ภารกิจสำคัญที่รออยู่เบื้องหน้าประเทศไทยจะต้องเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดอาเซียนระหว่างวันที่ 20–23 มิ.ย.นี้ ในฐานะไทยเป็นประธานอาเซียน
แต่วันนี้ยังคาบลูกคาบดอกว่าจะเป็นรัฐบาลชุดไหน ระหว่างชุดใหม่หรือชุดเก่า แต่ที่แน่นอนแล้วคือนายกฯเป็นคนหน้าเดิม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “ลุงตู่” ผู้น่ารักของเด็กๆ
เวลากระชั้นชิดงวดเข้ามาทุกที แต่การต่อรองตำแหน่งโควตารัฐมนตรีระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคร่วมรัฐบาลอย่างประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย จนป่านนี้ยังไม่สะเด็ดน้ำ เห็นแล้วก็ปวดหัวแทน “ลุงตู่” จริงๆ
ข่าวคราวการยื้อยุดฉุดกระชากเก้าอี้มีออกมาให้เห็นไม่เว้นแต่ละวัน กระทรวงเกรดเอล้วนเป็นที่หมายปองของทุกพรรค ทุกฝ่าย เพราะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยผลประโยชน์ และการสร้างผลงาน
กระทรวงคมนาคม พาณิชย์ เกษตรและสหกรณ์ พรรคร่วมก็อยากได้ พรรคหลักก็อยากมี
ตั้งโต๊ะ ล้มโต๊ะเจรจากันวุ่นวายขายปลาช่อนไปแล้วไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ
ล่าสุดพลังประชารัฐพยายามดึงกระทรวงคมนาคมและพาณิชย์คืนมาจากพรรคร่วม โดยแลกกับกระทรวงศึกษาธิการ พลังงาน แถมพ่วงออปชันสมนาคุณเก้าอี้รัฐมนตรีเพิ่มให้อีกพรรคละ 1 ที่นั่ง แต่ก็ยังต้องลุ้นว่าโอเคหรือไม่
จับสัญญาณจากพี่ใหญ่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่โดนเหล่ ท่ามกลางกระแสข่าวผู้มีบารมีนอกพรรคแอบคุยลับกับพรรคร่วม เริ่มส่งเสียงอ่อยๆ “ผมแย่แล้ว ไม่สบาย ไม่แข็งแรงเท่าที่ควร” ก็ยิ่งตอกย้ำสมมติฐาน
และน่าแปลกเหลือเกินว่า ทั่นรองฯสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ก็พูดถึงเรื่องสุขภาพ อาจเป็นปมไม่ไปต่อกับ “ลุงตู่”
นัดกันป่วย ไม่รู้ว่าป่วยทางกาย หรือต้องการสื่อสารบอกอาการป่วยทางใจกันแน่!!!
แต่เกมต่อรองยังคงดำเนินไปไม่จบง่ายๆ ไหนๆก็ดูหนังเรื่องยาวมาแล้วก็ต้องฝืนดูให้จบ
เหลือบแลเข้าไปในพรรคพลัง-ประชารัฐเองก็มีปัญหาอลเวงไม่แพ้กัน
ย้อนกลับไปตอนก่อกำเนิดพรรคพลังประชารัฐ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นการรวมเอากลุ่มก้อนการเมืองเข้ามาผสมปนเปจนกลายเป็นพรรคขนาดใหญ่ในวันนี้
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม 4 กุมาร สามมิตร บ้านริมน้ำ ชลบุรี ปากน้ำ โคราช เพชรบูรณ์ กำแพงเพชร รวมทั้ง กปปส.
กวักมือโบกรถทุกคันบนถนนทุกสายให้ไหลเข้ามาเติมน้ำมันในปั๊มสามทหาร
วันนี้ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับสูงเหนือความคาดหมาย ใครจะคิดว่าหลังเลือกตั้งพลังประชารัฐจะกลายเป็นพรรคบิ๊กเบิ้มขนาดนี้
ดังนั้น ตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว ต้องตกรางวัลให้ขุนพลในพรรคอย่างงดงาม
แต่กลับตาลปัตร เมื่อกลายเป็น “กากี่นั้ง” คนกันเองแล้ว ก็เลยถูกมองข้ามเหมือนเส้นผมบังภูเขา
หลายคนทำตัวสงบนิ่ง แต่ส่อว่าจะไม่ได้รางวัลอย่างที่หวัง เลยเปลี่ยนมาเล่นบทกระแทกกระทุ้งบ้าง
อย่างที่ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” แกนนำกลุ่มสามมิตร นำร่องถ้าพรรคแกนนำไม่ได้ดูแลกระทรวงเศรษฐกิจสำคัญ สิ่งที่หาเสียงไว้ในภาพรวมจะเกิดความเสียหาย
ขณะที่แกนนำหลายกลุ่มหลายมุ้ง ก็ส่งเสียงโหวกเหวกภายในพรรค ทวงถามตำแหน่งแห่งหนกันให้วุ่น
จึงเป็นหน้าที่ของ “นายกฯลุงตู่” ต้องบริหารจัดการทั้งพรรคหลัก–พรรคร่วม ในฐานะผู้นำสูงสุดของรัฐบาล
สวมบท “ฤาษีเลี้ยงลิง” จนไมเกรนกำเริบแน่!!!
“พ่อลูกอิน”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น