PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

ศาลยกฟ้อง"โอ๊ค"คดีฟอกเงินกรุงไทย

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษายกฟ้อง นายพานทองแท้ ชินวัตร 
พ้นผิดคดีฟอกเงินกู้ธนาคารกรุงไทย 
ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดอ่านคำพิพากษาเวลา 10.00 น. วันที่ 25 พ.ย.นี้ เป็นคดีที่
คณะกรรมการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้องนายพานทองแท้ ชินวัตร ความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และ
สมคบการฟอกเงิน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5, 9 และ 60
และพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฉบับที่ 5 พ.ศ.2558 มาตรา 10 ประกอบประมวลกฎ
หมายอาญามาตรา 83 และ 91

  • คดีนี้พนักงานอัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 10 ต.ค.61 กรณีนายพานทองแท้รับโอนเงินเป็นเช็คจำนวน 10 
  • ล้านบาทเข้าบัญชี โดยเงินนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการกระทำจากการทุจริตปล่อยเงินกู้สินเชื่อระหว่างธนา
  • คารกรุงไทยกับกลุ่มกฤษดามหานคร ที่มีนายวิชัย กฤษดาธานนท์ อายุ 80 ปี ผู้บริหารกฤษดามหานคร 
  • กับนายรัชฎา กฤษดาธานนท์ อายุ 53 ปี บุตรชาย และอดีตคณะผู้บริหารธนาคารกรุงไทยตกเป็นจำเลย 
  • คดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีดังกล่าวศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด
  • แล้วให้จำคุกนายวิชัยและนายรัชฎา บุตรชาย คนละ 12 ปี นอกจากนี้นายวิชัย นายรัชฎา และกลุ่มอดีต
  • กรรมการบริษัทเอกชนในเครือกฤษดารวม 6 คน ยังถูกอัยการยื่นฟ้องความผิดฐานฟอกเงินการปล่อยกู้
  • ดังกล่าวต่อศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบด้วย
ชั้นพิจารณาศาลอาญาคดีทุจริตฯ “นายพานทองแท้” จำเลยก็ให้การปฏิเสธสู้คดีว่าไม่ได้กระทำผิดตาม
ฟ้อง ซึ่งเงินดังกล่าวเป็นส่วนที่จะร่วมลงทุนธุรกิจนำเข้ารถซุปเปอร์คาร์กับนายรัชฎา บุตรชายของนายวิชัย
อดีตผู้บริหารกฤษดามหานคร ขณะที่ “นายพานทองแท้” ได้รับการประกันตัวระหว่างพิจารณาคดี 1
ล้านบาท พร้อมเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่าผู้กระทำ
ความผิดรับโอนเงินตามพระราชบัญญัติการฟอกเงินนั้นบุคคลนั้นต้องรู้ว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำ
ความผิด พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมามีเพียงว่านายวิชัย คือ ผู้ถือหุ้นของกลุ่มกฤษดามหานคร และ
นายรัชฎา บุตรชายมีความสนิทกับครอบครัวของจำเลยซึ่งขณะนั้น นายทักษิณ ชินวัตร บิดาของจำเลย
เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นเพียงเพื่อนสนิทที่มีการใช้ชีวิตทำกิจกรรมคล้ายกัน




การรับเช็คจากนายวิชัยมาเป็นเพียงเพื่อการลงทุนนำเข้ารถยนต์หรู โดยระหว่างที่นายพานทองแทได้รับ
โอนเงินมานั้นมีการเบิกถอนเงินคราวละ 5,000 - 20,000 บาทรวม 11 ครั้งไม่ได้เป็นพิรุธผิดสังเกตแต่อย่าง
ใดบัญชีดังกล่าว เป็นลักษณะเปิดเผยไม่มีลักษณะเป็นการอำพรางแหล่งที่มา สามารถตรวจสอบได้ตลอด
เวลา

ขนาดจำเลยรับโอนเงินมีอายุ 26 ปี จบการศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และมีทรัพย์สิน
มากกว่า 400 ล้านบาท เงินจำนวน 10 ล้านบาทที่ได้รับมาหากเทียบแล้วคิดเป็นเงินเพียง 0.025% เท่านั้น
พยานโจทก์ฟังไม่ได้ว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง แต่ผู้พิพากษาของคณะมีความ
เห็นแย้งจึงได้ทำความเห็นแย้งประกอบไว้ในคำพิพากษานี้




ภายหลังนายพานทองแท้ กล่าวว่า "ขอบคุณทุกกำลังใจ" ส่วนคุณหญิงพจมาน กล่าวว่า "ก็รู้สึกสบาย
ใจขึ้น"
อย่างไรก็ตามฝ่ายโจทก์สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายในหนึ่งเดือนนับจากวันอ่านคำพิพากษานี้.

ที่มา : ไทยรัฐ
https://www.thairath.co.th/news/politic/1711418?fbclid=IwAR3Mapefi0OvSCX0ZcaSKcNIZkTHPnaIUfqLMXmbRXSOBh2smX1TtPaVJ1k

ไม่มีความคิดเห็น: