PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2557

ขรก.ตปท.ส่ง"จดหมายเปิดผนึกถึงผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศ"

ข้าราชการ กระทรวงต่างประเทศ ออกมาเข้าชื่อทั้งทูตทั้งอธิบดี จนถึงข้าราชการรุ้นใหม่ในกระทรวง รุ่น
เด็กๆ ส่งจม.เปิดผนึกถึงรัฐมนตรี ระบุ การกระทำของ"สุรพงษ์"ก่อให้เกิดพันธกรณีกับ UN ซึ่งรัฐบาลรักษาการไม่มีสิทธิกระทำเพราะขัดรัฐธรรมนูญ 
//
"จดหมายเปิดผนึกถึงผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศ"

ในฐานะข้าราชการที่สำนึกถึงหน้าที่ในการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ พวกเราไม่เคยคิดว่าจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่การตีความผลประโยชน์ของประเทศนั้นแตกต่างจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศได้สนับสนุนรัฐบาลต่างๆ ในการดำเนินนโยบายการต่างประเทศในแนวทางที่สอดคล้องต่อผลประโยชน์ของประเทศ ข้าราชการ ในฐานะนักการทูตมืออาชีพ ได้สานต่อผลประโยชน์ของชาติผ่านรัฐบาลหลายยุคหลายสมัย โดยไม่มีผลประโยชน์แอบแฝงที่จะสนับสนุนพรรคการเมืองใดพรรคหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวทีระหว่างประเทศที่ผลประโยชน์ของประเทศไทยอยู่เหนือเกมการเมืองภายในประเทศ ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศสนับสนุนเป้าหมายของทุกพรรคการเมืองที่นำไปสู่นโยบายการต่างประเทศที่เสริมสร้างประเทศไทยอย่างต่อเนื่องและนำผลประโยชน์มาสู่ประชาชนไทย

ในสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน อำนาจหน้าที่ของรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจำกัดอยู่ที่การรักษาความต่อเนื่องของงานราชการเพื่อดำรงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือของประเทศไทย รวมทั้ง ปฏิบัติตามพันธกรณีที่มีอยู่แล้วในเวทีระหว่างประเทศ โดยไม่สร้างพันธกรณีใหม่

การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์ว่าจะเชิญเลขาธิการสหประชาชาติเยือนไทยเพื่อพิจารณาหนทางในการไกล่เกลี่ยความขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบันนั้น ยังขาดการพิจารณาถึงผลประโยชน์ของประเทศอย่างถี่ถ้วน รวมทั้ง ควรมีการหารือ สอบถาม และพิจารณาร่วมกับข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวอย่างเหมาะสม เพื่อให้ได้รับข้อคิดเห็นที่สะท้อนมุมมองอย่างครอบคลุมเกี่ยวกับผลประโยชน์ของประเทศ ซึ่งสะท้อนถึงการขาดความรับผิดชอบ และข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศขอตั้งคำถามเกี่ยวกับความชอบธรรมของการกระทำดังกล่าว

ไม่ว่าเลขาธิการสหประชาชาติจะเยือนไทยด้วยตนเอง หรือส่งผู้แทน หรือผู้แทนพิเศษ ในท้ายที่สุด ตามคำเชิญที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นล้วนเป็นการเยือนตามคำเชิญของรัฐบาลไทย ซึ่งจะนำไปสู่กระบวนการติดตามผลในกรอบสหประชาชาติและการมีข้อเสนอแนะต่อสถานการณ์ในไทย ซึ่งข้อเสนอแนะอาจมิได้ถูกร่างโดยผู้ที่ยึดมั่นต่อผลประโยชน์ของไทยหรือมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับสถานการณ์ในไทย รวมทั้งไทยอาจตกอยู่ภายใต้การประเมินความพึงพอใจในการอนุวัติข้อเสนอแนะดังกล่าวโดยฝ่ายเลขานุการของสหประชาติหรือประเทศสมาชิกอื่น ซึ่งอาจนำไปสู่แรงกดดันและการดำเนินมาตรการอื่นๆ ต่อไทยในภายหลัง นอกจากนี้ การดึงสหประชาชาติเข้ามามีส่วนร่วมในสถานการณ์การเมืองภายในประเทศดังกล่าวอาจบั่นทอนแนวทางที่ไทยยึดถือมาตลอดในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยกระบวนการภายในประเทศ รวมทั้ง เป็นที่คาดการณ์ได้ว่า คำเชิญลักษณะดังกล่าวอาจนำไปสู่การดึงประเทศไทยเข้าสู่กระบวนการและกรอบการหารือใหม่ที่ไทยอาจไม่สามารถควบคุมทิศทางหรือปกป้องผลประโยชน์ของประเทศไทยได้

โดยที่คำเชิญจากรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศถึงเลขาธิการสหประชาชาติจะทำให้เกิดพันธกรณีและผลกระทบต่อประเทศชาติ เกี่ยวกับเรื่องนี้ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจึงควรถอนคำเชิญดังกล่าวในทันที และพิจารณาอย่างถ้วนถี่หากจะกระทำการใดๆ ต่อไปในอนาคต ทั้งนี้ ด้วยความตระหนักว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นผู้รักษาการหรือไม่ เป็นผู้แทนของประเทศไทย สามารถกระทำการใดๆ ในนามประเทศ รวมทั้งการสร้างพันธกรณีต่อประเทศไทย ดังนั้น การตัดสินใจหรือการกระทำใดๆ ควรกระทำด้วยความรอบคอบ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศไทยในภาพรวม


ไม่มีความคิดเห็น: