PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ใจ อึ๊งภากรณ์: พรรคเพื่อไทยตั้งใจหักหลังวีรชนตั้งแต่แรก

Wed, 2013-11-06 22:36

     เรื่องนี้ผู้เขียนเตือนไว้ตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี ๒๕๕๔ หลังการเลือกตั้งแค่หนึ่งเดือน คือเขียนไว้ตอนนั้นว่า “เราเริ่มเห็นภาพของข้อตกลงระหว่างอำมาตย์กับพรรคเพื่อไทย เพื่อให้พรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาลได้ และเพื่อให้แกนนำเพื่อไทยถูกกลืนกลับไปเป็นพรรคพวกของอำมาตย์เหมือนเดิม เพราะพรรคไทยรักไทยในอดีตก็เคยเป็นพวกเดียวกับอำมาตย์ก่อนที่จะทะเลาะกัน” สัญญาณสำคัญที่ยิ่งลักษณ์ส่งออกมาคือการไปคบค้าสมาคมยิ้มแย้มแจ่มใสกับประยุทธ์และเปรม พร้อมกับการใช้ 112 ต่อไป และสำหรับเสื้อแดงที่หมดปัญญาและได้แต่แก้ตัวให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยมาอย่างต่อเนื่อง ผู้เขียนเคยเสนอในปีนั้นว่า “รัฐบาลนี้ไม่ได้อ่อนแอถ้ารู้จักทำแนวร่วมกับมวลชนเสื้อแดงที่ทำให้รัฐบาลนี้ชนะการเลือกตั้งแต่แรก” แต่การอาศัยพลังมวลชนไม่ใช่วัตถุประสงค์ของรัฐบาลตั้งแต่ชนะการเลือกตั้ง เพราะมันจะ “เสี่ยง” กับการสร้างสังคมไทยที่ก้าวหน้าและมีประชาธิปไตยมากกว่านี้

     ทักษิณพร้อมจะถุยน้ำลายใส่ไพร่เสื้อแดงที่ต่อสู้กับทหารและพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อให้ตนเองได้กลับบ้าน แต่สมยศ ดา ตอร์บิโด และนักโทษ 112 คนอื่น จะไม่ได้กลับบ้าน คนที่ต้องไปอยู่ต่างแดนเพราะกฏหมายชั่วช้าเผด็จการนี้ก็ไม่ได้กลับบ้านเช่นกัน
     ที่เขียนแบบนี้ไม่ได้พยายามสื่อว่าคนเสื้อแดง “ตายฟรี” หรือ “ติดคุกฟรี” แต่อย่างใด เพราะถ้าคนธรรมดาไม่สู้ เสรีภาพจะไม่มีวันเกิด เราต้องรู้ทันพวกข้างบนว่าเขาย่อมหักหลังคนเล็กๆ เสมอ ในขณะเดียวกันเราต้องไม่ลืมว่าคนเสื้อแดงจำนวนมากไม่ได้สู้เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง เพียงแต่ว่าเราปล่อยให้พวก “ผู้ใหญ่” กำหนดแนวทางการนำ แทนที่เราจะนำตนเอง
     แกนนำ นปช. ไม่เคยออกมาเสนอให้ยกเลิก 112 และไม่เคยเรียกร้องให้ปล่อยนักโทษ 112 ยิ่งกว่านั้นไม่มีการเคลื่อนไหวต่อต้านการหักหลังของรัฐบาลเลย สรุปแล้วแกนนำ นปช. ไม่ต้องการให้เสื้อแดง “ก้าวพ้น” การเป็นลูกน้องทักษิณ นั้นคือสาเหตุที่คนก้าวหน้าเสนอให้เคลื่อนไหวอิสระจาก นปช. มานาน ปัญหาคือคนที่ก้าวหน้าไม่ยอมจัดตั้งทางการเมือง พร้อมจะมีแค่กลุ่มกระจัดกระจายที่แยกกันเคลื่อนไหวและมีคำแถลง “หางว่าว” ที่มีหลายสิบองค์กร แต่เกือบไม่มีมวลชน องค์กรผีนั้นเอง ส่วนคนที่อยากจัดตั้งองค์กรทางการเมืองอย่างจริงจังก็เล็กเกินไปในขณะนี้
     ใครที่วิเคราะห์สังคมไทยจากมุมมองชนชั้น และพร้อมจะเปิดหูเปิดตาถึงธาตุแท้ของทักษิณ ยิ่งลักษณ์ หรือพรรคไทยรักไทย-พรรคเพื่อไทย จะสามารถเข้าใจตรงนี้มาแต่แรก ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง อย่าลืมว่าทักษิณเป็นนายทุนใหญ่ที่มีส่วนในการเข่นฆ่าประชาชนมือเปล่าในปาตานี หรือในสงครามต้านยาเสพติด และอย่าลืมว่าทักษิณก็เป็นคนที่ใช้ “เสื้อเหลือง”ก่อนพันธมิตรฯ ทักษิณและเพื่อไทยก็พร้อมจะใช้ 112 ต่อไป ไม่ใช่แค่ไม่ยกเลิกเท่านั้น
     คนที่ตอนนี้มีจุดยืนเพื่อประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพ โดยการต่อต้านกฏหมายนิรโทษกรรม “เหมาเข่ง” ของรัฐบาลเพื่อไทย มีสองประเภท ประเภทแรกเป็นคนที่มีการจัดตั้งทางการเมือง คืออยู่ในกลุ่มฝ่ายซ้ายที่มีการร่วมกันวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองจากจุดยืนชนชั้น องค์กร “เลี้ยวซ้าย” เป็นตัวอย่างที่ดี ประเภทที่สองเป็นปัจเจกชนที่กระตือรือร้นที่จะรักษาอุดมการณ์ท่ามกลางการถูกชักชวนให้ “หมอบคลานหรือเลิก” จากพวกที่หันหลังให้วีรชน ปัจเจกชนแบบนี้น่าเคารพ แต่เขามีจุดอ่อนเพราะส่วนใหญ่ขาดการวิเคราะห์แบบรวมหมู่ของคนที่เป็นสมาชิกองค์กร ปัจเจกชนแบบนี้หลายคนจึงเสียจุดยืนไปแล้ว หมดบทบาทก้าวหน้าทางการเมืองโดยสิ้นเชิง
     อาจารย์ สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ ยังคงอุดมการณ์ แต่ล่าสุดเขียนถึง “แนวร่วมของคนก้าวหน้ากับพรรคเพื่อไทย” ที่อาจถึงจุดจบแล้ว การมองแนวร่วมแบบนั้นมีปัญหา เพราะเคยพาคนไปตั้งความหวังเท็จกับยิ่งลักษณ์ ทักษิณ หรือแม้แต่แกนนำ นปช. ผู้เขียนและ “เลี้ยวซ้าย” เตือนว่าเราต้องไม่ทำแนวร่วมกับพรรคนายทุนมาตั้งแต่แรกเริ่มการก่อตั้งของเสื้อแดง เราเสนอแทนว่าควรทำแนวร่วมกับ “มวลชน” เสื้อแดง ไม่ใช่กับพรรคเพื่อไทยหรือแกนนำ นปช. และแนวร่วมนี้เรายังทำได้กับเสื้อแดงที่ปฏิเสธกฏหมายเหมาเข่ง
     การที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยรวมทักษิณเข้าไปในการนิรโทษกรรม มีปัญหาอีกแง่หนึ่งด้วยคือ เปิดช่องทางให้พวกสลิ่มปฏิกิริยาที่สนับสนุนรัฐประหาร สามารถออกมาสร้างภาพด้วยการปฏิเสธกฏหมายเหมาเข่ง สรุปแล้วมันไม่มีอะไรดีเลย
     เลือกตั้งครั้งต่อไป คนเสื้อแดงที่รักประชาธิปไตยไม่ควรลงคะแนนให้พรรคเพื่อไทยเป็นอันขาด และแน่นอนไม่ควรเลือกพรรคประชาธิปัตย์ บางคนอาจสงสัยว่าจะทำอะไรดี คำตอบง่ายๆ คือ “กาช่องไม่เลือกใคร” การเลือกตั้งสำคัญ แต่ไม่ใช่ทั้งหมดของ “การเมือง”
     เวลาคัดค้านการนิรโทษกรรมเหมาเข่ง เราต้องยืนยันว่ามันจะไม่นำไปสู่สันติภาพแต่อย่างใด เพราะมันเป็นการประกาศอนุญาตให้ทหารและนักการเมืองเข่นฆ่าประชาชนอีกในอนาคต เพราะฆาตกรของรัฐลอยนวลเสมอ ๑๔ ตุลา, ๖ ตุลา, พฤษภา ๓๕, ตากใบ และราชประสงค์ คือหลักฐาน
          เวลาคัดค้านการนิรโทษกรรมเหมาเข่ง เราต้องยืนยันอีกด้วยว่าปัญหาสำคัญคือการปล่อยให้นักโทษ 112 ติดคุกต่อไป โดยไม่มีการยกเลิกกฏหมายนี้ อย่าลืมว่านักโทษ 112 เป็นนักโทษทางความคิด ไม่เหมือนพวกเสื้อเหลืองที่ใช้ความรุนแรงในการปิดสนามบินแต่ไม่เคยติดคุก
     ทุกวันนี้ผู้ที่น้อมรับหรือสนับสนุนกฏหมายนิรโทษกรรมฆาตกร ไม่ว่าจะด้วยข้อแก้ตัวอะไร ล้วนแต่เป็นศัตรูทางการเมืองกับฝ่ายประชาธิปไตย และเป็นศัตรูทางการเมืองกับผมด้วย

ไม่มีความคิดเห็น: