจ้งข้อกล่าวหาไปยังฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาทราบ ท้ายที่สุดจะต้องส่งเรื่องทั้งหมดให้คณะกรรมการ กกต.ลงมติ

3 ผู้สมัครเพื่อไทยร้องพบทุจริต

เมื่อเวลา 15.30 น. ที่สำนักงาน กกต. นาย สหรัฐ กุลศรี ผู้สมัคร ส.ส.สุพรรณบุรี เขต 4 นายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 9 ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ สุรนาทยุทธ์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 7 เข้าร้อง กกต.กรณีพบการทุจริตในเขตเลือกตั้ง นายสุรชาติกล่าวว่า พบความไม่ชอบมาพากลในการนับคะแนนของเขต 9 ผลคะแนนไม่ขึ้น บัตรเลือกตั้งเกินจำนวนผู้ใช้สิทธิแต่ ผอ.เขตหลักสี่กลับแจ้งในเช้าวันรุ่งขึ้นว่าเป็นการเข้าใจผิด ยังพบว่ามีการนำบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าของเขต 9 ไปนับที่เขต 1 ซึ่ง ผอ.เลือกตั้งเขต 1 ทักท้วงแล้วแต่กรรมการที่นับคะแนนให้พิจารณาเป็นบัตรเสีย กรรมการประจำเขต 9 ไม่ชี้แจง รวมทั้งสำนักงานพรรคเพื่อไทย ได้รับแจ้งจากประชาชนว่า มีชื่อผู้มีสิทธิในบ้านเลขที่ 33/3 ถนนลาดยาว ซึ่งเป็นที่ตั้งของทัณฑสถานหญิงกลางไม่น่าจะมีชื่อผู้มีสิทธิแต่กลับมีชื่อโผล่มาถึง 252 คน หาก กกต.สอบสวนไม่มีความกระจ่างขอให้มีการเลือกตั้งใหม่

“นิติภูมิ” แชร์ข่าวปลอม 45 ใบแดง

ก่อนหน้านั้นเวลา 10.00 น. ร.ต.อ.นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย รองหัวหน้าพรรคประชาชาติ ได้ โพสต์เฟซบุ๊กว่า “มีคนส่งข่าวบอกว่า มีแนวโน้ม กกต.เตรียมแถลงแจกใบแดงว่าที่ ส.ส.45 เขต พรรคเพื่อไทย 28 เขต อนาคตใหม่ 15 พลังประชารัฐ 2 เลือกตั้งซ่อม 21 เม.ย. ทำให้ตอนนี้พลังประชารัฐมี ส.ส.เป็นอันดับ 1 จำนวน 115 เสียง เพื่อไทยมี ส.ส.111 เสียง ขออย่าให้ข่าวนี้เป็นความจริงเลย กลัวบ้านเมืองจะร้อนเป็นไฟ เราต้องการความสงบ การเลือกตั้งมันน่าจะจบไปได้แล้ว คนหรือพรรคที่แพ้ก็ควรจะปรับปรุงนโยบาย และวิธีการหาเสียงสำหรับครั้งต่อไป” ต่อมาเวลา 14.30 น. ร.ต.อ.นิติภูมิธณัฐ โพสต์อีกครั้งว่า “วันนี้มาพบกับ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. เพื่อสอบถามข้อมูลที่ได้รับมาและโพสต์ไป เลขาธิการ กกต. บอกว่าข้อมูลนี้ไม่เป็นความจริง ยังไม่มีการพิจารณา และ กกต. ก็ได้ชี้แจงต่อสาธารณะไปแล้วเมื่อสักครู่ จึงขอความกรุณาทุกท่านว่าอย่าโพสต์หรือแชร์ข้อความนี้ต่อ และเพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดการสับสน ขออนุญาตลบโพสต์”

รองเลขาฯ กกต.ยันไม่จริง

นายกฤช เอื้อวงศ์ รองเลขาธิการ กกต. กล่าวถึงกระแสข่าวที่ กกต.จะแจกใบแดงมากถึง 45 ใบ ว่า ข่าวดังกล่าวเป็นข่าวเท็จ การพิจารณาเรื่องร้องเรียน และคัดค้านต่างๆยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของ กกต. มีขั้นตอนดำเนินการ แต่ยังไม่ได้ตั้งธงว่าจะให้ใบเหลือง ใบแดงจำนวนเท่าใด และพรรคไหน ผู้ที่ปล่อยข่าวเท็จทำให้เกิดความเสียหายและสร้างความสับสนนั้น กกต.จะดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายต่อไป


“เจ๊หน่อย” ตะลึงบัตรงอก 4 ล้านกว่า

เมื่อเวลา 17.00 น. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า “หลังปิดหีบลงคะแนน 24 มี.ค. 21.30 น. กกต. แถลงผลการลงคะแนนว่า มีผู้มาใช้สิทธิร้อยละ 65.96 รวมจำนวน 33,775,230 คน วันที่ 28 มี.ค. 14.50 น. กกต.แถลงอีกครั้ง ผู้มาใช้สิทธิเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 74.69 จำนวนเพิ่มเป็น 38,268,375 คน 4 วันมีบัตรเกิดใหม่ในหีบ 4,493,145 ใบ แบบนี้ก็ได้เหรอคะ ThailandOnly”

สับ กกต.เลอะเทอะล้มละลาย

เวลา 17.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ยังมีคำถามอีกมากทั้งตัวเลขผู้มีสิทธิและผู้มาใช้สิทธิที่ไม่ตรงกันระหว่างการแถลงของ กกต.วันที่ 24 มี.ค.กับ 28 มี.ค.เมื่อเห็นตัวเลข กกต.แล้วปวดหัวมีความไม่น่าเชื่อถือ กกต.ต้องทำให้ชัดเจนไม่เช่นนั้นจะเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของ กกต. เรียกร้องให้ กกต.เปิดเผยผลคะแนนรายหน่วย เรื่องสำคัญต้องทำตัวเลขออกมาให้ชัด ไม่ใช่เปลี่ยนไปตาม อำเภอใจในแต่ละวัน เพราะมีผลไปถึงการเปลี่ยน ส.ส.ของแต่ละพรรค องค์กรระดับชาติเปลี่ยนตัวเลขเช่นนี้ถือเป็นความเลอะเทอะ เมื่อ กกต.ไม่สามารถสร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้นได้นานาประเทศจะเชื่อมั่นได้อย่างไร จะไปพูดอะไรไปถึงการตั้งรัฐบาลเพราะล้มเหลวไม่น่าเชื่อถือ เป็นรัฐบาลล้มละลายไปกับกระบวนการจัดการเลือกตั้ง

ข้องใจผู้มีสิทธิเพิ่มกว่า 3 หมื่นคน

นายนพดล ปัทมะ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตัวเลขที่ประธาน กกต.แถลงเมื่อวันที่ 24 มี.ค.กับวันที่ 28 มี.ค. มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพิ่มมาประมาณ 3 หมื่นกว่าคน ถือเป็นสิ่งที่ไม่น่าเกิดขึ้น ควรชัดเจนก่อนวันเลือกตั้ง ขณะที่ตัวเลขผู้มาใช้สิทธิเพิ่มขึ้น 4.4 ล้าน เป็นเรื่องที่แปลกมาก กกต.ต้องชี้แจงจำนวนที่เพิ่มขึ้นมาจากอะไร

ฉะสกปรกส่งหีบผิดเขตให้บัตรเสีย

นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การนำบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าจากเขตหนึ่งนำไปนับอีกเขตหนึ่ง แล้วกรรมการประจำหน่วยขานเป็นบัตรเสีย แสดงว่ามาจากเขตอื่นที่นำมานับเป็นบัตรใครก็ไม่รู้แล้วเขตอื่นๆจะมีกรณีเช่นนี้ในเขตเลือกตั้งอื่นอีกหรือไม่ก็ไม่ทราบ แล้วพอจะพูดได้หรือไม่ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม

อนค.โดนใบเหลือง-แดงแต้มพุ่งอีก

เมื่อเวลา 16.30 น. ที่พรรคอนาคตใหม่ น.ส.พรรณิการ์ วาณิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ แถลงว่าเป็นเวลา 94 ชม.หลังปิดหีบเลือกตั้งเราถึงได้ทราบผลคะแนนเลือกตั้งอย่างสมบูรณ์ พรรคอนาคตใหม่ มีว่าที่ ส.ส.เขต 30 เขต ส่วนบัญชีรายชื่อ จากการคำนวณของเรา จะมีไม่ต่ำกว่า 50 คน หมายความว่าเราจะมี ส.ส. 80 คนขึ้นไปจาก 6.2 ล้านคะแนน แต่ต้องรอดู กกต. ว่าจะเคาะจำนวนคะแนนเสียง ต่อ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 1 คน จำนวนเท่าไร และจะมีใบเหลือง ใบแดงให้กับ ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่เท่าไร เรายืนยันว่าพรรคอนาคตใหม่ไม่มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง หรือทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง แต่หากได้รับจริงเราพร้อมเลือกตั้งซ่อม และเชื่อว่าประชาชนจะเทคะแนนให้เรามากกว่าเดิม หลังเห็นแล้วว่าสถานการณ์หลังการเลือกตั้งมีความพยายามที่จะสืบทอดอำนาจของ คสช.แต่เชื่อว่าคะแนนมีแต่จะเพิ่มขึ้น และเผลอๆนอกจากจะได้จำนวน ส.ส.เขตเพิ่มขึ้นแล้ว จำนวน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของเราอาจเพิ่มขึ้นอีกด้วย เรายินดีจะพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งในสนามเลือกตั้ง

เชื่อใจว่าที่ ส.ส.ไม่มีงูเห่าในพรรค

เมื่อถามว่า มีกระแสเรื่องงูเห่าของพรรคอนาคตใหม่ มีความกังวลหรือไม่ น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า พรรคอนาคตใหม่มีความเชื่อมั่นในตัวว่าที่ ส.ส.ทุกคน เพราะไม่เคยมีการซื้อหรือดูดตัวผู้สมัคร ยอมรับมีเป็นไปได้และมีความพยายามในการดูดตัวว่าที่ ส.ส.ของพรรค แต่เชื่อมั่นว่าพรรคที่ยึดโยงด้วยอุดมการณ์ยากที่จะมีใครถูกดึงตัวไป ทั้งนี้ ในวันที่ 30-31 มี.ค.พรรคอนาคตใหม่จะจัดอบรมว่าที่ ส.ส. เพราะทุกคนล้วนเป็นหน้าใหม่ทางการเมือง และมีการลงนามอุดมการณ์ทางการเมืองร่วมกัน เช่นการทำให้เกิดรัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชน และไม่ใช่การบังคับ เชื่อทุกคนจะยึดมั่นในอุดมการณ์เดียวกัน


“ยงยุทธ” ชวนฝ่าวิกฤติก่อนถูกยึดอำนาจ

วันเดียวกัน นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา และผู้สนับสนุนพรรคเพื่อชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก กรณีหลายฝ่ายพยายามจัดตั้งรัฐบาลในขณะนี้ว่า “รัฐบาลแห่งชาติภาคประชาชน ฝั่งหนึ่ง ตั้งรัฐบาลได้ แต่บริหารไม่ได้ ฝั่งหนึ่ง บริหารได้ แต่ตั้งรัฐบาลไม่ได้ อย่ายอมรับกติกาที่บิดเบี้ยว ส.ส.ถูกซื้อเป็นงูเห่าการเมือง ภาคประชาชนต้องช่วยกัน “ปลดล็อก” ด่วน ก่อนมีการยึดอำนาจ ทั้งนี้ภาคประชาชนเท่านั้น ที่จะต้องร่วมกันเยียวยาเสรีภาพ ถ้า ส.ส.ท่านใดที่เห็นด้วย ออกมายืนด้วยกันตรงนี้ หลังจากนั้นลงมติหาประธานสภาฯ หานายกฯตั้ง ครม. ฝ่าวิกฤตินี้ไปด้วยกันครับ ช่วงนี้เลิกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเถอะครับ” พร้อมติดแฮชแท็ก #อย่าอยู่แบบเลือกข้าง #ขอให้อยู่เพื่อประเทศของเรา #เอามีชัยไปลอยกระทงกันเถอะ


“สุริยะ” ปัดคุยงูเห่าเพื่อไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชารัฐ ช่วงเช้าบรรดาแกนนำทยอยเข้าพรรค อาทิ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงการเลือกตั้ง นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ประธานยุทธศาสตร์ กทม. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์ภาคอีสาน จากนั้นเวลา 12.45 น. นายสุริยะให้สัมภาษณ์ว่า ตั้งใจมาสอบถามการรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลไปถึงไหน ส่วนการเจรจาดึงพรรคเล็กเพื่อรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ต้องถามหัวหน้าและเลขาธิการพรรค ตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับการพูดคุยเจรจาหาพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ได้ไปพูดคุยกับอดีต ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย แม้ว่าจะเคยเป็นอดีตเลขาธิการของพรรคไทยรักไทยมาก่อน

เย้ยฝั่งโน้นบวกเลขยังไงก็ไม่ถึงครึ่ง

เมื่อถามว่า ตัวเลข ส.ส.เฉียดฉิวกัน ส่งผลตั้งรัฐบาลทั้ง 2 ฝ่ายยากลำบากหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ดูจากพรรคที่ไปพูดคุยกับพรรคเพื่อไทย รวม ส.ส.ได้ 253 เสียง พยายามจะทำเพื่อให้เกิดความชอบธรรม ทำให้ตัวเลขเกินทั้งที่จริงๆแล้วตัวเลขไม่ถึง ดูตามกฎหมายที่กำหนดในสัดส่วนบัญชีรายชื่อจากตัวเลขที่ออกมาไม่ถึง ที่มาบอกว่าได้คะแนนเกินกว่าครึ่งแล้ว ถ้าดูจาก ส.ส.เขตและ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ คำนวณตามคะแนนที่ได้รับทั้ง 6 พรรค อย่างไรก็ไม่ถึง ฝ่ายเราต้องดูตัวเลข กกต.ก่อน ยังไม่ได้พูดว่าเราจะรวบรวมเสียงได้เกิน 251 เสียงเพียงแต่พูดว่าที่อีกฝ่ายบอกได้เสียงเกิน 251 เสียงไม่จริง เมื่อถามว่าตอนนี้มีว่าที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย มีใจโน้มเอียงมาในฝั่งพรรคพลังประชารัฐบ้างหรือไม่ นายสุริยะกล่าวว่า “ในส่วนนี้ไม่มีคำตอบจากผม”


“สมศักดิ์” หยันแค่สีสันช่วงชิงจังหวะ

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลว่า เวลานี้อาจยังเร็วไปที่จะพูดถึง ยังอยู่ในขั้นตอนที่ กกต.รับรองผลการเลือกตั้ง อาจต้องใช้เวลาอีก 1 เดือนตามกรอบที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ คนทั่วไปอาจคิดว่าช้าใช้เวลานานเกินไปหรือไม่ แต่นี่คือกฎเกณฑ์ที่ทำให้เกิดความชัดเจน กกต.ต้องดูให้ชัดเจน มีเรื่องร้องเรียนการเลือกตั้งจำนวนมาก อาจมีการแจกใบเหลืองใบแดงในบางเขตหรือไม่ ต้องพิจารณาอย่างละเอียด หากรีบร้อนพิจารณาอาจเกิดผลเสียมากกว่าผลดี ขอให้ใจเย็นๆเพราะมีกรอบระยะเวลากำหนดไว้อยู่แล้ว ส่วนที่พรรคเพื่อไทยแถลงข่าวประกาศลงนามสัตยาบันร่วมรัฐบาลกับอีก 5 พรรคเป็นการช่วงชิงกระแสจัดตั้งรัฐบาลถือเป็นสีสันช่วงนี้ แต่ดูเหมือนว่ายังไม่สมบูรณ์เพียงพอเพราะเสียงค่อนข้างจะปริ่มๆ 250 เสียง กกต.ยังไม่รับรองผล ส.ส.ทั้งหมด เป็นจุดหนึ่งทำให้พรรคต้องเร่งทำงานให้เร็วและหนักมากขึ้น

ปัดหวงก้างยึดหมดกระทรวง ศก.

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าพรรคพลังประชารัฐต้องการเก้าอี้กระทรวงด้านเศรษฐกิจทั้งหมด นายสมศักดิ์ กล่าวว่ายังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงเก้าอี้หรือตำแหน่งใดๆ ก่อนหน้านี้ในยุครัฐบาล คสช.อาจมีทีมเศรษฐกิจแค่ทีมเดียวที่ดูแลทั้งหมด แต่เมื่อเกิดรัฐบาลใหม่ขึ้นหากพรรคพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาล จะต้องมีพรรคร่วมที่มีบุคคลที่มีความสามารถด้านเศรษฐกิจอีกจำนวนมาก ต้องพิจารณาความเหมาะสมทั้งความสามารถ ความเชี่ยวชาญและวิสัยทัศน์ต่างๆที่เข้ากับนโยบายของพรรคพลังประชารัฐและพรรคร่วมที่นำเสนอ


“สนธิรัตน์” มั่นใจตั้งรัฐบาลได้แน่

เมื่อเวลา 16.30 น. นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวภายหลัง กกต.แถลงตัวเลขผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าเป็นความชัดเจนครั้งที่ 1 ทำให้รู้ว่าเราจะมี ส.ส.เท่าไหร่ บัญชีรายชื่อยังไม่นิ่ง ตัวเลขเปลี่ยนมีผลต่อการคำนวณ ตอนนี้ก้ำกึ่งกันมากต้องใช้เวลาคำนวณ จากตัวเลขที่เห็นมั่นใจเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้แน่ เราว่าตามขั้นตอนไม่เร่งรีบยังมีเวลา อย่างน้อยถือเป็นจุดเริ่มต้นดำเนินการต่อ ทีมงานพรรคดูได้แล้วเบื้องต้นว่าพรรคไหนได้คะแนนเสียงเท่าไร รวมถึงพรรคขนาดเล็กด้วย เวลานี้ทุกคะแนนมีความหมาย ในสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกันมากๆ ทุกคะแนนย่อมมีความหมาย

แขวะซีก พท.ดูแล้วไม่ถึง 250 เสียง

นายสนธิรัตน์กล่าวว่า เราเห็นแล้วว่าแต่ละกลุ่ม แต่ละพวกได้คะแนนเป็นเท่าไหร่ คะแนนที่ประกาศเมื่อวันที่ 27 มี.ค. พบว่ามีไม่ถึง 250 ที่นั่ง เราจะรวบรวมและประเมินสถานการณ์ต่อไป เมื่อถามว่าแล้วของพลังประชารัฐที่จับมือพรรคอื่นเกิน 250 ที่นั่งหรือไม่ นายสนธิรัตน์ยิ้มก่อนตอบว่ายังไม่ขอตอบ ยังไม่ถึงเวลา ตอนนี้ยังมีความก้ำกึ่งกัน ส่วนของพรรคนิ่งแล้วจะบอก ถือว่ายังไม่หมดเวลา การประกาศตัวเลขอย่างเป็นทางการของ กกต.มีได้ถึงวันที่ 9 พ.ค. เมื่อ กกต.ประกาศแล้วจะถือว่านิ่ง ได้เห็นตัวเลขบัญชีรายชื่อที่แท้จริง เมื่อถามอีกว่าคะแนนที่เปลี่ยนแปลงไปจะทำให้ 6 พรรคการเมืองที่จับมือกับพรรคเพื่อไทย เปลี่ยนใจหรือไม่ นายสนธิรัตน์บอกว่าไม่ทราบ

ปฏิเสธโยนกระทรวงเกรดเอให้ ภท.

เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าพรรคภูมิใจไทย ต่อรองขอเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงเกรดเอ นายสนธิรัตน์ บอกว่า ไม่ทราบเรื่องนี้ เพราะนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเคยระบุว่าให้คุยกันหลังจากงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ในวันที่ 29 มี.ค. พรรคพลังประชารัฐจะประชุมเรื่องยุทธศาสตร์พรรค และในวันที่ 1 เม.ย.จะประชุมในส่วนของนโยบายเร่งด่วน และงบประมาณที่ต้องดำเนินการ ว่าต้องทำอะไรบ้าง หากเราได้เป็นรัฐบาล เมื่อถามว่าตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ไม่ค่อยสบายต้องให้น้ำเกลือ ได้ให้กำลังใจบ้างหรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ได้ให้กำลังใจกันตลอดเวลาอยู่แล้ว ท่านคงไม่เป็นอะไรมาก น่าจะอ่อนเพลีย คงไม่ใช่กังวลเรื่องผลการเลือกตั้ง

มท.–คค.ของข้าใครอย่าแตะ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐว่า แกนนำพรรคตั้งเป้ารวบรวมเสียง ส.ส.ให้ได้ 270 เสียง แต่ด้วยตัวเลข ส.ส.กับขั้วพรรคเพื่อไทยห่างกันไม่มาก ทำให้พรรคจะดึงมาร่วมรัฐบาลมีอำนาจต่อรองสูงแบ่งเก้าอี้รัฐมนตรี โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทยที่มีข่าวขอ 4 เก้าอี้คือ รองนายกฯ กระทรวงมหาดไทยเกษตรฯ และคมนาคม นั้นโควตากระทรวงคมนาคมยากมากที่พรรคพลังประชารัฐจะยอม เพราะเป็นกระทรวงหลักที่ต้องขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐาน การลงทุนอีอีซี นโยบายสำคัญรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยงบประมาณมหาศาลที่ต้องลงทุน ถึงขั้นแกนนำรัฐบาลกำชับกระทรวงคมนาคมปล่อยให้พรรคใดไม่ได้ รวมถึงกระทรวงสำคัญๆ เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงการ คลัง กระทรวงมหาดไทย พลังประชารัฐจะดูแลเอง สามารถจัดสรรให้พรรคภูมิใจไทยได้แค่กระทรวงเกษตรฯ และสาธารณสุข ขณะที่พรรคชาติไทยพัฒนาเบื้องต้น จะเสนอให้คุมกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและ 1 รัฐมนตรีช่วย

“ถาวร” รวมพลดันเลือก กก.บห.ใหม่

ส่วนปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคประชาธิปัตย์ตัวแปรสำคัญในการฟอร์มรัฐบาล เมื่อเวลา 12.00 น.ที่โรงแรมรอยัล ปริ๊นเซส หลานหลวง นายถาวร เสนเนียม ว่าที่ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ นัดหารือแลกเปลี่ยนกับว่าที่ ส.ส.ใหม่และอดีต ส.ส.เข้ามาร่วมพูดคุยรวม 28 คน โดยนายถาวรเปิดเผยว่าได้นัดทานข้าวเพื่อให้กำลังใจเพื่อนพี่น้องทั้งที่ชนะและพ่ายแพ้การเลือกตั้งหารือเพื่อถอดบทเรียนจุดอ่อนจุดแข็ง ทุกคนเห็นตรงกันว่าควรให้กรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคชุดใหม่และ ส.ส.ที่ชนะการเลือกตั้ง เป็นผู้ตัดสินใจอนาคตทางการเมืองของพรรค แต่ยังมีข้อกังวลว่าควรให้อดีต ส.ส.ที่แพ้เลือกตั้งมีส่วนร่วมด้วยหรือไม่ คนกลุ่มนี้ทำให้ ส.ส.บัญชีรายชื่อได้คะแนนจนได้เป็น ส.ส. การประชุมรักษาการ กก.บห.วันที่ 29 มี.ค.จะเสนอให้พิจารณาแก้ข้อบังคับพรรค ให้อดีต ส.ส.โหวตเลือก กก.บห.พรรคชุดใหม่ รวมถึงแก้ระเบียบการเลือกหัวหน้าพรรคไม่ต้องทำไพรมารีโหวต ไม่อยากเห็นความขัดแย้งในพรรคอีกควรปรึกษาหารือกัน สถานการณ์ไม่เอื้อให้ทำไพรมารีโหวต แม้แต่รัฐธรรมนูญยังฉีกได้ ส่วนคุณสมบัติบุคคลที่จะก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคควรสร้างความเป็นเอกภาพและต้องปฏิรูปพรรค ไม่ขอบอกใครเหมาะสมจะขึ้นนั่งเป็นหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคคนใหม่

แจงหนุนร่วม พปชร.ได้อันดับ 1

เมื่อถามถึงความเห็นว่าจะร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับฝ่ายใด นายถาวรกล่าวว่า ส่วนตัวยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ควรไปร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะได้คะแนนเสียงจากประชาชนมากที่สุดกว่า แต่ขึ้นอยู่กับมติของพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันตนมีวินัย เชื่อว่า กก.บห.พรรคมีมารยาทในการตัดสินใจเรื่องสำคัญของพรรค จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครทาบทามหรือพูดคุยให้เข้าร่วมรัฐบาล รวมถึงยังไม่มีการเสนอ ตำแหน่งรัฐมนตรีใดๆ นายชุมพล จุลใส ว่าที่ ส.ส.ชุมพร และอดีตแกนนำ กปปส. ซึ่งสนิทสนมใกล้ชิด กับแกนนำพรรคพลังประชารัฐ กล่าวยืนยันว่ายังไม่มีการเจรจาหรือทาบทามต่อสายพูดคุยให้ร่วมรัฐบาล แต่พูดคุยแสดงความยินดีในฐานะเป็นเพื่อน

28 คนว่าที่ ส.ส.–ส.ส.สอบตกมาพรึบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการหารือของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้มีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่ระดับรองหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค ว่าที่ ส.ส.และผู้สมัคร ส.ส.ที่สอบตก รวม 28 คน อาทิ ว่าที่ ส.ส.คือ 1.นายถาวร เสนเนียม ว่าที่ ส.ส. สงขลา 2.นายชุมพล จุลใส ว่าที่ ส.ส.ชุมพร 3.นาย ชินวรณ์ บุณยเกียรติ ว่าที่ ส.ส.นครศรีธรรมราช 4.น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ว่าที่ ส.ส.สมุทรสงคราม 5.น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 6.นายชัยชนะ เดชเดโช ว่าที่ ส.ส.นครศรีธรรมราช 7.น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ว่าที่ ส.ส.นครศรีธรรมราช 8. นายอันวา สาและ ว่าที่ ส.ส.นราธิวาส ส่วนอดีต ส.ส.สอบตกคือ 9.นายวิทยา แก้วภราดัย 10.นายเจือ ราชสีห์ 11.นายเอกณัฏ พร้อมพันธุ์ 12.นพ.วรงค์ เดช–กิจวิกรม 13.นายชัยวุฒิ ผ่องแพ้ว 14.นายชุมพล กาญจนะ 15.นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี 16.นายอนุชา บูรพชัยศรี 17.นายศุภชัย ศรีหล้า 18.นายชนินทร์ รุ่งแสง เป็นต้น

กลุ่มปฏิรูป ปชป.ชง 4 ชื่อชิง หน.พรรค

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวงหารือ มีสมาชิกบางคนอ้างเป็นกลุ่มปฏิรูปพรรคฟังความเห็นของเพื่อนสมาชิก เสียงส่วนใหญ่เห็นว่าจะให้คนที่ร่วมเป็น กก.บห.รักษาการนำเสนอแนวคิดขอให้ กก.บห.ชุดใหม่และว่าที่ ส.ส.ใหม่กว่า 50 คน เป็นผู้ตัดสินอนาคตดีกว่า กก.บห.รักษาการมาตัดสิน โดยหยิบยกชื่อแคนดิเดตหัวหน้าพรรคคนต่อไปไว้ 4 คน คือ 1.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรค 2.นายกรณ์ จาติกวนิช 3.นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน รองหัวหน้าพรรค และ4.นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ แต่จะไม่ใช้การแข่งขันและทำไพรมารีโหวต จะให้พูดคุยและแสดงวิสัยทัศน์จุดยืนแต่ละคนต่อมวลสมาชิกพรรค ในการประชุมนอกรอบเวลา 13.00 น. วันที่ 29 มี.ค. ที่ห้องประชุมชั้น 3 อาคาร ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเวทีรับฟังความเห็นเช็กเสียงแบบขอฉันทามติของพรรค เลี่ยงรูปแบบการแข่งขันของคู่แคนดิเดตที่จะสร้างความขัดแย้งแตกแยกในพรรค ล่าสุดนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ ได้ขอถอนชื่อแล้ว

อดีต ส.ส.เป็นฝ่ายค้าน–ว่าที่ ส.ส.ขอซบ พปชร.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่สมาชิกพรรคส่วนใหญ่ โดยเฉพาะว่าที่ ส.ส.ต่างเห็นพ้องกับข้อเสนอที่ต้องการให้ กก.บห.ชุดใหม่เป็นผู้ตัดสินอนาคตพรรค อาทิ นายชุมพล กาญจนะ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี ขั้วนายถาวร เสนเนียม ระบุว่ามาร่วมหารือในวงเพื่อนๆสมาชิกพรรคที่มีวิกฤติ เพื่อเสนอแนวทางให้ ส.ส.ของพรรคเดินทางกลับบ้านได้ เพราะถ้าหากเราไปร่วมงานกับอีกซีกที่เคยต่อสู้กะเขา จะตอบชาวบ้านในพื้นที่ได้อย่างไร แต่ถ้าเราไปเข้าร่วมกับอีกฝั่ง มันจะตรงกับใจของชาวบ้าน ส.ส.ของเราก็กลับบ้านได้ ตอบคำถามประชาชนได้ ขณะที่บรรดาสมาชิกที่เป็นอดีต ส.ส.ส่วนใหญ่อยากให้ทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านในการตรวจสอบ เพราะเป็นจุดแข็งของพรรค ขณะที่นายวิรัช ร่มเย็น กก.บห.ชุดรักษาการ ขั้วนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ระบุว่าข้อเสนอต่างๆต้องพิจารณาให้รอบคอบว่ามีกฎหมายรองรับหรือไม่ และการเลือกตั้ง กก.บห.ชุดใหม่ รวมถึงหัวหน้าพรรคคนใหม่ควรเริ่มกระบวนการหลังวันที่ 9 พ.ค.ที่ กกต.ประกาศรับรองผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการก่อน

รุ่นเก๋าแนะสงวนท่าทีดีเลย์รอรับรอง ส.ส.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นกับพรรคประชาธิปัตย์ ระดับผู้ใหญ่และผู้บริหารพรรคบางส่วนเป็นห่วงสถานการณ์มาก โดยเห็นว่าในสถานการณ์เช่นนี้พรรคประชาธิปัตย์ไม่ควรรีบแสดงท่าทีใดๆออกมา ควรดึงเวลาออกไป เพื่อรักษาภาพลักษณ์พรรคไม่ให้มีการแย่งชิงอำนาจการบริหารพรรคและกุมอำนาจการเจรจาต่อรองเข้าร่วมรัฐบาล โดยเชื่อว่าข้อเสนอของกลุ่มที่นำโดยนายถาวร ที่จะยื่นข้อเสนอต่อ กก.บห.รักษาการวันที่ 29 มี.ค. จะยังไม่มีมติพรรคใดๆออกมา ต้องรอให้มีการประกาศรับรองผล ส.ส.อย่างเป็นทางการจาก กกต.ออกมาก่อน หลังจากนั้นจึงจะจัดประชุมใหญ่พรรคได้ เพื่อคัดเลือกหัวหน้าพรรคและ กก.บห.ชุดใหม่ ตลอดระหว่างเดือน เม.ย.จะเกิดปัญหาการช่วงชิงการจัดตั้งรัฐบาลที่ทั้งสองขั้วเสียงปริ่มน้ำ จะเห็นภาพการต่อรอง การซื้อตัว ส.ส.จากพรรคต่างๆ เป็นงูเห่าทางการเมือง สมาชิกพรรคจะมีเวลาตกผลึกทางความคิดได้เองว่าเมื่อถึงเวลาพรรคต้องตัดสินใจเลือกเดินไปทิศทางใด

“ลูกบัญญัติ” ลั่นขอเป็นฝ่ายค้าน

ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 27 มี.ค.นายณัฏฐ์ บรรทัดฐาน อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์บุตรชายนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค โพสต์เฟซบุ๊กถึงทิศทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์หลังแพ้เลือกตั้ง ว่า ในสถานการณ์แบบนี้พรรคประชาธิปัตย์ไม่ควรไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับฝ่ายใดทั้งสิ้น แต่ใช้เวลานี้ทบทวนอุดมการณ์ของพรรค ทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มแข็ง ด้วยสถานการณ์แบบนี้ หน้าตารัฐธรรมนูญแบบนี้ เราควรเป็นฝ่ายค้าน วันนี้ประชาธิปัตย์แพ้เลือกตั้งแบบราบคาบ สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่เอาแนวทางที่นำเสนอ

ชี้จุดต่างชู “ป๋า” ไม่ใช่สืบอำนาจ

“ครั้งหนึ่งเราเคยสนับสนุน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ขึ้นเป็นนายกฯคนกลาง แต่นั่นเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งสิ้นสุดลงโดยชื่อ พล.อ.เปรม ถูกหยิบยกขึ้นมาภายหลัง นั่นไม่ใช่การสืบทอดอำนาจ พล.อ.เปรมไม่ได้เป็นนายกฯก่อนหน้านั้น ไม่ได้ถ่ายรูปติดป้ายหาเสียงกับผู้สมัคร ไม่ได้ขึ้นเวทีปราศรัยกับพรรคใด ที่สำคัญท่านไม่เคยแสดงพฤติกรรมแบบคุณประยุทธ์ว่า “ไม่อยากเข้ามา แต่อยากอยู่ต่อ” มีรัฐมนตรีรับเชิญในรัฐบาลออกไปตั้งพรรคไว้รองรับ พฤติกรรมของคุณประยุทธ์และคณะคือการสืบทอดอำนาจ ระหว่างที่ใครต่อใครต่างช่วงชิงการจับขั้วตั้งรัฐบาล หากเรากลับมาทบทวนทั้งอุดมการณ์พรรค หลักการ ความไว้วางใจของประชาชน ไม่นับผลเลือกตั้งที่เริ่มจะมีข้อสงสัยกันมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะยังประกาศผลไม่ได้ มองไม่เห็นว่าทำไมพรรคประชาธิปัตย์จึงควรจะไปอยู่ในวงจรของการตั้งรัฐบาลที่มีที่มาและที่จะไปขัดกับอุดมการณ์พรรคขนาดนั้น เราควรทำหน้าที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มแข็งบนหลักการและเหตุผลที่ถูกต้องของระบอบประชาธิปไตย” นายณัฏฐ์ระบุ

“อนุทิน” โวยสื่อเก่าทึกทักหนุน “ลุงตู่”

เมื่อเวลา 18.00 น. นายเสริมสุข กษิติประดิษฐ์ นักหนังสือพิมพ์ เป็นอดีตหัวหน้าข่าวสายทหารของหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า อนุทิน เสี่ยหนู หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยืนยันจุดยืนชัดเจนก่อนเดินทางไปต่างประเทศวันนี้ พร้อมหนุนลุงตู่เป็นนายกฯแน่นอน “โด้นวอรี่มายเฟรนด์”

ต่อมาเวลา 19.00 น. นายอนุทินได้แชร์ข้อความ ของนายเสริมสุขบนเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมระบุว่าเพื่อทราบกันให้ถูกต้องนะครับ โดยเฉพาะผู้โพสต์พรรคภูมิใจไทยจะยังไม่กำหนดแนวทางหรือทิศทางใดๆในทางการเมือง จนกว่าจะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการจาก กกต.หลังวันที่ 9 พ.ค. ข้อความหรือข่าวสารใดๆที่ไม่ได้ออกมาจาก พรรคภูมิใจไทยจึงไม่อาจเชื่อถือได้ ยืนยันว่าจะตัดสินใจทุกสิ่งบนหลักการที่คำนึงถึงประโยชน์ของชาติบ้านเมืองและประชาชนอย่างไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งใดๆทั้งสิ้น คิดเป็น ตัดสินใจเป็น จะไตร่ตรองทุกสิ่งด้วยความรอบคอบที่สุด หากใครยังไม่พอใจ เที่ยวหน้าก็ไม่ต้องเลือกพรรคภูมิใจไทยครับ ขอบพระคุณ

แกนนำ ภท.ปิดปากเงียบ

ส่วนบรรยากาศที่พรรคภูมิใจไทยตั้งเเต่ช่วงเช้าตลอดจนถึงช่วงเย็นเป็นไปอย่างเงียบเหงาไม่คึกคักเหมือนหลายวันที่ผ่านมา แต่ยังมีสื่อมวลชนมารอทำข่าวบางตากว่าทุกวัน หลังจากปรากฏข่าวเมื่อวันที่ 27 มี.ค.ว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เดินทางไปต่างประเทศ ส่วนแกนนำพรรคคนอื่นๆต่างเก็บตัวเงียบไม่ได้เดินทางมาที่พรรค หลังจากก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวสะพัดว่าพรรคภูมิใจไทยมีการเจรจาต่อรองกับพรรคพลังประชารัฐได้เก้าอี้รัฐมนตรีสำคัญถึง 4 ตำแหน่งคือ รองนายกฯ รมว.มหาดไทย รมว.เกษตรฯ รมว.คมนาคม แลกกับการเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐในฐานะเป็นตัวแปรสำคัญ นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวได้ พยายามโทรศัพท์สอบถามไปยังแกนนำหลายคน แต่ทุกคนยังปิดปากเงียบ ปฏิเสธจะให้สัมภาษณ์ทั้งสิ้นเกี่ยวกับจุดยืนของพรรค รวมถึงกรณีการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี ว่าเป็นความจริงหรือไม่

“บิ๊กตู่” เพลียให้น้ำเกลือนั่งทำงาน

สำหรับความเคลื่อนไหว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)เดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลตามปกติ โดยไม่มีกำหนดการประชุมใดๆอย่างเป็นทางการตลอดทั้งวัน ขณะที่เมื่อเวลา 10.50 น. เพจเฟซบุ๊ก Gen.prayut Chan-o-cha โพสต์ภาพ พล.อ.ประยุทธ์นั่งทำงานที่ตึกไทยคู่ฟ้า ให้น้ำเกลือไปด้วยที่บนมือด้านซ้าย พร้อมข้อความว่า “แอบถ่าย ...อุ้ย!!!...เติมพลัง...แข็งแรงๆครับเจ้านาย”ด้าน พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกฯเปิดเผยว่า นายกฯอ่อนเพลีย เนื่องจากลงพื้นที่ติดต่อกัน ไม่มีเวลาพักผ่อน เพื่อป้องกันไม่ให้ป่วยหนัก จึงให้แพทย์จากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้ามาให้น้ำเกลือบนห้องทำงานที่ตึกไทยคู่ฟ้า ปริมาณ 1000 มิลลิลิตร ทั้งนี้นายกฯเป็นห่วงสภาพจิตใจประชาชนที่เฝ้าติดตามข่าวการเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคการเมือง ขณะที่ กกต.ยังไม่ได้ประกาศผลอย่างเป็นทางการ ขอความร่วมมือสื่อมวลชนนำเสนอข่าวระดับที่เหมาะสม ลดความเครียดหรือความวิตกกังวลของประชาชน ไม่อยากให้นำปัญหาทางการเมืองซึ่งยังเป็นเรื่องอนาคตมาถกเถียงกันให้สับสน ขัดแย้งไม่สิ้นสุด ควรเคารพความคิดเห็นที่แตกต่าง รู้จักแยกแยะได้ว่าสิ่งที่ฝ่ายการเมืองทำอยู่ขณะนี้มีวัตถุประสงค์ที่แท้จริงอย่างไร

สุขใจนำพาสู่เลือกตั้งดังสัญญา

พ.อ.อธิสิทธิ์กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ขอให้สถาบันทางสังคม ทั้งครอบครัว สถาบันการศึกษา สื่อมวลชน ร่วมกันพัฒนาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทย ปลูกฝังศีลธรรมตามคำสอนของศาสนาที่ทุกคนเคารพนับถือ เพื่อสร้างสังคมสงบสุขปลอดภัยอย่างยั่งยืน คนไทยทุกช่วงวัยต้องรักสามัคคีกัน ศรัทธาในสิ่งที่ถูกต้อง ด้วยความรู้และคุณธรรม พิทักษ์ รักษาสถาบัน ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของเราต่อไป เพื่อทำให้ประเทศไทยมีภูมิคุ้มกัน วันนี้ยังมีคลื่นใต้น้ำที่นับว่าเป็นอันตราย อย่างยิ่งต่อบ้านเมือง อาจเกิดจากไม่รู้หรือไม่เจตนา

ด้าน พ.อ.หญิงทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า นายกฯฝากขอบคุณสื่อมวลชนและประชาชนทุกคนที่ห่วงใยสุขภาพ ขณะนี้นายกฯมีความสุขแข็งแรงดี เป็นธรรมดาที่คนมีอายุทำงานหนัก ต้องเติมพลังบ้าง ยืนยันยังแข็งแรง 100 เปอร์เซ็นต์ ตาหายเป็นปกติแล้ว สุขภาพใจก็ดี มีความสุขที่การเลือกตั้งเสร็จสิ้นไปเรียบร้อยด้วยดีตามรัฐธรรมนูญและได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้คือนำพาสู่การเลือกตั้งตามกระบวนการประชาธิปไตย ตามรัฐธรรมนูญ ขอขอบคุณคนไทยทุกคน

ยกนิ้วโป้ง–ไอเลิฟยูแจกหวานสื่อ

ต่อมาเวลา 14.20 น. นายกฯถอดสายน้ำเกลือ แล้วบันทึกเทปรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน เทปสุดท้ายก่อนยุติจัดรายการที่จะออกอากาศวันที่ 29 มี.ค. เสร็จแล้ว ได้ลงมายืนหน้าตึกไทยคู่ฟ้า พร้อมคณะทำงาน ดูคนสวนตัดแต่งกิ่งไม้อยู่บนสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า พร้อมกล่าวขอบคุณที่ช่วยกันทำงาน ก่อนหันมาขอบคุณผู้สื่อข่าวที่เป็นห่วงสุขภาพ ผู้สื่อข่าวสอบถามอาการเป็นอย่างไรบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “เป็นธรรมดาของคนแก่ ขอบคุณที่เป็นห่วง ตอนนี้ต้องเติมน้ำมันหน่อย เป็นธรรมดาเพราะมันตันหมดแล้ว แต่แข็งแรง ดีแล้ว” พร้อมทำท่าชกลมโชว์แข็งแรงดีแล้ว ก่อนกลับขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า บอกขอไปทำงานต่อ กระทั่งเวลา 16.40 น. พล.อ.ประยุทธ์เดินทางกลับออกจากทำเนียบรัฐบาล โดยก่อนขึ้นรถ นายกฯยิ้มโบกมือทำสัญลักษณ์ไอเลิฟยู และยกนิ้วโป้งให้ผู้สื่อข่าวหลังถูกถามแข็งแรงดีขึ้นหรือยัง โดยไม่ตอบคำถาม

“บิ๊กป้อม” เมิน “ทักษิณ” กองเชียร์ ปชต.

ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์ทวิตเตอร์ดีใจกับประเทศไทยที่ฝ่ายประชาธิปไตยรวบรวมเสียงได้เกินครึ่งหนึ่งของที่นั่งในสภา ขอเป็นเพียงกองเชียร์ให้ประเทศกลับสู่ระบอบประชาธิปไตยว่าขณะนี้การนับคะแนนยังไม่เรียบร้อย ถามว่าจะไป จัดตั้งรัฐบาลได้อย่างไร ต้องรอให้ กกต.นับคะแนนให้เรียบร้อยก่อน หลังวันที่ 9 พ.ค. ค่อยว่ากัน ขณะนี้ก็มีความปรองดองกันอยู่แล้ว ถือเป็นเรื่องธรรมดาของการเลือกตั้ง สถานการณ์ขณะนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ทั้งเรื่องการเมือง กระแสในโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะการล่ารายชื่อถอดถอน กกต.ออกจากตำแหน่ง กระแสในโซเชียลมีเดียเชื่อว่าควบคุมได้ สำหรับกรณีที่คณะกรรมการมูลนิธิศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหารมีมติถอดชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกจากศิษย์เก่าดีเด่น โรงเรียนเตรียมทหาร เรียกคืนรางวัลเกียรติยศจักรดาว ว่า ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของคณะกรรมการฯ จะทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ขึ้นหรือไม่ตนไม่ทราบ ส่วนทำไมเพิ่งจะมาดำเนินการขณะนี้ก็ไม่ทราบ ต้องไปถามคณะกรรมการฯ

รบ.อยู่จน ครม.ใหม่ถวายสัตย์

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ประชาชนเข้าชื่อเสนอถอดถอน กกต. จะทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะได้หรือไม่ ว่า ไม่ขอตอบ ไม่ทราบตอบไม่ถูก แม้รัฐธรรมนูญเปิดทางให้มีการเข้าชื่อเสนอถอดถอน กกต.ได้ แต่กระบวนการยาวไกล เริ่มจากรวบรวมรายชื่อ 2 หมื่นคนเสนอต่อประธานรัฐสภาส่งให้ประธานศาลฎีกาตั้งผู้ไต่สวนอิสระพิจารณาว่าจะถอดถอนหรือไม่ เมื่อถามว่า ข้อผิดพลาดของ กกต. เช่น บัตรเลือกตั้งจากนิวซีแลนด์ที่ไม่นำมานับเป็น คะแนน จะต้องมีคนรับผิดชอบหรือไม่ นายวิษณุ ระบุว่า ไม่ตอบ ไม่ทราบ เมื่อถามว่า หากพรรคการเมืองยังรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ รัฐบาลนี้จะอยู่ไปถึงเมื่อใด นายวิษณุตอบว่า ครม.จะต้องอยู่ต่อไปจนกว่า ครม.ชุดใหม่จะเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ไม่รู้ว่าเมื่อใด ไม่มีกรอบกำหนด

ผบ.สส.เชื่อมีรัฐบาลข้างมากจนได้

ที่กรมทหารราบที่ 11 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) ภายหลังการประชุมผู้บัญชาการทางทหาร มี ผบ.เหล่าทัพและ ผบ.ตร. เข้าร่วมประชุม พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.ทหารสูงสุด กล่าวว่าต้องขอขอบคุณทุกพรรคการเมืองได้ทำให้เรียบร้อยทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ในฐานะเลขา คสช. ได้คลายความกังวล ทุกอย่างเป็นไปตามโรดแม็ป ผลการเลือกตั้งติดตามดูเป็นไปปกติ การพยายามรวมเสียงเป็นรัฐบาลขอให้เป็นเรื่องของฝ่ายการเมือง เมื่อถามว่า หากการเลือกตั้งไม่ได้ข้อสรุปที่ดีจะเกิดรัฐประหารหรือไม่ พล.อ.พรพิพัฒน์กล่าวว่า เราอย่าไปตั้งเป้าว่าจบไม่ดี คนไทยต้องคิดบวก อุตส่าห์เดินทางตามโรดแม็ปมาถึงขั้นนี้แล้ว ขอให้ กกต.ประกาศยืนยันผลเป็นทางการทุกอย่างจะมีการฟอร์มรัฐบาลอย่างเป็นทางการ ในที่สุดจะสามารถมีรัฐบาลที่ได้เสียงข้างมากจนได้

ซัดอดีตนายกฯไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง

พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.ทหารสูงสุด กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการมูลนิธิศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหาร มีมติถอดชื่อนายทักษิณออกจากการเป็นศิษย์เก่าดีเด่น เรียกคืนรางวัลเกียรติยศจักรดาวว่าเป็นมติที่ประชุมคณะกรรมการศิษย์เก่าฯ รางวัลเกียรติยศผู้รับต้องรักษาเกียรติไว้ สิ่งที่รบกวนจรรยาบรรณและหลักนิยมของทหารคือ การใดก็ตามที่เป็นการจาบจ้วงไม่รู้ที่สูงที่ต่ำ ถึงเวลาต้องตัดสินใจ ไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ฮ่องกง เป็นเรื่องทั่วๆไป เมื่อข้อมูลมาถึงจุดหนึ่งต้องดำเนินการ เราเลือกระยะ เวลาที่เหมาะสม ไม่อยากให้ส่งผลกระทบไปเรื่องการเมือง

ม.นเรศวรตั้งโต๊ะลงชื่อสอย กกต.

ที่ตึกคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร นิสิตกลุ่มรักประชาธิปไตยตั้งโต๊ะให้นิสิตร่วมลงชื่อถอดถอน กกต.ผ่านเว็บไซต์ change.org/ec โดยนำแผ่นกระดาษมาให้นิสิตเขียนแสดงความคิดเห็นหัวข้อ “คุณอยากเห็นอะไรหลังจากการเลือกตั้ง” เพื่อรวบรวมไปเป็นคำแถลงต่อพรรคการเมือง มีกลุ่มนิสิตที่สนใจลงชื่อและแสดงความคิดเห็นอย่างต่อเนื่อง อาทิ 5,800 ล้าน ควรได้ดีกว่านี้ คะแนนพลิกอยู่พรรคเดียว อยากให้ กกต.มีความโปร่งใสตรวจสอบได้ ขณะที่นายรัฐพล ก้อนคำ นิสิตชั้นปีที่ 4 คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวว่า กิจกรรมนี้เพื่อให้นิสิตรู้ว่าสามารถมีส่วนร่วม สามารถเปลี่ยนแปลงหรือผลักดันเกี่ยวกับการเมืองการปกครองได้ โดยจะเปิดรับความคิดเห็นไปจนถึงวันที่ 3 เม.ย. จากนั้นจะนำไปแถลงการณ์ต่อไป

ยอดถอด กกต.กระฉูด 8 แสน

เมื่อเวลา 19.00 น. เว็บไซต์ change.org ที่เปิดแคมเปญร่วมกันลงชื่อถอดถอน กกต.ภายใต้หัวข้อ “ขออำนาจพลังประชาชนร่วมกันลงชื่อสนับสนุนแคมเปญล่ารายชื่อถอดถอนกรรมการการเลือกตั้งที่ส่อแววทุจริตและมีข้อครหามากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย” มีประชาชนเข้าร่วมลงชื่อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้วทั้งสิ้น 802,550 คน

แนะใช้ ม.44 นับบัตรกีวี

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรสาคร พรรคประชาธิปัตย์ และอดีต กกต.โพสต์เฟซบุ๊กตอนหนึ่งถึงทางออกกรณีบัตรเลือกตั้งจากประเทศนิวซีแลนด์ 1,542 ใบ หัวข้อ “บัตรนิวซีแลนด์อีกรอบ” ว่า “เมื่อถึงวันนี้ทางออกคือ มาตรา 44 ทางเดียว กล้าไหม ใช้ให้เป็นประโยชน์ ให้โปร่งใส กกต.ไม่ต้องทำผิดกฎหมายหรือกลัวเปิดออกมาแล้วผลจะเปลี่ยน”

จี้ทบทวนรางวัลสิงห์ดำให้ “ธวัชชัย”

วันเดียวกัน นายชยานันท์ มาปิตา นายกสโมสรนิสิตรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยื่นหนังสือถึงนายกสมาคมนิสิตเก่ารัฐศาสตร์ จุฬาฯ ขอให้ทบทวนการประกาศชื่อนายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย กรรมการ กกต.เป็นนิสิตเก่ารัฐศาสตร์ จุฬาฯดีเด่น สาขาองค์กรอิสระของรัฐและองค์การมหาชน ประจำปี 2561 ที่ประกาศไปในวันที่ 21 มี.ค. และจะเข้ารับรางวัลในงานสิงห์ดำสัมพันธ์วันที่ 30 มี.ค.เนื่องจากมีการวิพากษ์วิจารณ์การจัดการเลือกตั้งของ กกต.เป็นจำนวนมากและข้อกล่าวหาต่างๆ ยังไม่ได้รับข้อยุติ อาจทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงไม่เป็นผลดี ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังฝ่ายธุรการของคณะอนุกรรมการสรรหาฯ เจ้าหน้าที่ชี้แจงว่า ยังไม่ได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการหรือได้รับการติดต่อจากนายชยานันท์ เพียงเห็นการเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียเท่านั้น หากได้รับหนังสือไม่แน่ใจว่าจะสามารถทบทวน ได้ทันการมอบรางวัลในวันที่ 30 มี.ค. หรือไม่



ไม่มีความคิดเห็น: