PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เบื้องหลัง"จุตินันท์"ให้"ตั๊น"เปลี่ยนนามสกุล


● เปิดเบื้องลึก"จุตินันท์"ให้ตั๊นเปลี่ยนนามสกุล เผยสาเหตุการออกจดหมายเปิดผนึกของ "จุตินันท์" ให้ "จิตภัสร์" เปลี่ยนนามสกุล เหตุพระยาภิรมย์ภักดีสั่งลูกหลานอย่าเล่นการเมืองหากตัดสินใจทำธุรกิจ แหล่งข่าวจากบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ เปิดเผยว่า การออกจดหมายเปิดผนึกของนายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี เป็นการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นหลังจากที่ น.ส.จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และแนวร่วมกลุ่ม กปปส. อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงความคิดเห็นผ่านทางหนังสือพิมพ์ต่างประเทศฉบับหนึ่ง และถูกแปลผ่านสื่อต่างๆ ว่า "คนชนบทไม่มีความรู้ ความเข้าใจประชาธิปไตย" จนสร้างความไม่พอใจให้กับคนจำนวนมาก จึงมีการพูดคุยกันในครอบครัวและตัดสินใจให้น.ส.จิตภัสร์ เปลี่ยนนามสกุล เมื่อยืนยันว่าจะทำงานการเมืองต่อไป ทั้งนี้ที่สำคัญคือ มีคำสั่งจากเจ้าพระยาภิรมย์ภักดีที่บอกกล่าวไว้ให้ลูกหลานในตระกูลภิรมย์ภักดีว่าไม่อยากให้ลูกหลานเข้าสู่แวดวงทางการเมืองหากตัดสินใจทำธุรกิจ เพราะเห็นว่าธุรกิจไม่ควรเกี่ยวข้องกับการเมือง ซึ่งโดยวัฒนธรรมของตระกูลภิรมย์ภักดี จะเชื่อฟังและทำตามคำสั่งของผู้ใหญ่ และ น.ส.จิตภัสร์ ถือว่าเป็นคนแรกของตระกูลภิรมย์ภักดีที่เข้าสู่แวดวงการเมือง ดังนั้น นายจุตินันท์ ในฐานะที่เป็นพ่อ จึงต้องคุยกับลูกสาว เพื่อหาคำตอบให้กับคนในตระกูลภิรมย์ภักดี และหาทางออกให้ น.ส.จิตภัสร์ ที่ยืนยันว่าจะเดินบนเส้นทางการเมืองต่อไป ซึ่งทางออกที่ดีที่สุดขณะนี้คือ การเปลี่ยนนามสกุลของ น.ส.จิตภัสร์ เพื่อแสดงให้เห็นชัดเจนว่า ตระกูลภิรมย์ภักดีไม่ข้องเกี่ยวกับการเมือง ก่อนหน้านี้ นายสันติ ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ ได้ส่งจดหมายภายในถึงนายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี โดยตักเตือนถึงการทำงานทางการเมืองของ น.ส.จิตภัสร์ ว่าอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจและภาพลักษณ์ขององค์กร เพราะถูกนำไปโยงเรื่องการเมือง และที่ผ่านมาได้พูดคุยตักเตือนหลายครั้ง จนกระทั่งออกเป็นจดหมายตักเตือนอย่างเป็นทางการและนำไปสู่การแก้ปัญหาดังกล่าว อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวยืนยันว่า ณ ขณะนี้ ยอดขายเบียร์สิงห์และลีโอของบริษัทยังคงเป็นปกติ และยังคงทำงานตามปกติ รวมทั้งจะไม่มีการดำเนินการอะไรออกมาจากบริษัท เนื่องจาก นายสันติ เชื่อว่า ในขณะที่สถานการณ์การเมืองรุนแรง ทุกอย่างจะถูกหยิบยกมากล่าวอ้างเพื่อให้ประโยชน์ทางการเมือง ส่วนลูกหลานของตระกูลภิรมย์ภักดีสามารถเล่นการเมืองได้เพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่ไม่เกี่ยวกับตระกูลและธุรกิจ "สิ่งที่คุณสันติกังวลไม่ใช่ยอดขาย แต่กังวลถึงความรู้สึกของทุกคนมากกว่า เพราะบุญรอดมองว่าทุกคนเป็นลูกค้าเรา ไม่เคยแบ่งว่าเป็นเสื้อสีใด เพราะเราทำธุรกิจไม่ได้เล่นการเมือง และเลือกจะนิ่งเชื่อว่าทุกคนจะรู้ว่าบุญรอดไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง" ‪#‎โพสต์ทูเดย์‬

ไม่มีความคิดเห็น: