PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2562

ดีลคนนอกยุบพรรคนะ

ขนาดโพลนิด้าออกมากระตุกขากางเกงแรงๆ คนเบื่อยี่ห้อประชาธิปัตย์

นั่นก็ยังไม่วายได้เห็นลีลายึกยัก กดดันยัดปากให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พูดเรื่องเงื่อนไขรื้อรัฐธรรมนูญฉบับ “ยันต์กันทักษิณ” เพื่อแลกกับการร่วมรัฐบาล

แต่ที่แสบคือมี “วาระแฝง” ซ่อนไว้ใต้โต๊ะ

ฉากหน้าโชว์หลักการ แต่จับสัญญาณคลื่นโทรศัพท์และการสื่อสารทุกทาง นาทีนี้เสี่ย “ต” ขาใหญ่ พรรคประชาธิปัตย์ พยายามดิ้นต่อสายถึงบิ๊ก “ป” ขาใหญ่ ผู้มีบารมีในรัฐบาล ยืนยันขอยึดดีลเดิมที่ดอดเข้าหลังบ้านใหญ่ในค่ายทหาร แท็กทีมกับขาใหญ่ยี่ห้อภูมิใจไทย

“เหยียบตีน” กันเล่น ปาดหน้าเค้กกระทรวงเกรดเอ

ประชาธิปัตย์ฟาดไปทั้งพาณิชย์ เกษตรฯ การพัฒนาสังคมฯ บวก รมช.มหาดไทย รมช.ศึกษาธิการ ไม่นับรองนายกฯ ส่วนภูมิใจไทย ได้ตามบิลที่ยื่นไปทั้งคมนาคม สาธารณสุข การท่องเที่ยวฯ บวก รมช.มหาดไทย รมช.คมนาคม แถมพ่วงรองนายกฯ

อ้อยเข้าปากช้าง รอเคี้ยวกันปากมัน

แต่นั่นก็เจอเกมเขี้ยวของทีมดีลการเมืองของพรรคพลังประชารัฐที่แสดงอาการ “แข็ง” ใส่ หักลำล้มดีลเดิมของขาใหญ่นอกพรรค เดินยุทธศาสตร์ล้อตาม “บิ๊กตู่” ที่ประกาศหลักการ กระทรวงหลัก กลาโหม มหาดไทย คลัง คมนาคม ต้องอยู่กับพรรคแกนนำรัฐบาล อีกทั้งต้องตรวจดูโผรัฐมนตรีด้วยตัวก่อนทูลเกล้าฯ

ไม่ปล่อยให้ “เสือหิว-เสือโหย” ลักไก่ขี่คอ

ทุกอย่างไปว่ากันหลังโหวตนายกฯเช็กตัวเลขชัวร์ๆจัดสรรกันตามเนื้อผ้า โดยพรรคพลังประชารัฐยืนยันดึงข้อตกลงทั้งหมด เงื่อนไขการร่วมรัฐบาลรวมถึงการจัดโควตารัฐมนตรีไปว่ากันบนโต๊ะประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค รวมทั้งนำนโยบายแต่ละพรรคมาจูนกันเพื่อกำหนดทิศทางการบริหารอย่างมีเป้าหมายประเทศ ไม่ใช่การต่อรองโควตายึดผลประโยชน์ตัวเอง

ตามหลักการกฎหมาย วิถีปฏิบัติภายใต้รัฐธรรมนูญ

“ลุงตู่” กับทีมดีลพลังประชารัฐไม่เล่นเกม “เสี่ยง” แบบที่ทีมดีลพรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยดอดเข้าบ้านใหญ่ในกรมทหาร เจรจาผ่านผู้มีบารมีนอกพรรคพลังประชารัฐ

เพราะนั่นเท่ากับปล่อยให้คนนอกเข้าครอบงำกิจกรรมภายในพรรค

เข้าเงี่ยงกฎหมาย ถึงขั้นโดน “ยุบพรรค” พ่วงคดีอาญาได้เลย

เอาเป็นว่าโดยเงื่อนไขสถานการณ์บวกกับข้อกฎหมาย มาถึงจุดนี้ประชาธิปัตย์สายเสี่ย “ต” หมดพลังต่อรองโดยสิ้นเชิงแล้ว เพราะแนวโน้มทีมของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค นายถาวร เสนเนียม นายกรณ์ จาติกวณิช ที่รวมกำลัง ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 27 ที่นั่ง รอโหวตให้ “นายกฯลุงตู่” ชัวร์ๆ

และตามสิทธิ์ก็ต้องได้จองเก้าอี้รัฐมนตรีก่อนตามการแสดงความจริงใจมาตั้งแต่ต้น

ส่วนคนในปีกของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ที่ติดเงื่อนไขกึกๆกักๆอยู่กับนายชวน หลีกภัย กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สุดท้ายก็คงทานกระแสไม่ไหว ต้องไหลตามมาโดยอัตโนมัติ

แต่นั่นก็ต้องฟัดกันเละก่อนในการประชุมวันที่ 4 มิ.ย.ก่อนคิวโหวตนายกฯ

ส่วนยี่ห้อภูมิใจไทยที่ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค เดินหมากจับมือมัดข้าวต้มกับพรรคประชาธิปัตย์ ล็อกตัวเลข 104 เสียง ยื่นผ่าน “ขาใหญ่” นอกพรรคพลังประชารัฐ

สุดท้าย “ฮั้วแตก” มีหวังกระเจิง วิ่งหาหลักจับกันไม่ทัน

เพราะตามเงื่อนไข จับอาการพรรคพลังประชารัฐกล้าหักลำล้มดีล “พี่ใหญ่” ไม่สนเสียงขู่ ไม่ให้ราคาเกมต่อรองผ่านดีลขาใหญ่นอกพรรค เพราะดุลอำนาจจากไพ่ที่อยู่ในมือ “นายกฯลุงตู่”

ล็อกเก้าอี้นายกฯไม่ต้องพึ่งเสียงพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย

ตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากไม่ได้ก็ดึงเกมลากยาวไป ไม่มีกำหนดตามรัฐธรรมนูญ หรือแม้แต่ไพ่ใบสุดท้าย “ยุบสภา” ที่เซียนการเมืองหลายพรรคปากกล้าขาสั่นอ่านทาง “แค่ขู่” เอาเข้าจริง พล.อ.ประยุทธ์ไม่กล้านั้น นั่นมันในมุมของนักการเมืองอาชีพที่ดักไต๋กัน

แต่ต้องไม่ลืมนี่คือทหาร อารมณ์ “เด็ดขาด” มันต่างกัน

ที่สำคัญประเมินเดิมพัน ถ้าล้มกระดานกันใหม่ ในมุมของพรรคพลังประชารัฐ อาจโดนด่าดันเกมสืบทอดอำนาจไม่ได้ ต้องเปลืองงบประมาณ เดือดร้อนประชาชนเสียเวลาเลือกตั้งกันใหม่

แต่ในความจำเป็นของ “ลุงตู่” ก็ไม่ยอมให้ “เสือหิว-เสือโหย” ขี่คอแน่

ขณะที่ทีมอื่นแบไต๋ เผยธาตุแท้กันหมดแล้ว ทั้งประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย ที่แห่สถานะพรรคตัวแปร ต่อรองผลประโยชน์มากกว่าประโยคหล่อๆ ที่หาเสียงไว้

ส่วนเพื่อไทย ใครจะกล้ามาเป็นนอมินี เมื่อเห็นไต๋ “นายใหญ่” ยอมทุ่มทุกอย่างให้คนนอกพรรคเพื่อแลกกับเกมพลิกขั้วอำนาจ แม้แต่ทีมอนาคตใหม่ที่ชัดเลยว่าเนื้อเดียวกับทีม “ทักษิณ” แถมหัวแถว “ไพร่หมื่นล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็ส่อติดบ่วงหุ้น โดนล็อก ได้แค่เล่นการเมืองอยู่นอกสนาม

ถามว่า “ยุบสภา” ใครจะเหนื่อยสาหัสกว่ากัน.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: