PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2557

"ชูวิทย์"เสียดเย้ย"ไมค์ทองคำ"

ไมค์ทองคำ
สมัยก่อนเมื่อผมอยู่ในสภาก็เคยพูดเรื่องนาฬิกาเรือนละเจ็ดหมื่นห้า ตู้น้ำราคาเกือบแสน เก้าอี้หลุยส์ราคาเป็นล้าน เหตุผลเพราะการจัดซื้อจัดจ้างของระบบราชการไทยต้องมีเปอร์เซ็นต์ ค่าน้ำชา เบี้ยบ้ายรายทาง
วิธีการที่ใช้กันโดยทั่วไปคือ
1.ล็อคเสปคให้กับบริษัทเอกชนที่เจรจาต้าอ่วยกันมาแล้ว จากสิบเจ้าเหลืออยู่ไม่ถึงสามเจ้า คู่แข่งโนเนมเดินทะเล่อทะล่าเข้ามาอย่าหวังจะได้เกิด
2.บริษัทเอกชนต้องมีเส้นสายคอนเน็คชั่น เข้าหาผู้ใหญ่ที่มีอำนาจอนุมัติ ของไม่ดีกลายเป็นของดี ของดีกลายเป็นของแพง
3.ระเบียบหยุมหยิมตามประสาราชการที่จะต้องเรียนรู้ บริษัทยักษ์ใหญ่อาจตกม้าตาย แพ้บริษัทตึกแถว ที่พวกหัวใสไปจัดตั้งไว้ล่วงหน้า
4.เรื่องซ่อมบำรุง ประกัน จะต้องมี เพราะบางหน่วยงานซื้อมาแล้วของยังไม่ทันใช้ หมดเงินเป็นพันๆล้านก็เคยเห็นมาแล้ว เช่น มอเตอร์ไซค์ไทเกอร์ของตำรวจ หรือ รถดับเพลิงของกทม.
ไม่รู้ว่าไมค์ราคาแสนสี่มันจะเสียงดีสักแค่ไหน? พูดออกมาแล้วเสียงทุ้มเหมือนกลั้วฟองเบียร์ เอาไปร้องเพลงในรายการเดอะวอยซ์กรรมการต้องแย่งกันกดปุ่มหรือเปล่า? สรุปจะพูดเอาเนื้อหาสาระหรือจะเอาเสียงใส?
ถึงขนาดนี้ควรจะดูตัวเองแล้วเปรียบเทียบถึงความเดือนร้อนของชาวบ้าน คงไม่ต้องใช้ไมค์ถึงตัวละแสนสี่ เพราะเสียงที่ดีคือเสียงที่สะท้อนปัญหาของประชาชน ไม่ได้อยู่ที่มูลค่าไมค์โครโฟน
ใช้เงินแบบนี้เดี๋ยวเขาจะหาว่าเป็น "สามล้อถูกหวย"
เห็นได้ชัดว่าประเทศไทยยังยึดติดกับวิธีการเดิมๆ แค่เริ่มต้นก็เจอปัญหาเดิมๆเสียแล้ว นี่สิครับควรปฏิรูป เพราะเป็นสิ่งที่ประชาชนเห็นและสัมผัสได้
ส่วนหม่อมหลวงปนัดดา แรกๆพูดออกไมค์เสียงนุ่มทุ้มว่าไมค์ตัวนี้แจ๋ว เสียงดี มาตรฐานโอบาม่าใช้ หลังๆกลายเป็นเสียงอ้อมแอ้ม โยนไปโยนมาว่ายังไม่ได้จัดซื้อ สงสัยบริษัทนำมาให้ใช้ก่อน
สักพักคงกลายเป็นเสียงเงียบ คราวนี้ต่อให้เอาไมค์ราคาเป็นล้านมาจ่อปาก เสียงคงไม่ดัง
ไอ้ผมก็ขอเป็นฝ่ายค้านนอกสภาแล้วกัน ติเพื่อก่อ บางคนบอกให้ผมเงียบ ผมจะเงียบทำไมล่ะครับ? เมื่อผมมีปากไว้พูด และที่ผมพูดไป หากไม่ใช่เรื่องจริง ก็ช่วยบอกผมหน่อย

ไม่มีความคิดเห็น: