PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

สมาคมธนาคารไทยตรวจสอบคนไทยเพื่อสหรัฐ?

สมาคมธนาคารไทยตรวจสอบคนไทยเพื่อสหรัฐ? 

ล่าสุดปรากฏว่า ธนาคารพาณิชย์ของไทยรุกล้ำตรวจสอบคนไทยเพื่อรักษาผลประโยชน์ให้แก่ประเทศสหรัฐอเมริกา


1) สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมไปเป็นลูกค้าเปิดบัญชีเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ปรากฏว่าต้องกรอกเอกสารยุบยับ ตอบคำถามผ่านแบบฟอร์มชนิดหนึ่ง อ้างว่า เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายป้องกันการปลีกเลี่ยงภาษี สหรัฐอเมริกา หรือFATCA (Foreign Account Tax Compliance Act) ซึ่งเป็นกฎหมายของประเทศสหรัฐอเมริกา สมาคมธนาคารไทยขอความร่วมมือธนาคารทุกแห่งในประเทศไทย ให้ลูกค้าที่มาเปิดบัญชีใหม่ทุกคน จะต้องกรอกเอกสารเกี่ยวกับสถานะความเป็นบุคคลของลูกค้าว่าเป็นบุคคลของอเมริกันหรือไม่ โดยจะต้องตอบคำถามเช่นว่า เป็นพลเมืองอเมริกันหรือไม่ มีกรีนการ์ดหรือไม่? มีถิ่นที่อยู่ในอเมริกาหรือไม่? ตลอดจนมีธุรกรรมการเงินต่างๆนานาเกี่ยวข้องกับสหรัฐอเมริกาหรือไม่ เป็นต้น แถมยังต้องเซ็นต์ยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลการเงินต่างๆทั้งจำนวนเงินและความเคลื่อนไหวทางบัญชี ข้อมูลส่วนตัว เลขประจำตัวผู้เสียภาษีฯลฯให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของ FATCA แถมต้องยินยอมหักเงินจากบัญชี ต้องยินยอมให้ยุติความสัมพันธ์ทางการเงินได้โดยฝ่ายเดียวฯลฯ ทั้งหมดเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีของสหรัฐอเมริกา


2) เรื่องของเรื่องคือ ทางการของสหรัฐอเมริกาต้องการหาเงิน พยายามหาทางจัดเก็บเงินภาษีเข้าคลัง
ของประเทศสหรัฐอเมริกา พูดง่ายๆว่ากำลังถังแตกว่างั้นเถอะ จึงต้องพยายามดิ้นรนหาช่องจะรีดภาษีเอากับทุกคนที่คิดว่าตนเองสามารถทำได้ พลเมืองอเมริกันหรือใครที่อยู่ในข่ายจะถูกรีดภาษีได้ ก็จะต้องถูกตรวจสอบติดตามเพื่อหาทางเรียกเก็บภาษีต่อไป แต่ความซวยกลับมาตกที่คนไทยด้วย กลับกลายเป็นคนไทย ทำมาหากินในประเทศไทย(แถมบางคนไม่ชอบอเมริกาเสียอีก) จะเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารสัญชาติไทย ตั้งอยู่บนแผ่นดินไทยภายใต้กฎหมายไทย อยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของไทย ต้องรับภาระถูกตรวจสอบ ถูกซักถาม ถูกรอนสิทธิสำคัญหลายประการ โดยอ้างกฎหมายต่างชาติที่ออกโดยนักการเมืองของสหรัฐอเมริกาฝ่ายเดียว!


3) ถ้าคนไทยคนไหนไม่ยอมร่วมมือ ไม่ยอมตอบคำถามและไม่ยอมเซ็นต์ ยินยอมก็อาจจะถูกตัดสิทธิ ทำให้ไม่สามารถจะใช้บริการสถาบันการเงินของไทยเองได้


4) งานนี้ผลประโยชน์ตกแก่ทางการของสหรัฐอเมริกาโดยฝ่ายเดียว จะอ้างว่าเป็นความร่วมมือของไทยก็คงไม่ได้ เพราะไม่ปรากฏว่าประเทศไทยโดยเฉพาะลูกค้าของธนาคารไทยจะได้ประโยชน์อะไรเลย มีแต่เสีย ข้อมูลเหล่านี้ จะถูกส่งไปยังกรมสรรพากรสหรัฐ (Internal Revenue Service หรือ IRS) เพื่อประโยชน์ของสหรัฐอเมริกาในการตรวจสอบภาษีของชาวอเมริกันและบริษัทอเมริกันที่มีรายได้จากนอกสหรัฐ และจะถูกนำไปใช้อย่างอื่นหรือไม่ ไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์ของประเทศไทยเลย


5) กฎหมายของประเทศสหรัฐ แต่ออกมาเพื่อบังคับสถาบันการเงินนอกสหรัฐ แล้วสถาบันการเงินของไทยโดยสมาคมธนาคารไทย ก็นำมาบังคับเอากับลูกค้าคนไทยในประเทศไทย ลิดรอนสิทธิและผลประโยชน์ของคนไทยเอง ที่น่าเจ็บใจคือ คนที่รับงานหรือรับดำเนินการให้สหรัฐอเมริกา คือ สมาคมธนาคารไทย สมาคมธนาคารไทยอาจจะอ้างว่า ธนาคารต้องดำเนินการเพื่อมิให้ถูกลงโทษด้วยวิธีหักภาษี ณ ที่จ่ายจากรายได้ทุกประเภทที่เกิดจากการทำธุรกรรมในสหรัฐ เช่น การฝากเงิน การลงทุนหรือการปล่อยสินเชื่อฯลฯ แต่การมาลงโทษเอากับลูกค้าสัญชาติไทยเช่นนี้ เป็นการกระทำที่สมควร ถูกต้องหรือไม่


6) อยากตั้งคำถามเพื่อให้ได้คิดว่า หากประเทศไทยจะออกกฎหมายหรือกำหนดกฎเกณฑ์เพื่อประโยชน์ในการเก็บภาษีคนไทยในสหรัฐ โดยขอให้ธนาคารทุกแห่งในสหรัฐ ให้คนอเมริกันที่เปิดบัญชีธนาคารต้องกรอกแบบฟอร์มและยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลเช่นเดียวกับที่ธนาคารไทยทำเช่นนี้ คนอเมริกันจะยอมทำไหม?


อยากจะตั้งคำถามว่า สหรัฐอเมริกาขอความร่วมมือกับประเทศไทย สร้างภาระให้คนไทยอย่างนี้ เขาจะทำกับชาติอื่นๆอีก 200กว่าชาติหรือไม่ และจะมีคนชาติไหนยอมสหรัฐอเมริกา?


สงสัยว่า หากประเทศอื่นๆ เช่น อังกฤษ เยอรมนี รัสเซีย จีน ญี่ปุ่น ลาว เขมร พม่า ซึ่งมีคนมีรายได้ในประเทศไทยมาก จะมาขอความร่วมมือเช่นเดียวกัน สมาคมธนาคารไทยเราจะยอมเขาหรือไม่? และคนไทยจะต้องรับภาระในการกรอกแบบสอบถาม รับรองความไม่ใช่คนของประเทศนั้นๆอีกกี่สิบกี่ร้อยครั้ง? สหรัฐอเมริกาไม่มีวิธีอื่นที่จะตรวจสอบเก็บภาษีคนอเมริกันที่ฉลาดกว่านี้หรือ?


7) การตรวจสอบการเงินคนไทยในกรณีนี้ ถือเป็นการขืนใจบังคับให้คนไทยทุกคนต้องรับภาระ เป็นภาระไม่ใช่เพื่อชาติไทยแต่เพื่อชาติอเมริกาโดยกฎหมายภายในของอเมริกา เพื่อประโยชน์ของอเมริกา
ประเทศไทยไม่ใช่เมืองขึ้นของสหรัฐอเมริกา!


ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง

ไม่มีความคิดเห็น: