PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

โจทย์หินรัฐบาลใหม่

หลังจาก “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม นำคณะรัฐมนตรี รัฐบาล “ประยุทธ์ 2” เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณ

ก็ถือว่า ครม.ได้เข้ารับหน้าที่โดยสมบูรณ์ สามารถเข้าไปนั่งประจำกระทรวงได้โดยมิต้องขัดเขินแต่ประการใด

ทั้งนี้ เป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 161 ที่ระบุว่า ก่อนเข้ารับหน้าที่ รัฐมนตรีต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ ด้วยถ้อยคำต่อไปนี้

“ข้าพระพุทธเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”

ที่สำคัญเมื่อรัฐมนตรีทั้ง 36 คน ถวายสัตย์ปฏิญาณแล้ว ต้องจำให้ขึ้นใจ และนำไปปฏิบัติให้ได้อย่างที่กล่าวคำสัตย์ปฏิญาณเอาไว้นะคุณโยม!!!

ส่วนการที่รัฐบาล “ลุงตู่ภาค 2” จะเข้าเกียร์เดินหน้าบริหารราชการแผ่นดินได้เต็มสูบ ยังต้องผ่านพิธีกรรมทางสภาฯอีกหนึ่งสเต็ป นั่นก็คือการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาที่วางคิวกันไว้ 25–27 ก.ค.นี้

โดยนายกฯประยุทธ์จะนำทีม ครม.แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา เดี่ยวไมโครโฟนนำร่องประมาณ 2 ชั่วโมง

ก่อนเปิดโอกาสให้ ส.ส.และ ส.ว.เรียงคิวอภิปราย งานนี้ ส.ส.ซีกรัฐบาล-ส.ว.ใคร่อภิปรายเชลียร์สรรเสริญเยินยอชื่นชม หรือ ส.ส.ฝ่ายค้านจะอภิปรายถล่มถลกหนังรัฐบาล เชิญบรรเลงกันได้เต็มที่

ขณะที่นายกฯและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง แค่รอจังหวะชี้แจง แก้ต่างแก้ตัว อธิบายข้อสงสัย หรือหนักหน่อยก็งัดข้อมูลมาตอบโต้หักล้าง เพื่อไม่ให้ผู้ชม ทางบ้านหลงคล้อยตามฝ่ายค้าน

อย่างดีก่อนปิดฉาก นายกฯประยุทธ์ก็ลุกขึ้นขอบคุณสมาชิกที่อดทนอภิปรายหามรุ่งหามค่ำ โดยรัฐบาลจะรับข้อสังเกต ข้อเสนอแนะนำและความห่วงใยของสมาชิกไปพิจารณา ก็เป็นอันเสร็จสิ้นพิธี

เพราะรายการนี้ไม่ต้องมีการลงมติ ไม่ต้องลุ้นเสียวเรื่องเสียงปริ่มน้ำแต่ประการใดนะทั่นผู้ชม!!!

แต่โจทย์ใหญ่ที่ ครม.ชุดใหม่ ต้องลุ้นกันตัวเกร็ง เมื่อเข้าบริหารประเทศเต็มตัว ก็คือปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง

ยิ่งเศรษฐกิจโลกผันผวนจากพิษภาวะสงครามการค้าระหว่างพี่เบิ้มอเมริกากับจีน ค่าเงินบาทแข็งโป๊กกดดันซ้ำ ส่งผลกระทบต่อการส่งออกเต็มๆ แถมนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเมืองไทยลดลงวูบวาบ

ทำให้กูรูเศรษฐกิจทุกสำนักต้องปรับลดหั่นตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจกันอุตลุด ขณะที่พ่อค้าแม่ขายก็ร้องกันระงมค้าขายฝืดเคือง พืชผลเกษตรราคาตกต่ำ ชาวบ้านหาเช้ากินค่ำมีรายได้ชักหน้าไม่ถึงหลัง

ช่วงรัฐบาล“ประยุทธ์ 1” บริหารมา 5 ปี มีทีมเศรษฐกิจแนบแน่นเป็นเนื้อเดียวกัน ภายใต้การนำของ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ก็ยังแก้ปัญหาได้กระท่อนกระแท่น

มาถึงรัฐบาล “ประยุทธ์ 2” กระทรวงเศรษฐกิจสำคัญโดนหั่นให้พรรคร่วมรัฐบาลดูแล ถึงขั้นที่ ดร.สมคิดออกตัวล้อฟรี เที่ยวนี้เป็นรองนายกฯ แต่คงไม่ใช่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ

ตรงนี้แหละที่จะเป็นปัญหาใหญ่ ยิ่งถ้าเกิดรายการเหยียบตาปลา พรรคแกนนำกับพรรคร่วมฯประสานงานไม่ลงรอย กลายเป็นประสานงา โดยที่นายกฯประยุทธ์ตะล่อมไม่อยู่

จนเป็นปมให้การแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องล้มเหลว ส่งผลให้ชาวประชาเดือดร้อนสาหัสหนักกว่าเดิม

ถึงตอนนั้นเสียงโห่ไล่นอกสภาจะดังยิ่งกว่าเสียงฝ่ายค้านอภิปรายหลายเท่าเลยนะคุณโยม!!!

“พ่อลูกอิน”

ไม่มีความคิดเห็น: