เมื่อคืนก่อนดูข่าวว่ายุโรปเริ่มหลุดจากเศรษฐกิจถดถอยหลังจาก 18 เดือน คงมีหลายสาเหตุที่ทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของยุโรปล่าช้า แต่เหตุที่สำคัญอันหนึ่งและตัวเลขก็ยังปรากฏอยู่ การตกงานยังสูงมาก ทั้งนี้เพราะเขาแก้ปัญหาธนาคารไม่ครบวงจร เพราะธนาคารเป็นตัวกลางของคนมีเงินเหลือ กับคนต้องการใช้เงิน พอเศรษฐกิจแย่คนมีเงินเหลือก็มีน้อยต้องถอนเงินกัน ธนาคารจึงต้องเพิ่มทุน ผู้ถือหุ้นก็ไม่มีเงิน รัฐจึงต้องเพิ่มทุนให้แทน
แต่คนใช้เงินคือผู้กู้ก็ไม่มีเงินมาชำระ แถมยังเป็นหนี้เสีย ธนาคารก็ตั้งสำรองตลอดเวลาในขณะที่ทุนก็ไม่พอ เงินฝากก็น้อย ธนาคารจึงไม่ปล่อยกู้รายย่อยเพราะกลัวหนี้จะเสีย SME ก็ต้องปิดกิจการ คนก็ตกงานเพิ่ม บริษัทใหญ่ก็เจ๊งบ้าง หดตัวบ้าง
ถ้ารัฐไม่ตั้ง Bad Bank หรือสถาบันบริหารสินทรัพย์เพื่อมาซื้อหนี้เสียออกจากธนาคาร ธนาคารก็ไม่มีกำลังปล่อยกู้ภาคเอกชน การจ้างงานการขยายธุรกิจก็ไม่เกิดก็ต้องใช้เวลานาน ธนาคารที่อมหนี้เสียไว้เยอะจะกลับมาแข็งแรงอีกครั้งและจะมาช่วยสร้างเศรษฐกิจด้วยการปล่อยกู้เพื่อให้เกิดการสร้างงาน
ตอนสมัยที่ผมเป็นนายกฯ ผมรีบประชุมนายแบงค์ทันทีแล้วตั้ง บสท. (บรรษัทบริหารสินทรัพย์) ขึ้นทันที แล้วซื้อหนี้เสียออกจากธนาคาร เพื่อให้ธนาคารแข็งแรงเหมือนผ่ามะเร็งออกทันที พอธนาคารเริ่มแข็งแรงผมก็เริ่มกระตุ้นให้ธนาคารปล่อยกู้ทันที เลยทำให้การฟื้นตัวเกิดขึ้นเร็ว มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจต่อเนื่อง
ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ รัฐบาลในยุโรปเน้นเรื่อง Austerity Program ก็คือการประหยัดและตัดงบประมาณลงในหลายด้าน ซึ่งหลักการถูกแต่วิธีการบางรัฐบาลทำไม่เป็น เศรษฐกิจเลยยิ่งหดตัวใหญ่ คนตกงานมาก ระบบราชการที่บริการประชาชนก็มีปัญหาทันที ทั้งๆที่เป็นจังหวะที่ประชาชนกำลังเดือดร้อนอยู่
ก็เปรียบเสมือนการที่เราต้องการลดน้ำหนักละครับ ถ้าลดน้ำหนักด้วยการกินน้อยลง เลือกหมวดอาหารที่เป็นประโยชน์ไม่มีไขมัน ไม่มีแป้งน้ำตาล น้ำหนักก็จะลดแต่ยังแข็งแรง ถ้าออกกำลังกายอีกก็ยิ่งแข็งแรงมากโดยน้ำหนักก็ลด แต่ถ้าเราขี้เกียจและก็เห็นแก่กิน แถมไม่มีสติ ก็ใช้ระบบตัดแขนตัดขา น้ำหนักก็ลดจริงแต่ทำงานไม่ได้
ที่ผมยกตัวอย่างที่อาจจะเพี้ยนไปหน่อย ก็เพื่อจะให้เห็นชัดๆเข้าใจง่ายๆว่าการจะทำอะไรอย่ามองจุดใดจุดหนึ่งหรือเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เพราะในโลกปัจจุบันซับซ้อนมีหลายมิติที่มองไปพร้อมๆกัน ดูจุดเดียวมิติเดียวก็พลาดได้ง่ายเพราะมองไม่เห็นภาพรวม มองไม่เข้าใจถึงจุดหมายปลายทางที่ต้องการ
สำหรับท่านที่มีปัญหาครอบครัวชักหน้าไม่ถึงหลังก็ดี ท่านที่ทำธุรกิจแล้วขาดทุนก็ดี อย่าลืมที่ผมเคยพูดไว้ว่า “ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส” นี่คือสูตรสำเร็จของชีวิตครับ คือ
(1) ทำบัญชีให้ชัดว่าเรามีรายจ่ายอะไรบ้างทุกบาททุกสตางค์ อันไหนไม่จำเป็นในช่วงนี้ให้ตัดทิ้ง ชวนทั้งครอบครัวมาดูตัวเลขการใช้จ่ายด้วยกันเลย ถ้าเป็นกระเป๋าเดียวกัน
(2) ทำบัญชีรายได้ว่ามีรายได้มาจากไหนบ้าง เอา (1) กับ (2) มาเปรียบเทียบดูถ้ารายได้น้อยกว่ารายจ่ายทั้งๆที่ตัดรายจ่ายไปแล้ว หรือรายได้พอๆกับรายจ่ายไม่ค่อยมีเงินเหลือ ก็ขอให้ไปสู่ข้อ 3
(3) คือการขยายโอกาสในการทำมาหากินของตัวเองและสมาชิกในครอบครัวที่ใช้กระเป๋าเดียวกันว่าใครพอจะมีโอกาสสร้างรายได้เพิ่มเติมก็ต้องทำทุกอย่างที่สุจริต จะได้อยู่รอดและมีเงินเหลือในที่สุดครับ
ขอให้โชคดีทุกคน ทุกครอบครัว ทุกบริษัทครับ.
แต่คนใช้เงินคือผู้กู้ก็ไม่มีเง
ถ้ารัฐไม่ตั้ง Bad Bank หรือสถาบันบริหารสินทรัพย์เพื่อ
ตอนสมัยที่ผมเป็นนายกฯ ผมรีบประชุมนายแบงค์ทันทีแล้วตั
ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ รัฐบาลในยุโรปเน้นเรื่อง Austerity Program ก็คือการประหยัดและตัดงบประมาณล
ก็เปรียบเสมือนการที่เราต้องการ
ที่ผมยกตัวอย่างที่อาจจะเพี้ยนไ
สำหรับท่านที่มีปัญหาครอบครัวชั
(1) ทำบัญชีให้ชัดว่าเรามีรายจ่ายอะ
(2) ทำบัญชีรายได้ว่ามีรายได้มาจากไ
(3) คือการขยายโอกาสในการทำมาหากินข
ขอให้โชคดีทุกคน ทุกครอบครัว ทุกบริษัทครับ.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น