ถึงวันนี้ การหายตัวไปของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร ก็ยังไม่มีบทสรุป...
คืนวันที่ 6 มิ.ย. นายเอกยุทธไปกินข้าวกับเพื่อนที่ร้านอาหารย่านสะพานควาย คนขับรถชื่อ “สันติภาพ”
เวลา 23.01 น. ภาพกล้องวงจรปิดบริเวณซอยสุดใจอุทิศ (บ้านต้นซุง) บันทึกภาพรถตู้โฟล์กสีดำ ทะเบียน ฮพ 9304 กทม. ของนายเอกยุทธวิ่งผ่านมา
23.04 น. กล้องวงจรปิดประตูทางเข้าหมู่บ้านทาวน์อินทาวน์ ก็บันทึกภาพรถคันดังกล่าวเข้าหมู่บ้าน
กลางวัน วันที่ 7 มิ.ย. มีการเซ็นเช็คเงินสด 3 ฉบับของนายเอกยุทธ มูลค่ารวม 5 ล้านบาท ฉบับแรกของธนาคารไทยพาณิชย์ 1.5 ล้านบาท ลงวันที่ 7 มิ.ย.2556, ฉบับที่สองของธนาคารกรุงศรีอยุธยา
1.7 ล้านบาท ลงวันที่ 7 มิ.ย.แต่ลงเป็น “พ.ศ.2553” และฉบับที่สาม ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา 1.8 ล้านบาท ลงวันที่ 7 มิ.ย.2553 โดยมีคนนำเช็คไปแลกเงินแล้วนำเงินใส่ถุงมามอบให้คนขับรถของนายเอกยุทธ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ
วันเดียวกัน ญาติอ้างว่าไม่สามารถติดต่อนายเอกยุทธได้แล้ว
เมื่อเดินทางไปบ้านพักของนายเอกยุทธย่านทาวน์อินทาวน์ พบประตูไม้หลังบ้านถูกเปิดทิ้งไว้ เซิร์ฟเวอร์ของกล้องวงจรปิดหายไป
วันที่ 9 มิ.ย. ญาติไปแจ้งความ พร้อมระบุว่านายเอกยุทธมีทรัพย์สินติดตัวไป อาทิ นาฬิกาโรเล็กซ์ แหวนเพชร มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท พระสมเด็จที่ห้อยคอ และเงินสดพกติดตัว 1 แสนบาท
ญาติเชื่อนายเอกยุทธถูกอุ้มหายไป ตำรวจเผยข้อมูลว่า พบรถตู้ของนายเอกยุทธวิ่งลงใต้
เบื้องต้น นายสันติภาพ คนขับรถของนายเอกยุทธ น่าจะกุมข้อเท็จจริงสำคัญ
1) วันที่ 11 มิ.ย. พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. นำตัวนายสันติภาพ คนขับรถ ออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน อ้างว่า ชุดสืบสวนได้ตัวนายสันติภาพที่ปั๊มแก๊ส จ.สมุทรสาคร เมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 10 มิ.ย.
นายสันติภาพ อ้างว่า หลังกลับจากร้านอาหารย่านสะพานควาย นายเอกยุทธเป็นคนสั่งให้ตนถอดสายเชื่อมต่อกล้องวงจรปิดภายในบ้านออก ส่วนนายเอกยุทธนำฮาร์ดดิสก์ที่เก็บข้อมูลภาพกล้องวงจรปิดออกไป และคืนนั้นเอง (วันที่ 6 ประมาณตีสอง) ตนขับรถพานายเอกยุทธไปนอนบ้านพี่สาวแถวลาดกระบัง
ข้อสงสัย – นายเอกยุทธจะยอมไปนอนบ้านพี่สาวคนขับรถจริงหรือ? โรงแรมมีมากมาย
นายสันติภาพ อ้างว่า วันที่ 7 มิ.ย.เกือบเที่ยง นายเอกยุทธให้ขับรถไปที่สนามบินสุวรรณภูมิ มีนายแบงค์นำเอกสารเป็นสมุดเช็คมาให้เซ็น ตนเป็นคนลงไปรับเอกสาร นายเอกยุทธตรวจดูเอกสารดังกล่าวบนรถ และเซ็นเอกสารดังกล่าวด้วย ให้ตนมอบให้นายแบงก์ ก่อนจะให้ตนขับรถออกไปจากสนามบิน
เวลาประมาณบ่ายสามโมง นายสันติภาพอ้างว่า นายเอกยุทธให้ขับรถเข้ามาที่สนามบินสุวรรณภูมิอีกครั้ง และให้ตนลงจากรถไปรับซองเอกสารจากผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นซองสีน้ำตาล ตนไม่รู้ว่าข้างในเป็นเงิน ระหว่างที่ลงไปเอาเอกสาร หญิงที่ชื่ออิงค์พยายามถามว่า “นายอยู่ไหน” ตนก็ตอบไม่ได้เพราะถือเป็นความลับของเจ้านาย เมื่อกลับมาขึ้นรถ ก็กลับไปที่บ้านลาดกระบัง ก่อนจะออกเดินทางลงใต้ราวตี 3
ข้อสงสัย – นายเอกยุทธอยู่บนรถตู้โฟล์กกับนายสันติภาพที่สนามบินจริงหรือไม่? เพราะคนมาส่งเงินให้นายเอกยุทธก็ไม่ได้พบเห็นนายเอกยุทธแล้ว แต่ส่งให้นายสันติภาพ? โทรศัพท์มือถือของนายเอกยุทธหลายเครื่องน่าจะยืนยันตำแหน่งที่อยู่ได้ หากอยู่ที่สนามบินจริง
นายสันติภาพ กล่าวอ้างว่า นายเอกยุทธสั่งให้ขับรถพาลงใต้ ระหว่างทางนายเอกยุทธคุยโทรศัพท์ว่า “ไปพม่าจะดีหรือไม่” เมื่อถึงจังหวัดเพชรบุรี ก่อนถึงปราณบุรี มีรถเก๋งมาจอดรับนายเอกยุทธ โดยอ้างว่านายเอกยุทธยื่นเงินให้ตน 1,000 บาท พร้อมกับบอกว่า “ให้หยุดงานได้เลย ส่วนจะกลับมาทำงานวันไหนรอจะโทรบอกอีกครั้ง และอยากบอกใคร” จากนั้นนายเอกยุทธได้ลงจากรถพร้อมด้วยกระเป๋าเจมส์บอนส์ และกระเป๋าเดินทางอีก 1 ใบ เดินไปขึ้นรถเก๋งคันดังกล่าวเอง รถมุ่งหน้าลงสู่ภาคใต้
นายสันติภาพอ้างว่า “ผมไม่รู้จะไปไหน เลยคิดว่าจะขับรถนายไปอวดเพื่อน จึงมุ่งหน้าไป จ.พัทลุง กระทั่งมาถึงวันจันทร์ที่ 10 มิ.ย. กำลังจะขับรถตู้กลับมาส่งไว้ที่บ้านนาย แต่รถยางแตกเมื่อถึง จ.สมุทรสงคราม ขณะกำลังเอารถเข้าปั๊มแก๊สเพื่อปะยาง ก็ถูกตำรวจเชิญมาสอบปากคำ”
ข้อสงสัย – พิจารณาจากคำบอกเล่า ดูเหมือนนายสันติภาพจะยำเกรงเจ้านายมาก เมื่อนายไม่บอกว่าจะกลับวันไหน ให้หยุดงานรอโทรศัพท์เรียกตัว คนขับรถอย่างนายสันติภาพจะกล้าขับรถนายไปอวดเพื่อนที่พัทลุงตั้งสองวันสามวันเชียวหรือ? ทำไมพบเงินในรถตั้งหกหมื่นบาท? ฯลฯ
2) น.ส.สุภากรณ์ แหวนหล่อ พี่สาวของนายเอกยุทธไม่เชื่อคำให้การคนขับรถ ระบุว่ามีข้อผิดสังเกตหลายจุด
ยืนยันว่า น้องชายไม่เคยปิดมือถือติดต่อไม่ได้ หรือติดต่อไปแล้วไม่ติดต่อกลับมานานขนาดนี้
เชื่อว่าการหายตัวของน้องชายครั้งนี้มีเงื่อนงำ และมีคนอุ้มพาตัวไปแน่นอน
3) นายเอกยุทธมีศัตรูอยู่ไม่น้อย...
สาเหตุที่อาจเกี่ยวกับการหายตัวไปของนายเอกยุทธมีหลายประเด็น อาทิ
-นายเอกยุทธได้ไล่พนักงานของบริษัท 3 คน ออกจากงาน หลังจับได้ว่าร่วมกันยักยอกเงินกว่า 1 ล้านบาท
-ความขัดแย้งระหว่างนายเอกยุทธกับเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูง สืบเนื่องจากกรณีทะเลาะวิวาทในร้านอาหารคาราโอเกะซิตี้ เมื่อ ธ.ค.2555
-นายเอกยุทธเป็นผู้เปิดเผยกรณีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไปพบกับนักธุรกิจที่ดิน ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กระทั่งกลายเป็นกรณีอื้อฉาว “ว.5 ชั้น 7”
- นายเอกยุทธแสดงออกว่าเป็นปฏิปักษ์กับผู้มีอำนาจรัฐในปัจจุบันอย่างเปิดเผย และเชื่อว่าเขากุมข้อมูลลับหลายเรื่องที่อาจจะกระทบกับผู้มีอำนาจในปัจจุบัน
ยกตัวอย่างข้อความที่นายเอกยุทธเขียนบนเฟซบุ๊ค “เอกยุทธ อัญชันบุตร” ในช่วง 7 วันก่อนหายตัวไป
ข้อความสุดท้าย คือ 6 June – “ผมเตือนนักลงทุนทั่วไปเมื่อวันที่ 1-6-13 ถึงหุ้น"ความจริง"..วันนั้นอยู่ที่11-12 บาท..และบอกไว้ว่าราคาที่เหมาะสมและเจ้ามือทุนอยู่ที่ประมาณ 6-8 บาท..วันนี้มาให้เห็นแล้ว..”
ย้อนหลังไป เช่น
6 June – “ผมยังไม่เคยเห็นใครบอกว่า..ไม่ให้ทักษิณกลับเมืองไทย..ไม่มีใครห้าม..มีแต่ใครๆก็อยากให้กลับทั้งนั้น..แต่ที่พล่ามว่าอยากกลับแต่ไม่กล้ากลับมาเองก็เพราะหนีคุกอยู่ไงครับ..ปากกล้าขาสั่นอยู่เมืองนอก ทั้งๆที่มีขี้ข้าเป็นใหญ่เต็มบ้านเมือง มีน้องเป็นนายกฯ ..เหตุผลที่ไม่กลับไม่ใช่อะไรหรอกครับ..กลัวความจริงไง..”
1 June – “สึนามิสวาทเข้าถล่ม "เกาะสวาท หาดสวรรค์" คลื่นซัดจนรีสอร์ทหรูสั่นสะเทือนไปทั้งเกาะ.ภารกิจ ว 5 ณ เกาะสวาท หาดสวรรค์ เดินตามทางของพี่ชายที่เคยใช้เป็นที่ปลดปล่อยความ
เครียดโดยให้นักร้องสาวขี่คอถ่ายรูปมาโชว์..ช่างบังเอิญที่หนุ่มใหญ่ผัวชาวบ้านเดินทางอ้างไปดูสถานที่ลงทุน "บ้านแสนรัก"..โอสวรรค์กลางทะเล..”
1 June – “พวกที่รับราชการและได้ตำแหน่งสำคัญเพราะกราบตีนโจรนั่น..ผมว่าสุนัขที่เห่าเฝ้าบ้านยังมีศักดิ์ศรีของหมามากกว่าพวกนี้..ตายห่าไปก็เอาอะไรไปไม่ได้ นอกจากทรัพย์สมบัติที่ฉ้อฉลไว้
ให้ลูกเมียใช้แต่ไร้เกียรติและศักดิศรี..”
31 May – “มีอำนาจนี่ก็ดีนะ..แค่ใช้ปากพล่อยๆกล่าวหาคนอื่นก็ทำให้หุ้นของผู้นั้นร่วงได้..เหลิมบอกมีสามกลุ่มที่สนับสนุนล้มรัฐบาลและการชุมนุม..แบงค์..ขายเป็ดไก่..น้ำเมา..แค่พล่ามหุ้นพวกนี้ก็
ร่วงสมใจแล้ว โดยไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ นักลงทุนก็ตายหมู่...55555”
30 May – “เมื่อใดที่รัฐบาลไม่ว่าประเทศไหน..ปล่อยให้โจรบงการได้หรือใช้อำนาจแบบลุแก่อำนาจเพราะถือว่ามีอำนาจและอาวุธอยู่ในมือ..เมื่อนั้นสงครามกลางเมืองก็จะเกิดขึ้น..อย่าคิดว่าปชช.จะ
ยอมสยบ..ยิ่งตี ยิ่งกัน ยิ่งลุแก่อำนาจ ยิ่งกลั่นแกล้ง..ก็จะเกิดกระแสตีกลับและอาจต่อสู้อยู่ใต้ดิน..ไม่เคยมีใครอยู่ในอำนาจได้ หากระยำอย่างนี้”
30 May – “กลับถึงเมืองไทยเมื่อคืน..เช้ามาที่ศาลเพราะอัยการฟ้องตามตำรวจ..ถามคนรับผิดชอบคดีก็ไม่เจอแต่ได้ยินพูดกันว่ามีใบสั่งการเมือง..ตกลงว่ากระบวนการยุติธรรมนี่อยู่ที่พวกใครหรือ?
หากผิดจริงน่ะยอมรับไปแล้วและแค่คนทะเลาะกันและเข้าห้ามยังโดนขี้ข้านักโทษหนีคุกรุมยัดเยียดข้อหาอย่างนี้...ไม่มีจบครับ..ผมสู้.ไม่ว่าทางใด..เจอกันแน่..พวกเอี้ยทั้งหลาย..” ฯลฯ
สาเหตุใดที่ทำให้นายเอกยุทธหายตัวไป? ใครบงการ? ใครสั่ง? ใครสมรู้ร่วมคิด?
สารส้ม
http://www.naewna.com/politic/columnist/7119
นสพ.แนวหน้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น