PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2556

"ทักษิณ"โพสFBแนะวิธีรัฐรับมือวิกฤติเศรษฐกิจ

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสผ่าน เฟสบุ๊ค Thaksin Shinawatra วันนี้(15ส.ค.56)ว่า 
เมื่อคืนก่อนดูข่าวว่ายุโรปเริ่มหลุดจากเศรษฐกิจถดถอยหลังจาก 18 เดือน คงมีหลายสาเหตุที่ทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของยุโรปล่าช้า แต่เหตุที่สำคัญอันหนึ่งและตัวเลขก็ยังปรากฏอยู่ การตกงานยังสูงมาก ทั้งนี้เพราะเขาแก้ปัญหาธนาคารไม่ครบวงจร เพราะธนาคารเป็นตัวกลางของคนมีเงินเหลือ กับคนต้องการใช้เงิน พอเศรษฐกิจแย่คนมีเงินเหลือก็มีน้อยต้องถอนเงินกัน ธนาคารจึงต้องเพิ่มทุน ผู้ถือหุ้นก็ไม่มีเงิน รัฐจึงต้องเพิ่มทุนให้แทน

แต่คนใช้เงินคือผู้กู้ก็ไม่มีเงินมาชำระ แถมยังเป็นหนี้เสีย ธนาคารก็ตั้งสำรองตลอดเวลาในขณะที่ทุนก็ไม่พอ เงินฝากก็น้อย ธนาคารจึงไม่ปล่อยกู้รายย่อยเพราะกลัวหนี้จะเสีย SME ก็ต้องปิดกิจการ คนก็ตกงานเพิ่ม บริษัทใหญ่ก็เจ๊งบ้าง หดตัวบ้าง

ถ้ารัฐไม่ตั้ง Bad Bank หรือสถาบันบริหารสินทรัพย์เพื่อมาซื้อหนี้เสียออกจากธนาคาร ธนาคารก็ไม่มีกำลังปล่อยกู้ภาคเอกชน การจ้างงานการขยายธุรกิจก็ไม่เกิดก็ต้องใช้เวลานาน ธนาคารที่อมหนี้เสียไว้เยอะจะกลับมาแข็งแรงอีกครั้งและจะมาช่วยสร้างเศรษฐกิจด้วยการปล่อยกู้เพื่อให้เกิดการสร้างงาน

ตอนสมัยที่ผมเป็นนายกฯ ผมรีบประชุมนายแบงค์ทันทีแล้วตั้ง บสท. (บรรษัทบริหารสินทรัพย์) ขึ้นทันที แล้วซื้อหนี้เสียออกจากธนาคาร เพื่อให้ธนาคารแข็งแรงเหมือนผ่ามะเร็งออกทันที พอธนาคารเริ่มแข็งแรงผมก็เริ่มกระตุ้นให้ธนาคารปล่อยกู้ทันที เลยทำให้การฟื้นตัวเกิดขึ้นเร็ว มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจต่อเนื่อง

ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ รัฐบาลในยุโรปเน้นเรื่อง Austerity Program ก็คือการประหยัดและตัดงบประมาณลงในหลายด้าน ซึ่งหลักการถูกแต่วิธีการบางรัฐบาลทำไม่เป็น เศรษฐกิจเลยยิ่งหดตัวใหญ่ คนตกงานมาก ระบบราชการที่บริการประชาชนก็มีปัญหาทันที ทั้งๆที่เป็นจังหวะที่ประชาชนกำลังเดือดร้อนอยู่

ก็เปรียบเสมือนการที่เราต้องการลดน้ำหนักละครับ ถ้าลดน้ำหนักด้วยการกินน้อยลง เลือกหมวดอาหารที่เป็นประโยชน์ไม่มีไขมัน ไม่มีแป้งน้ำตาล น้ำหนักก็จะลดแต่ยังแข็งแรง ถ้าออกกำลังกายอีกก็ยิ่งแข็งแรงมากโดยน้ำหนักก็ลด แต่ถ้าเราขี้เกียจและก็เห็นแก่กิน แถมไม่มีสติ ก็ใช้ระบบตัดแขนตัดขา น้ำหนักก็ลดจริงแต่ทำงานไม่ได้

ที่ผมยกตัวอย่างที่อาจจะเพี้ยนไปหน่อย ก็เพื่อจะให้เห็นชัดๆเข้าใจง่ายๆว่าการจะทำอะไรอย่ามองจุดใดจุดหนึ่งหรือเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เพราะในโลกปัจจุบันซับซ้อนมีหลายมิติที่มองไปพร้อมๆกัน ดูจุดเดียวมิติเดียวก็พลาดได้ง่ายเพราะมองไม่เห็นภาพรวม มองไม่เข้าใจถึงจุดหมายปลายทางที่ต้องการ

สำหรับท่านที่มีปัญหาครอบครัวชักหน้าไม่ถึงหลังก็ดี ท่านที่ทำธุรกิจแล้วขาดทุนก็ดี อย่าลืมที่ผมเคยพูดไว้ว่า “ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส” นี่คือสูตรสำเร็จของชีวิตครับ คือ

(1) ทำบัญชีให้ชัดว่าเรามีรายจ่ายอะไรบ้างทุกบาททุกสตางค์ อันไหนไม่จำเป็นในช่วงนี้ให้ตัดทิ้ง ชวนทั้งครอบครัวมาดูตัวเลขการใช้จ่ายด้วยกันเลย ถ้าเป็นกระเป๋าเดียวกัน

(2) ทำบัญชีรายได้ว่ามีรายได้มาจากไหนบ้าง เอา (1) กับ (2) มาเปรียบเทียบดูถ้ารายได้น้อยกว่ารายจ่ายทั้งๆที่ตัดรายจ่ายไปแล้ว หรือรายได้พอๆกับรายจ่ายไม่ค่อยมีเงินเหลือ ก็ขอให้ไปสู่ข้อ 3

(3) คือการขยายโอกาสในการทำมาหากินของตัวเองและสมาชิกในครอบครัวที่ใช้กระเป๋าเดียวกันว่าใครพอจะมีโอกาสสร้างรายได้เพิ่มเติมก็ต้องทำทุกอย่างที่สุจริต จะได้อยู่รอดและมีเงินเหลือในที่สุดครับ

ขอให้โชคดีทุกคน ทุกครอบครัว ทุกบริษัทครับ.


ไม่มีความคิดเห็น: