PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2556

คำนูน บอกฝ่ายค้านชกไม่สุดหมัดซัก พรบ.กู้๒.๒ล้านล้านบาทวันแรก

จืดไปนิดนะ ถ้าออกรูปนี้ร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทผ่านวาระ 2-3 ฉลุยแน่ภายในวันพรุ่งนี้ ฟังผิว ๆ วาทะเชือดเฉือนอาจจะยังคมคายและมีชวนทะเลาะบ้างตามมาตรฐานของพรรคฝ่ายค้าน รวมทั้งอาจจะดุเดือดขึ้นเมื่อลงในรายละเอียดของแต่ละโครงการตามเอกสารประกอบ แต่ลงลึกไปเนื้อ ๆ แล้วแม้จะมีผู้สงวนคำแปรญัตติถึง 143 คน แต่แนวทางต่อสู้ของพรรคฝ่ายค้านครั้งนี้กลับดูแผ่วและขาดพลังเท่าที่ควร

เหมือน 'ชกไม่สุดหมัด' อย่างไรอย่างนั้น !!

คือถ้าจะสู้ว่าขัดรัฐธรรมนูญ ตัวเลขเงินกู้ย่อมไม่สำคัญ กู้เท่าไรก็ขัด จะกู้ 2 ล้านล้านบาทหรือกู้บาทเดียวก็ขัด ! 

พอขุนพลเศรษฐกิจของพรรคไปแปรญัตติลดวงเงินกู้จาก 2 ล้านล้านบาทลงมาเหลือ 4 แสนล้านบาทบ้าง 5 แสนล้านบาทบ้าง ก็เท่ากับไป 'กัดลิ้นตัวเอง' ให้เขาย้อนได้ว่าถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญล่ะซี

น่าจะเป็นเพราะพรรคฝ่ายค้านไปติด 'กับดักไทยเข้มแข็ง' ที่ตัวเองวางไว้เอง เพราะเมื่อปี 2552 คราวพ.ร.ก.ไทยเข้มแข็งกู้เงินนอกงบประมาณ 4 แสนล้านบาทก็ทำแบบนี้แหละ คืออกกฎหมายพิเศษเพื่อกู้เงินและใช้เงินกู้นั้นโดยไม่ปฏิบัติตามกรอบวินัยการเงินการคลังตามรัฐธรรมนูญ เหตุผลของกฤษฎีกาคณะที่ 12 'เงินกู้ไม่ใช่เงินแผ่นดิน' เมื่อธันวาคม 2552 ออกมาก็เพื่อช่วยให้ไทยเข้มแข็งเดินหน้าไปได้ โดยรัฐบาลพรรคฝ่ายค้านยุคนั้นก็ไม่ได้พยายามทำให้ข้อสงสัยไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ

นี่กระมังที่ทำให้ชกได้ไม่สุดหมัด ?

คำแปรญัตติเดียวที่ดีที่สุดและตรงเป้าที่สุดคือคำแปรญัตติของคุณองอาจ คล้ามไพบูลย์ ที่แปรแก้ไขคำว่า 'กู้เงิน' และ/หรือ 'เงินกู้' ตั้งแต่ชื่อกฎหมายไปจนในทุกมาตราเป็น 'เงินที่กำหนดให้จ่ายตามกฎหมาย'อันเป็นคำตามรัฐธรรมนูญมาตรา 168 วรรคห้า (3) เพราะด้านหนึ่งเป็นการปฏิเสธการกู้เงินนอกระบบงบประมาณที่ไม่ปฏิบัติตามกรอบวินัยการเงินการคลังโดยสิ้นเชิง อีกด้านหนึ่งยังได้สร้างนวัตกรรมที่ทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าโครงการทั้งหมดจะเดินหน้าต่อเนื่องไปได้ในระบบงบประมาณปรกติ แต่น่าเสียดายที่เป็นคำแปรญัตติที่ถูกวินิจฉัยว่าขัดหลักการ พอแพ้ในยกแรก ท่านก็ไม่ได้อภิปรายอีกในยกต่อไปมาตราต่อไป

และน่าเสียดายที่สุดที่ท่านไม่ได้อรรถาธิบายนัยยะสำคัญที่สุดของการนำคำในรัฐธรรมนูญมาตรา 168 วรรคห้า (3) 'เงินที่ถูกกำหนดให้จ่ายตามกฎหมาย' มาใส่แทนที่ไว้ทุกตำแหน่งแทนคำว่ากู้เงินหรือเงินกู้ !

ถ้าขุนพลเศรษฐกิจของพรรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวหน้าพรรค ใช้คำแปรญัตติในแนวทางของคุณองอาจ คล้ามไพบูลย์เป็นหลัก น่าจะมีพลังเพิ่มขึ้นในสารัตถะมากกว่าที่เห็นที่เป็นอยู่

ไม่มีความคิดเห็น: