PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2562

จุดต้องพึ่งพระสยาม

โป๊ะแตก!!!

ตามฉากการเคลื่อนไหวของแกนนำกลุ่มเสื้อแดงยึดย่านราชประสงค์ตั้งโต๊ะล่ารายชื่อถอดถอนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ข้อหาจัดเลือกตั้งไม่โปร่งใส ตุกติกเอื้อพรรคหนุนทหารสืบทอดอำนาจ

ล้อกับนักศึกษาในหลายมหาวิทยาลัยร่วมขยับกดดัน กกต.

แต่พอเห็นหน้าแกนนำแนวร่วมเคลื่อนไหวทั้ง “จ่านิว” นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ ทั้ง “เพนกวิน” นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ ทั้ง “น้องโบว์” ณัฏฐา มหัทธนา ขาประจำม็อบอยากเลือกตั้ง ที่แยกกันเดินสาย จัดอีเวนต์ในจุดต่างๆกลางเมืองกรุง สร้างกระแสกันเป็นขบวนการ

ยิ่งพออ่านแถลงการณ์เรียกร้องพรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาล สั่งห้ามให้พรรคอื่นแย่งนั่งนายกฯ

แบไต๋เป้าหมายที่ซ่อนไว้ เกมกดดัน กกต.ก็แค่การแห่กระแสชิงความชอบธรรม ในจังหวะสถานการณ์ที่การประกาศจับขั้วของพรรคเพื่อไทยกับแนวร่วมฝ่ายโหนประชาธิปไตยส่อล่ม

ตัวเลขลอยๆจ่อเป็นได้แค่ “รัฐบาลลม”

ในอารมณ์ที่ปรากฏการณ์ “บิ๊กเซอร์ไพรส์” ต่อเนื่อง “ฮ่องกงเอฟเฟกต์” และกับสถานะล่าสุดของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร มันทำให้พวกนักการเมือง “จมูกไว” ตัดสินใจง่าย

“นายใหญ่” เหลือประตูเดียวที่จะดิ้นได้ เกมปลุกมวลชนวัดใจ

โดยสถานการณ์มันก็มีเครื่องหมายคำถามนักศึกษาปัญญาชนจะยอมไหลตามเหลี่ยมเกมชิงพลิกขั้วอำนาจหรือไม่ ในสถานการณ์ต้องพึ่ง “เจนอัลฟา” ด้อยประสบการณ์ อ่อนไหวต่อเกมในโลกโซเชียลฯ

เพราะแกนนำม็อบขาใหญ่ทั้งหลายไปใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำ

ว่ากันตามเงื่อนไขสถานการณ์เกมกดดัน กกต.ก็คงแค่การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เพราะแม้แต่พี่เบิ้มโลกเสรีประชาธิปไตยอย่างสหรัฐอเมริกาก็ยังเจอกับม็อบป่วนพวกไม่ยอมรับ “โดนัลด์ ทรัมป์” พักใหญ่

ผิดกันตรงที่เกมตีปี๊บเลือกตั้งไม่โปร่งใส มันโยงอดีตผู้นำไทยที่หนีคดีทุจริตอยู่ต่างประเทศ

ยิ่งดิ้นยิ่งเจ็บ แนวรบด้าน “นายใหญ่” ใกล้หมดมุกเข้าไปทุกที

ขณะที่แนวต้านในพรรคประชาธิปัตย์ที่ยื้อยุดฉุดกระชากกันระหว่างฝั่งหนุนรัฐบาล “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับฝ่ายที่จะเล่นบทเป็นฝ่ายค้านอิสระ ไม่ไปซ้ายไม่ไปขวา

อาการเหมือนประชดหรือไปไม่เป็นกับผลเลือกตั้งที่โดนเท

เรื่องของเรื่อง ฝั่งที่หนุนเล่นบทฝ่ายค้านอิสระ ไม่หนุน “ลุงตู่” ก็ดูจะมีแค่ “ปรมาจารย์ชวน หลีกภัย” ที่หวังกอดหลักการ ก่อนล้างมือในอ่างทองคำ กับ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ที่ต้องรักษาฟอร์มตามที่ประกาศไว้ โดยให้หลานรักอย่าง “ไอติม” พริษฐ์ วัชรสินธุ มาประกาศจุดยืนของทีม “นิวเดม” ไปทางเดียวกับ “น้ามาร์ค”

แต่นั่นก็ “หักลำ” กับเสียงส่วนใหญ่ที่ว่ากันว่ากว่าร้อยละ 80 ของประชาธิปัตย์ ที่เอาตามนายถาวร เสนเนียม แกนนำสาย กปปส.ที่กุมเสียงว่าที่ ส.ส.สอบได้ไว้เป็นส่วนใหญ่

พร้อมกับเหตุผลที่มีน้ำหนักฟังได้ ถ้าประชาธิปัตย์ไม่หนุน “ลุงตู่” จะกลับไปบอกกับคนในพื้นที่ได้อย่างไร ในเมื่อคนใต้ส่งสัญญาณเลือกพรรคพลังประชารัฐทั้ง จ.นครศรีธรรมราช สงขลา ภูเก็ต แม้แต่ฐานที่มั่นของปรมาจารย์ “ชวน” ที่จังหวัดตรัง

ถ้า “ชวน-อภิสิทธิ์” ไม่ฟัง ก็มีงูเห่าเป็นตำนานบทใหม่ประชาธิปัตย์แน่

ถึงที่สุดแนวต้านในประชาธิปัตย์ก็คงไม่มีอะไรต้านฝ่ายหนุน “ลุงตู่” ได้

จุดเสี่ยงน็อก มันก็คือเกมการต่อรองในสถานการณ์เสียงปริ่มน้ำนั่นแหละ

ตามข่าวแบบที่ตัวแปรอย่างภูมิใจไทย เรียกของหนัก คมนาคม มหาดไทย แต่พลังประชารัฐไม่ยอม โดยเฉพาะกระทรวงคมนาคมเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของสารพัดเมกะโปรเจกต์ที่ทีมเศรษฐกิจของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ วางแผนการพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาวไว้ ถ้าให้คมนาคมงานก็ไปต่อลำบาก

แถมเปิดแผลบาดทะยัก “ลุงตู่” เสี่ยงพังเพราะคอร์รัปชัน

โจทย์บังคับของ “นายกฯลุงตู่” ต้องการให้หล่อสมกับรัฐบาลเปลี่ยนผ่าน มีมืออาชีพประกอบกับนักการเมืองน้ำดี ตามรอยรัฐบาล “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เพื่อเรียกศรัทธาเสริมภูมิคุ้มกัน

ก็จะเป็นหมัน โดนโห่ลั่นตั้งแต่คลอดโฉม ครม.

เรื่องของเรื่อง ถ้าต้องยอมจ่ายแลกแต้มตามเกมบีบกดดันต่อรองของพรรคตัวแปร เดาทางได้ “สมคิด” น่าจะชิ่งถอยก่อนใคร ขณะที่มืองานอย่างนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ก็ส่งซิกไม่อยากไปต่อ

ก็จะเหลือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เป็นทีมประกบ พล.อ.ประยุทธ์ โดยมี “เสี่ยเน” นายเนวิน ชิดชอบ กับ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นคู่หูคู่คิด

วัดเชิงกับทีมการเมืองในค่ายพลังประชารัฐที่มีจอมเก๋าอย่าง “สมศักดิ์ เทพสุทิน-สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” เป็นหัวขบวนในการคานอำนาจและ

ผลประโยชน์กับทีม “ป้อม-ป๊อก-เนวิน-หนู”

ตามสัญญาณกองทัพตบเท้า ชูพระราชดำรัส ร.9 เปิดโอกาสให้คนดีบริหารบ้านเมือง

แต่เกมต่อรองการเมืองน้ำเน่า ย้อนกลับวงจรอุบาทว์ รัฐบาลทำงานลำบาก ลากการเมืองเข้ามุมอับ

ถึงจุดนั้นต้องพึ่งพระสยามเทวาธิราช ดลบันดาลผ่าทางตันบ้านเมือง.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: