PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2562

ประยุทธ์ภาค 2” ฟอร์มครม.ฝ่าวิกฤติเสียงปริ่มน้ำ : การเมืองกุมยาก จุดหลักยึดประชาชน

เงียบไปหน่อย แต่จัดเป็นงานใหญ่ระดับนานาชาติ ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 34 โดยประเทศไทยทำหน้าที่ประธานอาเซียนที่กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 22–23 มิถุนายน 2562

ถือเป็นหน้าที่ของคนไทยต้องแสดงความเป็นเจ้าบ้านที่ดี

โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ ครม.ชุดเดิมยังทำหน้าที่ในฐานะรัฐบาลไทย

ในสถานการณ์ที่รัฐบาลชุดใหม่ยังอยู่แค่ขั้นตอนการฟอร์ม ครม. “ประยุทธ์ภาค 2” ส่งบัญชีรายชื่อให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา ตรวจสอบคุณสมบัติ

แต่ พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันชัดเลยว่า โผ ครม.นิ่งแล้ว

ตามแนวโน้มสถานการณ์สยบแรงกระเพื่อมชิงปิดเกมการเคลื่อนไหวป่วนโควตารัฐมนตรี ทั้งใน สัดส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงในส่วนของพรรคพลังประชารัฐเอง

ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย ไม่ยอมคายอ้อยจากปากช้าง คืนกระทรวงเกรดเอให้พลังประชารัฐ หลังผู้มีอำนาจนอกพรรค “เสียค่าโง่” แจกไพ่หมดสำรับ ทีมพลังประชารัฐก็เลยฟัดกันเองแย่งของเหลือ ด้ามขวาน คมขวาน ส.ส.อีสาน ผู้แทนฯปักษ์ใต้ขยับทวงโควตารัฐมนตรี

ส่งเสียงโหวกเหวกโวยวาย เคลื่อนไหวต่อรอง

ภาพฟ้องสายตาประชาชน นักการเมือง “ตกยุค” แย่งชามข้าวกันกระจาย

ตามรูปเกมแบ่งเค้กไม่ลงตัวง่ายๆจนสร้างประวัติ ศาสตร์เป็นรัฐบาลที่ใช้เวลาจัดตั้งนานที่สุด หลังผ่านการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม 2562 มา 3 เดือนเต็มๆ

และไม่มีหลักประกัน ประกาศชื่อ ครม.ออกมาอย่างเป็นทางการแล้วจะจบ

เพราะอาการของคนผิดหวัง ตีรวน ป่วนเกม มันเป็นธรรมชาติการเมืองแบบไทยๆ ยิ่งเป็นอะไรที่สถาน-ภาพรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ลำพัง 1 เสียงยังมีความหมาย

ก็เลยอาละวาด ขู่กรรโชกกันตามอำเภอใจ

ตามรูปการณ์แม้แต่ตำแหน่ง “เทกระโถน” ผู้ช่วยรัฐมนตรี เลขาฯรัฐมนตรี ยังต้องแย่งกันวุ่นวาย

ต่อรองกันจนหยาดสุดท้าย “กำขี้ดีกว่ากำตด”

ในจังหวะสวนทางกับเงื่อนสถานการณ์ปัญหาของบ้านเมืองที่กระชั้นเข้ามา ไม่มีเวลารอนาน โดยเฉพาะสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจที่ต้องเผชิญกับวิกฤติสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน

ลามกระทบการส่งออก และที่สุดก็ต้องกระเทือนถึงปากท้องชาวบ้าน

โดยเงื่อนเวลาที่ประเมินคร่าวๆกว่าจะตั้งรัฐบาลได้เร็วสุดก็กลางเดือนกรกฎาคมหรืออาจลากยาวไปถึงปลายเดือนกรกฎาคม และนั่นก็จะโยงกับจังหวะสำคัญในเชิงบริหารราชการแผ่นดิน นั่นคือคิวการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ในสภาผู้แทนราษฎร

กว่าจะผ่านกระบวนการสภาฯเบิกจ่ายได้ ก็น่าจะกินเวลาไปถึงเดือนธันวาคมปลายปี

ภายใต้ไฟต์บังคับแบบที่ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ถึงแม้จะได้กัปตันทีมคนเดิมอย่างนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯนั่งกุมบังเหียนเดิม

“กระบี่มือหนึ่ง” ดึงความมั่นใจของนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ

แต่ปฏิเสธไม่ได้ รอบนี้กระทรวงเศรษฐกิจสำคัญทั้งพาณิชย์ คมนาคม เกษตรฯ การท่องเที่ยวฯ ตกอยู่ในโควตาของพรรคร่วมรัฐบาลทั้งพรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย โดยสภาพการที่การควบคุมสั่งการไม่คล่องตัวเหมือนเก่า ยากจะคอนโทรลกระทรวงเศรษฐกิจให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

ยังไงก็กระทบกับเมกะโปรเจกต์ที่ “ประยุทธ์ภาค 1” วางมา 4-5 ปีแน่

ซึ่งนั่นจะโทษกัปตันทีมอย่าง “สมคิด” ไม่ได้ เพราะผู้มีอำนาจขาใหญ่เดินแต้มผิดเอง

และตามสภาพที่ผู้นำรัฐบาลถูก “ขี่คอ” ตั้งแต่ต้น มันก็หนีไม่พ้นภาพเทาๆดำๆของ ครม.ใหม่ที่เปิดหน้าเปิดโพยออกมาตามหน้าหนังสือพิมพ์ ส่อเรียกเสียง “ยี้” ตามอาการแบบที่ พล.อ.ประยุทธ์ออกตัวล้อฟรีจะไปกีดกันคนนั้นคนนี้ไม่ได้ ในเมื่อประชาชนเลือกมาแล้ว

แนวโน้ม “ลุงตู่” คงยกประโยชน์ให้จำเลย แลกกับเสียงหนุน

แต่จุดสำคัญคือด่านสุดท้าย “กล้องมุมสูง” ที่สแกนละเอียดยิบในห้วงการเมืองเปลี่ยนผ่าน

ถ้าพลาด งานนี้ต้องรับผิดชอบตัวใครตัวมัน

อย่างไรก็ดี ณ นาทีนี้ พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังถือ “ไพ่” แต้มต่อในมือ ตามเงื่อนไขที่รัฐธรรมนูญเอื้อให้เกิดเหตุสะดุดยังสามารถแก้ไขไปตามสถานการณ์ไม่มี “ทางตัน”

ในสถานการณ์ร้ายสุด เกิดเหตุเสียงในสภาสะดุด รัฐบาลบริหารต่อไม่ได้ ตามเงื่อนไขที่พรรคอนาคตใหม่ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล 41 คนปมถือหุ้นสื่อ

ถ้าผลออกมาผิดจริง เสียงหนุนฝั่งรัฐบาลหายไปอื้อ

มันก็มีช่องทางให้ พล.อ.ประยุทธ์ “ลาออก” แล้วโหวตนายกรัฐมนตรีใหม่ในที่ประชุมรัฐสภา โดยมีเสียง 250 ส.ว.เป็นฐาน บวกกับเสียงพรรคพลังประชารัฐและแนวร่วม โอกาสจะกลับมาเป็นนายกฯก็ยังเปิดกว้าง

เช่นเดียวกับช่องทาง “ยุบสภา” เลือกตั้งใหม่ ความได้เปรียบคู่แข่งก็เหนือกว่าอยู่ดี

โดยเงื่อนสถานการณ์แบบที่ปรมาจารย์ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา การันตีสถานะของ พล.อ.ประยุทธ์ กลางที่ประชุมสภา ตามรัฐธรรมนูญในบทเฉพาะกาลมาตรา 264 กำหนดให้ ครม.ชุดปัจจุบันอยู่ต่อไปจนกว่าจะมี ครม.ชุดใหม่ทำหน้าที่ ดังนั้นรัฐบาลชุดปัจจุบันไม่ใช่คณะรักษาการ เงื่อนไขของรัฐธรรมนูญกำหนดให้สถานะรัฐบาลปัจจุบันยังคงอยู่

“บิ๊กตู่” ควบแน่นทั้ง “นายกฯเก่า-นายกฯใหม่”

อย่างไรก็ตาม โดยสถานภาพความแข็งแกร่งของ พล.อ.ประยุทธ์จะดร็อปลงไประดับหนึ่ง ก็ช็อตหลังจาก ครม.ชุดใหม่ถวายสัตย์ปฏิญาณ แถลงนโยบายต่อสภา

เข้าปฏิบัติหน้าที่ “ประยุทธ์ภาค 2” อย่างเป็นทางการ

เมื่อนั้นสถานะ “ผู้นำอำนาจพิเศษ” ของ พล.อ.ประยุทธ์ก็จะหลุดไปโดยอัตโนมัติ พร้อมกับดาบอาญาสิทธิ์มาตรา 44 ก็จะไม่มีอยู่ในกำมือ

ถือแค่ดาบพลาสติก เป็นนายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้ง

เล่นบท “ฤาษีเลี้ยงลิง” เอาล่อเอาเถิดกับ ส.ส. เสือ สิงห์ กระทิง แรด ฤทธิ์มากกว่าเยอะ ถ้าเทียบกับการกำกับเกมกองทัพ หรือสยบแกนนำขาป่วนเกมมวลชนที่ผ่านๆมา

นั่นจึงเป็นที่มาของกระแสข่าวโยนหินถามทาง พล.อ.ประยุทธ์ จ่อกระโดดมาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐด้วยตัวเอง โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธานกุนซือพรรค

ยกระดับเป็นพรรคทหารร้อยเปอร์เซ็นต์

แต่อีกนัย โดยความตั้งใจของ “บิ๊กตู่” ก็หวังจะล้างภาพเคลียร์ปมที่ถูกประทับตราผู้นำรัฐประหาร เป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคการเมืองเต็มตัว

เจ้าตัวกำลังอยู่ระหว่าง “ชั่งน้ำหนัก” ผลกำไรขาดทุน

เพราะถ้าตัดสินใจกระโดดร่วมวงพันตูการเมืองเต็มรูปแบบในฐานะหัวหน้าพรรค ก็ต้องพร้อมรับชอบ และรับผิดกับผลทางการเมืองและข้อผูกมัดทางกฎหมายที่จะตามมา

ไม่ว่าจะโทษยุบพรรค คดีอาญา แบบที่มีตัวอย่างให้เห็น

ที่แน่ๆเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์รับบทหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นนักการเมืองเต็มขั้น มันก็เป็นอะไรที่ต้องเว้นช่องไฟ ถอยห่างออกจากกันโดยอัตโนมัติ

ตามธรรมชาติกองทัพไม่สามารถเป็นแบ็กอัปให้เต็มที่เหมือนเก่า

พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตร รวมถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พี่น้อง 3 ป. ต้องเดินหน้าไปต่อในเส้นทางอำนาจการเมืองด้วยลำแข้งตัวเองเป็นหลัก

นี่แหละจุดที่ทำให้ต้องคิดหนักก็ตรงนี้

มันคือสถานการณ์ “เปลี่ยนผ่าน” ครั้งสำคัญของ พล.อ.ประยุทธ์โดยตรง

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้ามองกันในมุมธรรมชาติการเมือง เกมป่วนในการฟอร์ม ครม.ก็เป็นเรื่องปกติมาทุกยุคทุกสมัย เพราะการเมืองก็คือเรื่องอำนาจและผลประโยชน์

ถ้าจูนกันลงตัว ต่อให้เสียงปริ่มน้ำยังไงก็ลากกันไปได้

ประกอบกับต้นทุนเนื้องานที่จับต้องได้จาก 4-5 ปี ของ “ประยุทธ์ภาค 1” โดยการวางฐานการ พัฒนาการทางเศรษฐกิจระยะยาว และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากที่เริ่มออกดอกออกผล

สถานการณ์แบบที่ “บิ๊กตู่” ตีปี๊บโชว์ผ่านเพจ Prayut Chan-o-cha ขณะนี้ราคาปาล์มและยางพาราได้ปรับสูงขึ้นในรอบหลายปี โดยปาล์มดิบราคาปรับเพิ่มขึ้น 3.30-3.50 บาท/กก. เช่นเดียวกับราคายางพาราปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ราคา 60.05 บาทต่อกิโลกรัม ถือว่าสูงมากกว่าในช่วงหลายปีเช่นกัน

เป็นผลงานทีมเศรษฐกิจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์กับนายสมคิด แม้ ครม.เหลือไม่เต็มทีม

นั่นหมายถึง ถ้ารัฐบาล “ประยุทธ์ภาค 2” พรรคร่วมรัฐบาลที่คุมโควตากระทรวงเศรษฐกิจ

ทำได้ตามมาตรฐานที่ทีม “สมคิด” เดินหมากไว้ มาตรการประคองปากท้องเกษตรกรคนรากหญ้าได้ผล

ประชาชนจะเป็นหลักให้ยึดแน่นๆ นักการเมืองจะป่วนยังไง รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ก็ถือว่าอยู่ในโซนปลอดภัย

เว้นแต่รัฐบาลผสมไปกันคนละทาง ขบเหลี่ยมเหยียบตาปลา ซ้ำภาวะเศรษฐกิจที่จ่อปากเหว

ที่สำคัญถ้าเกิดแผลคอร์รัปชัน โดนจับได้ไล่ทัน เสือหิว เสือโหย ปล้นกลางวันแสกๆ

ประชาชนทนไม่ไหว รวมตัวออกมาประท้วงขับไล่

เข้าเหลี่ยมจังหวะอุ่นเตารอ กับกระบวนการรุกของ “ไพร่หมื่นล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่เดินเกมนอกสภา แท็กทีมกับมือมวลชนของ “ทักษิณ” รอจังหวะล้มกระดาน

ไฟจุดติด ม็อบไล่รัฐบาลทุจริตคอร์รัปชันลุกพรึ่บ

ต่อให้รัฐธรรมนูญเอื้อให้ทุกทาง ถือไพ่แต้มต่อในมือ “บิ๊กตู่” ก็ยากจะหวนกลับสู่อำนาจ

เผลอๆอาจถึงขั้นไม่มีโอกาสกลับประเทศเหมือนอดีตผู้นำบางคนเผชิญ.

“ทีมการเมือง”

ไม่มีความคิดเห็น: