PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ปล่อยผีส่อป่วนยาว

ผ่านบรรยากาศห้วงเวลาพิเศษ 3 วันผ่านไป การเมืองกลับสู่โหมดระทึกใจ

ล่าสุดคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประกาศรับรองผลเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จำนวน 349 คน จากทั้งหมด 350 เขตเลือกตั้ง

นั่นหมายถึงมีแค่นายสุรพล เกียรติไชยากร ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ เขต 8 พรรคเพื่อไทย เพียงคนเดียว ที่เป็นผู้โชคดีทางบ้าน ได้รับแจก “ใบส้ม” ไปก่อนหน้านี้

และเป็นอะไรที่แนวโน้มเหมือนกัน กับคิวการประกาศรับรองผล ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ

ที่จะตามมาในวันที่ 8 พฤษภาคม ก็น่าจะได้รับไฟเขียวผ่านตลอดเหมือน ส.ส.เขตเลือกตั้ง

เพราะไม่มี “แต้มพลิก” จาก ส.ส.เขต ต้องคำนวณสัดส่วนกันใหม่

ก็ขนาดคนที่ลุ้นมากสุดคือ “ไพร่หมื่นล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ติดชนักปมหุ้นสื่อตกอยู่ในสถานการณ์ “ลิงแก้แห” ยังมีกระแส “นำร่อง” แพลมออกมาล่วงหน้า

กกต.จะ “ปล่อยผี” ไปก่อน แล้วค่อยตามไปสอยภายหลัง

ประเมินตามจังหวะ “ปล่อยผี” แบบเหมาเข่งของ กกต. ตัวเลข ส.ส.เขตแต่ละพรรคแทบไม่เปลี่ยน

แต่ปัจจัย “ตัวแปร” ที่จะทำให้เกิดการพลิกผัน มันอยู่ที่การ “คำนวณปาร์ตี้ลิสต์” ตามที่ กกต. ยืนยัน “ยึด” สูตรของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ล้อเจตนารมณ์ของผู้ร่างกติกามาตั้งแต่ต้น ต้องการให้คะแนนของประชาชนทุกเสียงมีค่า “ไม่ตกน้ำ”

โอกาสพรรคเล็กคะแนนต่ำกว่า 7 หมื่นแต้ม ได้รับปัดเศษทศนิยม

และนั่นก็จะมีผลทำให้สมการการจัดรัฐบาลพลิก จากแต้มของพรรคอนาคตใหม่ที่ยึดตามสูตรของแนวร่วม “ทักษิณ” ได้ปาร์ตี้ลิสต์บวก ส.ส.เขต ที่ว่าจะปาเข้าไป 87–88 ที่นั่ง

รวมตัวเลขกันได้ 254-255 เสียง เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร

ชิงเล่นเกมเร็วจับขั้วกับฝั่งหนุน “นายใหญ่” ตั้งได้แค่ “รัฐบาลลม” แต่ตามผลอย่างเป็นทางการ ผสมตัวเลข ย้ายข้างสมการกันใหม่ ตามสูตรของ กกต.ที่ยึดตามกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ จะทำให้แต้ม ส.ส.สัดส่วนของทีม “ธนาธร” หายไป 7–8 เก้าอี้

โดยคะแนนจะตกเป็นของพรรคเล็ก 10 กว่าพรรคที่ได้แชร์พรรคละ 1 ที่นั่ง

และโอกาสก็จะเป็นฝั่งของทีมงานของพรรคพลังประชารัฐที่ส่ง “นายหน้า” ไปล็อบบี้ไว้หมดแล้ว แนวโน้มตัวเลข 10 ที่นั่งของพรรคเล็ก ล็อกแขนจะสวิงมาทางขั้วพลังประชารัฐ เทแต้มพลิกสมการฝั่งหนุน “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี “ตีตั๋วต่อ”

ปาดหน้า “แซง” ทีมงาน “เพื่อไทย” ไปแบบฉิวเฉียด

แน่นอนถ้ามองในมุมของเซียนเขี้ยวการเมือง ผลจาก กกต. “ใจไม่ถึง” จะทำให้คะแนนปริ่มสูสีกันมาก และสถานการณ์ “งูเห่า” ที่ส่อเพ่นพ่านจากผลใบส้ม ใบเหลือง ใบแดง จะกลายเป็นแค่ “ไส้เดือน” ไม่กล้าขยับ

ทีมดูไบจะ “ตรึง” กำลัง ส.ส.ไว้ได้ในระดับที่เบียดหายใจรดต้นคอทีมหนุน “ลุงตู่”

ตามรูปการณ์การเมืองจะแกว่งมาก จากเกมชิงตัวเลขจัดรัฐบาล

แต่การเมืองแบบไทยๆหลายยุคก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว กับปรากฏการณ์ต่อให้เสียง “ปริ่มน้ำ” แค่ไหน ถึงขั้น ส.ส.ลุกเข้าห้องน้ำขี้เยี่ยวไม่ได้ ก็ฉุดกระชากลากถูกันไปจนได้

ขั้วพลังประชารัฐต้องล็อกเสียงตั้งประธานสภาผู้แทนฯให้ได้ก่อน เพื่อกุมสภาพ

ที่เหลือค่อยไปลุ้นแก้กันแบบช็อตต่อช็อต

ตามรูปการณ์รัฐบาลหลังเลือกตั้งเดินหน้าได้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งรัฐบาลแห่งชาติมาทำให้กลไกพิกลพิการ พาลให้ต่างชาติงง ตกลงประเทศไทยจะเอายังไงแน่

เลือกตั้งแล้ว แต่ต้องกลับไปใช้บริการ “นายกฯ” พิเศษ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันยังมีจุดสำคัญต้องลุ้นวันที่ 8 พฤษภาคม ศาลรัฐธรรมนูญมีคิวนัดวินิจฉัยคําร้อง กรณีผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้พิจารณาว่า พ.ร.บ.รัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 มาตรา 128

วิธีการคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ มีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 หรือไม่

ถ้าผลออกมาว่า ไม่มีปัญหา ขั้วพลังประชารัฐก็เดินหมากชิงแต้มหนุน “ลุงตู่” ต่อไป

แต่ถ้าผลออกมาหักมุม การคำนวณแต้มปาร์ตี้ลิสต์จะ “สะดุด” ทันที ไม่รู้จะใช้สูตรไหน และนั่นก็จะเข้าเหลี่ยมทีม “ทักษิณ” และ “ธนาธร” ชิงตีปี๊บโหมกระแสความชอบธรรมในการนับแต้มตามสูตรตัวเอง

เพิ่มแรงสั่นสะเทือนการเมืองอีกหลายแมกนิจูด

สถานการณ์ลำบาก เกมจะยื้อกันไปยื้อกันมา รวมแต้ม ส.ส.จัดรัฐบาลไม่ได้

เผลอๆ “นายกฯลุงตู่” กับรัฐมนตรีที่เหลืออยู่แค่ 10 กว่าคน ต้องประคองเกมบริหารแบบลากยาวต่อไป

ประเทศหยุดนิ่งเป็นอัมพาตแน่.

ทีมข่าวการเมือง


ไม่มีความคิดเห็น: