PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สถานการณ์ข่าว10ต.ค.57

j"อนุพงษ์"ชี้คนอกหักเก้าอี้ "สปช." มีลุ้นนั่งผู้ช่วยฯแทน

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในส่วนของผู้ที่พลาดจากการถูกคัดเลือกว่า เท่าที่ทราบนั้น นายกรัฐมนตรีได้มีความคิดที่จะนำบุคคลเหล่านั้นมาร่วมปฏิรูปในหลายส่วนด้วยกัน ส่วนหนึ่งก็จะนำมาเป็นผู้ช่วยของคณะปฏิรูปโดยตรง อีกส่วนหนึ่งก็อาจจะเข้าเป็นคณะกรรมธิการต่างๆ ที่สามารถเข้าไปเป็นได้ ซึ่งมีอยู่กว่า 10 คณะ นอกจากนี้ก็อาจจะหาวิธีการอย่างไรเพื่อนำมารวมกันเป็นกลุ่ม จะได้นำความคิดเหล่านั้นมาให้ สปช.ใช้ในการปฏิรูป อย่างไรก็ตามก็ต้องรอนายกรัฐมนตรีสั่งการลงมาให้แน่ชัด ซึ่งก็คงต้อรอรายละเอียดของ สปช. คือ ในการเลือกประธาน แล้วกำหนดวิธีการทำงาน หัวข้อการพัฒนา ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องของ สปช.โดยตรง ทางกระทรวงมหาดไทยคงเข้าไปยุ่งไม่ได้
---------
"ยุทธศักดิ์"เล็งขอร่วมงานกองทัพร่วมสร้างความปรองดอง

พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเข้ารายงานตัวต่อสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะฝ่ายเลขานุการสปช.ถึงแนวทางการปฏิรูป ว่าตนมีแนวคิดที่จะเข้า
ช่วยการปฏิรูปเรื่องความขัดแย้งและสร้างความปรองดองตามแนวทางการศึกษาของพล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ สปช. ในฐานะผู้อำนวยการสันติวิธีและธรรมาภิบาล ของสถาบันพระปกเกล้า เนื่องจาก
ตนมองว่าเหตุผลสำคัญที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ายึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 57 คือต้องการเข้ามาแก้ไขความขัดแย้งและสร้างความปรองดอง เบื้องต้นตนจะเข้าไปพูดคุยกับ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะทำงานทำงานเตรียมการปฏิรูปประเทศไทย และพล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่1 ฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) เพราะมีความสนิทสนมกันดี เพื่อปวราณาตัวเข้าร่วมทำงานปรองดองและแก้ไขความขัดแย้ง เบื้องต้นเชื่อว่าหากตนเข้าไปมีส่วนร่วมรัฐบาลชุดปัจจุบันและทางกองทัพจะได้ประโยชน์ ส่วนแนวทางของการร่วมทำงานเพื่อสร้างความปรองดองนั้นอาจใช้รูปแบบพูดคุย แต่ตนยังไม่สามารถตอบได้ชัดเจนว่าจะเป็นรูปแบบของการพูดคุยกับแกนนำคนเสื้อแดงเพื่อชักชวนเข้าร่วมการปฏิรูปประเทศรอบนี้หรือไม่
------
65 ปี"อนุพงษ์" ท็อบบู๊ตพรึ่บมหาดไทยอวยพรวันเกิด

เมื่อวันที่ 10 ต.ค.2557 เวลา 06.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้เดินทางเข้าทำบุญเป็นการส่วนตัว ที่วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร เนื่องในวันคล้ายวันเกิด อายุครบ 65
ปี ก่อนเดินทางเข้ากระทรวงมหาดไทย

ต่อมาในเวลา 09.30 น. ที่กระทรวงมหาดไทย(มท.) พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ได้เดินทางเข้าอวยพรวันเกิด พล.อ.อนุพงษ์

พร้อมด้วยเหล่าเสือ ทบ. อาทิ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ผู้ช่วยผบ.ทบ. พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้ช่วยผบ.ทบ. และพล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เสนาธิการทหารบก ขาดเพียง พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รอง

ผบ.ทบ. ในฐานะรมว.พาณิชย์ ที่ติดภารกิจร่วมกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการเยือนประเทศพม่า

จากนั้น นายสุธี มากบุญ รมช.มหาดไทย เพื่อนร่วมรุ่นอำนวยศิลป์คณะเรา พร้อมด้วยเหล่า บิ๊กข้าราชการในกระทรวงมหาดไทย ประกอบด้วย นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นำ

คณะรองปลัด มท. อธิบดี 6 กรม และผู้บริหาร 5 หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ในสังกัดได้เข้าร่วมอวยพรวันเกิด พล.อ.อนุพงษ์ อย่างพร้อมเพรียง ด้วยเช่นกัน
//////////
ถกสำนวนฟ้องยิ่งลักษณ์"ปปช.-อสส."ไม่ได้ข้อสรุป

เมื่อวันที่ 10 ต.ค.2557 เวลา 12.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายวุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ รองอัยการสูงสุด ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานร่วมพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ในสำนวนคดีโครงการรับจำนำข้าวของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะทำงานร่วมป.ป.ช.กับอัยการสูงสุด (อสส.) ในข้อไม่สมบูรณ์เป็นครั้งที่ 2 ว่า จากการหารือข้อไม่สมบูรณ์หลายด้านในวันนี้ยังไม่ได้ข้อยุติ เรามีความเห็นตรงกันเพียง 1-2 ข้อเท่านั้น ส่วนที่เหลือยังต้องพูดคุยในรายละเอียด ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ครั้งนี้เป็นการให้รายละเอียดซึ่งกันและกัน และป.ป.ช.ได้ขอไปพิจารณาในรายละเอียดบางประเด็นจึงจะให้ความเห็นกลับมาอีกครั้ง ส่วนข้อไม่สมบูรณ์ยังเป็นข้อไม่สมบูรณ์เดิมที่อัยการสูงสุดส่งกลับมา และต้องพิจารณาในรายข้อ ทั้งนี้คณะทำงานร่วมมีการเร่งพิจารณายุติเพื่อประโยชน์ของคดีโดยไม่ได้มีความกังวลใดๆ อสส.ต้องการให้คดีมีความสมบูรณ์ทุกอย่างเพื่อนำไปฟ้องและศาลสามารถลงโทษได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการให้สอบพยานเพิ่มหรือไม่ นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า หากจะสอบพยานเพิ่มต้องดำเนินการร่วมกัน โดยให้มีการสอบพยานเพิ่มจำนวนหลายปากด้วยกัน และพยานบางส่วนเคยเป็น
พยานที่นางสาวยิ่งลักษณ์ เคยร้องขอต่อป.ป.ช.มาแล้ว โดยได้มีการนัดหมายหารือในวันที่ 7 พ.ย.ซึ่งอาจจะได้ข้อสรุป หรือไม่ก็ได้

เมื่อถามย้ำว่า พยานที่จะขอสอบเพิ่มต้องการสอบลึกในประเด็นใดบ้าง นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า มีหลายเรื่องแต่ยังไม่ต้องการเปิดเผย

/////////
เกาะเต่า

ตร.ขู่โซเชียลเข้าข่ายหมิ่นประมาทตร.จับแพะเกาะเต่า

เมื่อวันที่ 10 ต.ค.2557 จากกระแสข่าวคดีฆ่า 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ภายหลังจากที่ตำรวจจับกุม 2 ผู้ต้องหาชาวพม่าเชื้อสายยะไข่ได้แล้วนั้น แต่ยังมีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้กันหนาหูในทำนองอาจจะไม่ใช่คนร้ายตัวจริง รวมถึงเรื่องการส่งสำนวนกลับให้แก้ไขจุดบกพร่องดังได้เสนอข่าวไปอย่างต่อเนื่องนั้น

พล.ต.ต.ปวีณ พงษ์สิรินทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ในฐานะหัวหน้าชุดรวบรวมสำนวนการสอบสวนคดีนี้ กล่าวว่า สำนวนการสอบสวนทั้งหมดนำส่งพนักงานอัยการจังหวัดเกาะสมุยใน
ช่วงเช้าของวันที่ 7 ต.ค.57 ที่ผ่านมา โดยในเรื่องของเอกสารทุกอย่างสมบูรณ์ ไม่มีการตีกลับให้แก้ไขใหม่ โดยส่วนที่ทางพนักงานอัยการจังหวัดเกาะสมุยประสานกลับมาคือเรื่องของซีดีจำนวน 27
แผ่น ซึ่งเป็นภาพวงจรปิดที่บันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ ในวันเกิดเหตุเพื่อประกอบสำนวน ซึ่งทางพนักงานอัยการจังหวัดเกาะสมุยเปิดดูไม่ได้ จึงได้ประสานให้พนักงานสอบสวนนำไปแก้ไขและตอนนี้
เปิดได้สมบูรณ์ทุกอย่างแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ในขั้นตอนของพนักงานสอบสวนในส่วนของตำรวจถือว่าสมบูรณ์แบบทุกอย่าง ซึ่งข้อมูลบางส่วนต้องเป็นความลับไม่สามารถที่จะนำมาเปิดเผยต่อสาธารณชนได้ เพราะอาจจะมีผลต่อทางคดี แต่ยืนยันว่าทางตำรวจทำงานตามแนวทางที่ถูกต้อง เชื่อมั่นในพยานหลักฐานทั้งพยานบุคคล พยานวัตถุ และ พยานแวดล้อมต่าง ๆ รวมถึงพยานทางนิติวิทยาศาสตร์ และผู้ต้องหาผ่านตรวจร่างกายจากแพทย์ที่สามารถยืนยันข้อเท็จจริงได้ทุกอย่าง ทั้งนี้ในส่วนของผู้ต้องหามีสิทธิที่จะกลับคำให้การในชั้นศาลได้ เพราะเป็นสิทธิของเขา โดยขั้นตอนนี้นับว่าเสร็จสิ้นกระบวนการของทางตำรวจแล้ว ส่วนขั้นตอนต่อไปอยู่ที่การพิจารณาของศาลที่จะชี้ชัดออกมา

พล.ต.ต.ปวีณ กล่าวอีกว่า กรณีที่นักสืบโซเชียลมีการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของตำรวจในทางเสื่อมเสีย โดยใช้จินตนาการไม่ได้ใช้หลักการด้วยเหตุด้วยผล ถือว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายเป็นการหมิ่นประมาท สามารถเอาผิดได้ จึงฝากย้ำเตือนนักสืบโซเชียลด้วย

วันที่โพสข่าว : 10 ตค. 2557 เวลา 15:58 น.

ไม่มีความคิดเห็น: