PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สถานการณ์ข่าว6ต.ค.2557

**แถลงการณ์ฉบับ2ในหลวง

แถลงการณ์ เรื่อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จมาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช ฉบับที่ 2 

คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รายงานว่า อัตราการเต้นของพระหทัยเร็วในบางช่วงเวลา ความดันพระโลหิตอยู่ในเกณฑ์ปกติ อุณหภูมิพระวรกายในรอบ 24 ชั่วโมง (จาก
ช่วงเย็นวันที่ 4-5 ต.ค.) ส่วนใหญ่ต่ำกว่า 37 องศาเซลเซียส แต่มีพระปรอทสูงถึง 38.5 องศาเซลเซียส ครั้งหนึ่ง

เย็นวานนี้ (วันที่ 5 ต.ค.) คณะแพทย์ ได้ขอพระราชทานงดพระกระยาหาร ถวายน้ำเกลือทางหลอดพระโลหิต และได้ถวายตรวจด้วยเครื่องเอ็กเซเรย์คอมพิวเตอร์ ร่วมกับการฉีดสารกัมมันตภาพรังสี
(FDG-PET CT) เข้าทางหลอดพระโลหิต พบว่า ถุงพระปิตตะ (ถุงน้ำดี) อักเสบบวมมาก

เมื่อคืนนี้ เวลา 21.45 น. คณะแพทย์ ได้รับพระบรมราชานุญาตให้ถวายพระโอสถระงับความรู้สึกทั่วพระวรกาย และส่องกล้องเข้าในช่องพระนาภี (ช่องท้อง) ตัดเอาถุงพระปิตตะ (ถุงน้ำดี) ออก การผ่าตัดใช้เวลา 1.15 ชม. การผ่าตัดเป็นไปด้วยความเรียบร้อย พระอาการหลังผ่าตัดเป็นที่น่าพอใจ ได้เสด็จพระราชดำเนินกลับห้องประทับเวลา 00.20 น.ของวันที่ 6 ต.ค.

เช้าวันนี้ พระอาการทั่วไปดีขึ้น อัตราการเต้นของพระหทัยลดลง ความดันพระโลหิต อยู่ในเกณฑ์ปรกติ พระปรอทต่ำลง คณะแพทย์ ได้ถวายพระโอสถปฏิชีวนะ และยังคงถวายน้ำเกลือทางหลอด
พระโลหิต ต่อไป


จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
สำนักพระราชวัง
6 ต.ค. 2557
//////////
****โปรดเกล้า 250 สปช.ไม่พลิกโผคนดังเพียบ

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ 250 สปช. ก๊วน 40 อดีต ส.ว. ยกพลนั่งตำแหน่งตามคาด ปู่ชัย-จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ติดโผด้วย!

วันที่ 6 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราชกิจจานุเบกษาประกาศรายชื่อสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จำนวน 250 คน อาทิ นายคํานูณ สิทธิสมาน, นายคุรุจิต นาครทรรพ, นายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี, นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง, นายชัย ชิดชอบ, นายดิเรก ถึงฝั่ง, นายประสาร มฤคพิทักษ์, นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ, นายดํารงค์ พิเดช, นายชูชัย ศุภวงศ์, นายจรัส สุวรรณมาลา, นายเทียนฉาย กีระนันทน์, พลเอกยุทธศักดิ์ ศศิประภา, นางสาวรสนา โตสิตระกูล, นางตรึงใจ บูรณสมภพ, นายไพบูลย์ นิติตะวัน, นายทรงชัย วงศ์สวัสดิ์, ประมนต์ สุธีวงศ์ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า รายชื่อสปช. 250 คน ที่ประกาศออกมา โดยเฉพาะในส่วน ของอดีตกลุ่ม 40 ส.ว.นั้น มีรายชื่อติดเป็นสปช.จำนวนมาก ตามที่มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า ขณะรายชื่อ
ที่น่าสนใจ มีรายชื่อของ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา และนายทรงชัย วงศ์สวัสดิ์ ติดโผด้วย ขณะที่ผู้ที่หลุดโผรายชื่อบางส่วนก็เป็นไปตามคาดเช่นกัน คือ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)
------------
"ยงยุทธ" ชี้ เป็นเรื่องดี สปช. มาจากกลุ่มคนหลากหลาย เข้ามาช่วยตรวจสอบ ร่วมกันปฏิรูปประเทศ ไม่กังวลกลุ่มเห็นต่างวิพากษ์วิจารณ์

นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงรายชื่อสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. ที่มีการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง ว่า ในฐานะที่เป็นหนึ่งในคณะกรรมการคัดสรร สปช.ด้านการศึกษา เห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีที่มีรายชื่อสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ จำนวน 250 คน มีกลุ่มคนหลากหลายกลุ่มอยู่ร่วมกัน ที่จะได้มีคนหลากหลายกลุ่มเข้ามาช่วยตรวจสอบ และร่วมปฏิรูปประเทศไปพร้อม ๆ กัน ซึ่ง สปช. และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ จะต้องตั้งคณะกรรมการในการร่างรัฐธรรมนูญ โดยคาดว่า ตามกรอบเวลาภายใน 6 เดือน กระบวนการน่าจะแล้วเสร็จเป็นรูปธรรม

อย่างไรก็ตาม ไม่กังวลที่มีกลุ่มเห็นต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์ และตรวจสอบการทำงานของ สปช. ซึ่งมองว่าจะเป็นเวทีคู่ขนานที่จะช่วยกันตรวจสอบต่อไป
----------
สภาเปิดรับรายงานตัว สปช. 8-15 ต.ค. นี้ ไม่เว้นวันหยุดราชการ

ภายหลังจากการประกาศรายชื่อสมาชิกสภาปฏิรปแห่งชาติ (สปช.) สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้เปิดเผยกำหนดการรับรายงานตัวสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ตั้งแต่วันที่ 8-15 ตุลาคม 57 ในเวลา 08.30-16.00 น. ไม่เว้นวันหยุดราชการ โดยสมาชิกต้องนำหลักฐาน ประกอบด้วย สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน,สำเนาใบสำคัญสมรส, สำเนาหลักฐานแสดงวุฒิการศึกษา, สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนคู่สมรส และรูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว จำนวน 6 รูป, ขนาด 2 นิ้ว จำนวน 6 รูป และขนาด 3 นิ้ว จำนวน 6 รูป

ทั้งนี้ สมาชิก สปช. ที่มารายงานตัวสามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มและรายละเอียดต่าง ๆ ได้ที่ http://www.parliament.go.th/
////////
***นายกฯปัดประชานิยมแจกเงินชาวนา

นายกรัฐมนตรี เตรียมประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว หลังนำคณะรัฐมนตรีลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ภารกิจของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. วันนี้ ในเวลา 09.00 น. เตรียมเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว หรือ นบข. ครั้งที่ 1/2557 ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังจากนำคณะรัฐมนตรี เข้าลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ศาลาศิริราช 100 ปี โรงพยาบาลศิริราช จากนั้น ช่วงบ่าย เวลา 14.30 น. นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมในพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เฉลิมฉลองวาระ 150 ปี วันพระราชสมภพ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ และประกาศถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติคุณ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พุทธศักราช 2557 ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง
------------
นายกรัฐมนตรี ประชุมคณะกรรมการนโยบายและการบริหารจัดการข้าว พร้อมช่วยเหลือชาวนามีรายได้เพิ่ม เตรียมการระบายข้าว เร่งทำแผนราคาข้าวสูงขึ้น

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและการบริหารจัดการข้าว หรือ นบข. นัดแรก พร้อมกล่าวเริ่มการประชุมว่า จะต้องพิจารณาช่วยเหลือประชาชนและชาวนาให้มีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ก็ต้องมีการคำนึงเศรษฐกิจของโลก ขณะเดียวกัน จะมีการรับทราบรายงานในสถานการณ์ข้าวโลก การตรวจสอบของคณะกรรมการระบายข้าวในเบื้องต้น การเตรียมการระบายข้าวเพื่อการส่งออก รวมถึงหารือมาตรการให้ราคาข้าวสูงขึ้นในฤดูกาลต่อไป แม้ว่ารัฐบาลจะมีมาตรการระยะสั้นออกมาแก้ไขในขณะนี้ แต่ต้องวางการแก้ปัญหาในระยะยาวให้เป็นไปอย่างยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามมาตรการช่วยเหลือชาวนา หลังรัฐบาลจะประกาศขอความร่วมมือชาวนางดปลูกข้าวนาปรังในพื้นที่ 26 จังหวัด เนื่องจากน้ำในเขื่อนไม่เพียงพอช่วงหน้าแล้ง โดยให้หันมา
ปลูกพืชฤดูแล้ง ใช้น้ำน้อยแทน
-------
นายกรัฐมนตรี มอบรัฐมนตรีมหาดไทย จัดโซนนิ่งการเกษตร ขณะห่วงประชาชนมีรายได้น้อย ไร้ที่ดินทำกิน

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ระบุว่า รัฐบาลเตรียมจัดโซนนิ่งพื้นที่การเกษตร โดยมอบหมายให้ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานรับผิดชอบส่วนศูนย์ดำรงธรรมซึ่งเป็นความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทยอยู่แล้ว จะได้ทำงานควบคู่ไปกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่จะกำหนดพื้นที่สนับสนุนการปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย มีผลผลิตสูง พร้อมยืนยัน ไม่ได้จ้างเกษตรกรให้เลิกปลูกข้าว

ทั้งนี้ ยังเป็นห่วงประชาชนที่มีรายได้น้อย ไม่มีที่ดินทำกิน ซึ่งขณะนี้มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมาชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งตนเองเป็นประธาน ไปสำรวจหาพื้นที่ทำงานแบบบูรณาการ แต่ต้องไม่ผิดกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร
////////
**ประชุม นขต.ยันไม่เลิกกฎอัยการศึก

หน่วยงานความมั่นคง เตรียมประชุมสรุปงาน ไม่ชัดมีประเด็นยกเลิกอัยการศึกหรือไม่ เสนอ พล.อ.ประวิตร นำหารือ ครม.-คสช. วันพรุ่งนี้

นายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม) เปิดเผยว่า ในวันนี้ (6 ตุลาคม) คณะทำงานด้านความมั่นคง 4 กระทรวง ตลอดจนหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ สภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะมีการประชุมเพื่อสรุปงานต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นงานด้านความมั่นคงทั้งหมด รวมถึงสถานการณ์ภายในประเทศด้วย ส่วนเรื่องการยกเลิกกฎอัยการศึกนั้น ยังไม่ทราบว่าจะมีหรือไม่ เพื่อรายงานต่อ พล.อ.ประวิตร นำไปรายงานต่อที่ประชุมร่วมรัฐบาล และ คสช. ในวันที่ 7 ตุลาคม นี้
---
นายกรัฐมนตรี ประชุมคณะกรรมการ นบข. นัดแรก จับตาเร่งรัดองค์การคลังสินค้าคืนเงินค้ำประกันข้าวที่คงค้างให้กับผู้ประกอบการ

บรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เตรียมเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและการบริหารจัดการข้าว (นบข.) นัดแรก โดยวันนี้ กระทรวงพาณิชย์เตรียมเสนอขอมติยกเลิกมาตรการห้ามขนย้ายข้าวสารและสินค้าเกษตรข้ามเขต เพื่อลดปัญหาการค้าให้คล่องตัวมากขึ้น แต่สมาคมโรงสีข้าวไทย ยังกังวลว่ารัฐบาลจะไม่พิจารณายกเลิกให้ทั้งหมด โดยเฉพาะในพื้นที่ติดชายแดน ซึ่งทางโรงสีมีความเป็นห่วงมาก เพราะได้รับผลกระทบจากการรับซื้อข้าว ซึ่งติดปัญหาการขนย้าย จึงอยากให้รัฐบาลพิจารณาโดยเร็วก่อนจะมีปัญหากับข้าวฤดูกาลใหม่ นอกจากนี้ จะพิจารณาการเร่งรัดองค์การคลังสินค้า (อคส.) คืนเงินค้ำประกันข้าวคงค้างให้กับผู้ประกอบการ และขออนุมัติระบายมันสำปะหลังและข้าวโพดค้างสต๊อก เพื่อลดภาระค่าจัดเก็บและสินค้าเสื่อมสภาพหมดแล้ว
---------
พล.อ.อุดมเดช นัดประชุม นขต.นัดพิเศษ คาดชี้แจงนโยบายหลังรับตำแหน่งใหม่ ขณะเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

บรรยากาศที่กองบัญชาการกองทัพบก ถ.ราชดำเนิน ช่วงเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่ทหารยังคงรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดตามปกติ โดยยังคงมีการตรวจสอบบุคคลรวมถึงยานพาหนะที่จะเดินทางเข้าพื้นที่อย่างละเอียด ขณะที่บริเวณหน้าสนามมวยราชดำเนิน ยังคงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยรักษาความสงบเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม สำหรับวาระงานภายในกองบัญชาการกองทัพบกวันนี้ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก จะเป็นประธานการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกวาระพิเศษ โดยคาดว่า พล.อ.อุมเดช จะมอบนโยบายการทำงานของกองทัพบกแก่ผู้บังคับหน่วยขึ้นตรง ภายหลังที่เข้ามารับตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่
-----------
พล.อ.อุดมเดช ประชุม นขต. ลั่น ปกป้องสถาบัน ดูแลประชาชน ยึดนโยบายรัฐบาล เร่งแก้ไฟใต้ 

พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานการประชุมหน่วยขึ้นตรงของกองทัพบกวาระพิเศษ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกภายหลังการเข้ารับตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก โดยกล่าวในที่ประชุมว่า นโยบายหลักของกองทัพบกคือภารกิจการปกป้องอธิปไตย ดูแลพื้นที่ชายแดนให้สงบภายใต้ความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน การช่วยเหลือและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน รวมถึงการพิทักษ์เทิดทูลสถาบันพระมหากษัตริย์ และปฏิบัติตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. และรัฐบาล ให้เกิดความมั่นคง รวมทั้งการดูแลพื้นที่ภาคใต้ให้เกิดความสงบสุข

ขณะเดียวกัน ให้ผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงทยอยเดินทางไปลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่โรงพยาบาลศิริราช เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีด้วย

อย่างไรก็ตาม ก่อนการประชุม พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองผู้บัญชาการทหารบก นำผู้บังคับบัญชาระดับสูงและผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก มอบกระเช้าดอกไม้แสดงความยินดีที่ พล.อ.อุดมเดช ได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก พร้อมกล่าวยืนยันว่า การทำงานจะสนองตอบนโยบายผู้บัญชาการทหารบก เพื่อให้กองทัพบกมีความก้าวหน้า และเพื่อดำรงไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนาและประชาชน
-------------
ผบ.ทบ. ไม่ขอพูดเรื่องยกเลิกกฎอัยการศึก ประชุมร่วม ครม.-คสช. วันพรุ่งนี้ ก็ไม่มีการหารือ เชื่อหากบ้านเมืองเรียบร้อยจะมีการปรับเปลี่ยนบางอย่าง

พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงการยกเลิกกฎอัยการศึกว่า ยังไม่ขอกล่าวถึงในตอนนี้ ส่วนการประชุมร่วมกันระหว่างรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ในวันพรุ่งนี้นั้น คงจะยังไม่มีการพูดคุยในเรื่องดังกล่าว โดยการประชุมในวันพรุ่งนี้เป็นการติดตามการบริหารงานในกลุ่มต่าง ๆ ที่เคยแบ่งไว้ ซึ่งจะช่วยเสริมการทำงาน รวมถึงข้อเสนอแนะให้เป็นไปได้ด้วยดี อย่างไรก็ตาม คงจะมีการสรุปสถาการณ์ต่าง ๆ ด้วย ซึ่งหากสถาการณ์เรียบร้อยอาจจะมีการปรับบางอย่าง แต่ในขณะนี้ยังคงอยู่ในช่วงการติดตามประเมินผลอยู่

พร้อมกันนี้ ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า ในส่วนของการรักษาความสงบเรียบร้อยนั้น จะเน้นการสร้างความเข้าใจกับประชาชนและจะควบคุมสถาการณ์ต่าง ๆ ให้ได้ และขอความร่วมมือกลุ่มเคลื่อนไหวต่าง ๆ ร่วมกันแก้ไขพูดคุยและแสดงออกตามกรอบที่ทางรัฐบาลได้วางไว้
---------------
ผบ.ทบ. เผยหลังประชุม นขต. ปี 2558 มุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรม เร่งดำเนินการ 12 เรื่องสำคัญ แก้ใต้ต้องคุมสถานการณ์ลดเหตุให้ได้ 50%

พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวภายหลังการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก ว่า วันนี้เป็นการชี้แจงนโยบายแก่ผู้บังคับหน่วยขึ้นตรง ซึ่งในปี 2558 กองทัพบกจะมุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ให้เป็นรูปธรรม โดยสานต่อนโยบายของอดีตผู้บัญชาการทหารบกคนก่อน ซึ่งงานเร่งด่วนมี 12 ประการ อาทิ การดูแลกำลังพล การบริหารงาน การปกป้องชายแดน การรักษาความมั่นคง การปกป้องเทิดทูนสถาบัน เป็นต้น ทั้งนี้ ในเรื่องปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้จะสานต่อนโยบาย ซึ่งในหนึ่งปีจะต้องควบคุมสถานการณ์ให้เหตุลดลงอย่างน้อย 50% และจะต้องทำให้สถาการณ์ในพื้นที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบกมีคติพจน์การทำงานคือ ร่วมใจ ริเริ่ม จริงจัง เพื่อชาติและราชบัลลังก์
---------
นายกรัฐมนตรี ขอกำลังใจรัฐบาลทำงาน แนะนักการเมืองหยุดวิจารณ์ พร้อมยืนยันไม่ยกเลิกกฎอัยการศึก

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ระบุว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี และ คสช. ในวันพรุ่งนี้ จะมีการรายงานการทำงานของ คสช. 4 เดือนที่ผ่านมา เพื่อส่งต่อให้รัฐบาลใน 5 กลุ่มงาน ประกอบด้วย ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายสังคมจิตวิทยา ฝ่ายเศรษฐกิจ ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และฝ่ายกิจการพิเศษ ว่าแต่ละด้านมีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง ขณะเดียวกัน การประชุมจะยังไม่มีการพิจารณายกเลิกกฎอัยการศึก เนื่องจากยังมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านอยู่ พร้อมให้นักการเมืองหยุดวิจารณ์และควรทำตามกฎหมาย

ทั้งนี้ เข้าใจดีว่า ปัญหาของบ้านเมืองสะสมมานานเป็น 10 ปี ดังนั้น การที่ คสช. และรัฐบาลเข้ามาเพียง 4 เดือน ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมด ต้องให้โอกาส และให้กำลังใจตนมากกว่าจะมาวิจารณ์ อย่างไรก็ตาม จะไม่มีการเจรจากับกลุ่มนักการเมือง และกลุ่มต่อต้าน
///////////
***สนช.ถอดถอนนักการเมือง

สนช. รอเรื่องจาก ป.ป.ช. ยังไม่มีการพูดคุยประเด็นถอดถอน คาดสัปดาห์นี้จัดตั้ง กมธ.เรียบร้อย

น.พ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ขณะนี้ สมาชิก สนช. ไม่ได้มีการพูดถึงประเด็นการถอดถอนแต่อย่างใด เนื่องจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยังไม่ส่งเรื่องกลับมา ซึ่งตามขั้นตอนนั้นหากมีการส่งมาก็จะประสานโดยตรงกับประธาน สนช. และประธานก็จะพิจารณา เพื่อบรรจุเป็นวาระการประชุมภายใน 30 วันทันทีต่อไป

สำหรับการประชุมในสัปดาห์นี้ จะมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. 8 ฉบับ โดย 7 ฉบับเป็นร่าง พ.ร.บ. ที่เข้ามาใหม่ โดยส่วนใหญ่เป็นเรื่องของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอีก 1 ฉบับเป็นร่าง พ.ร.บ. ที่เลื่อนมาจากสัปดาห์ก่อน ส่วนเรื่องการจัดสรร สนช. เข้าเป็นกรรมาธิการในคณะต่าง ๆ น่าจะมีความชัดเจนในสัปดาห์นี้ และจะมีการคัดเลือกบุคคลไปนั่งเป็นกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ก็จะพิจารณาในขั้นตอนต่อไป
-------
"พีระศักดิ์" ยัน ป.ป.ช. ยังไม่ส่งสำนวนถอดถอนให้ สนช. แจงเป็นคนละส่วนที่พรรคเพื่อไทยจะยื่นศาล รธน.

นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 2 กล่าวถึงสำนวนคดีถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่สำนักงานป้องกันและปรามปราบการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะส่งมาให้ สนช. พิจารณาว่า ขณะนี้สำนวนดังกล่าวยังได้ถูกส่งมา ทั้งนี้จากการหารือกับ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. เห็นว่าควรให้ตั้งคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภา 16 คณะ เพื่อให้แต่ละคณะคัดเลือกตัวแทนเข้าร่วมคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.ชุดถาวร) ซึ่งจะหน้าที่ในการคัดกรองเรื่องดังกล่าวว่าควรเสนอให้ที่ประชุม สนช. พิจารณาหรือไม่

นอกจากนี้ นายพีระศักดิ์ ยังกล่าวว่า การส่งสำนวนถอดถอนของ ป.ป.ช. เป็นคนละส่วนกับที่สมาชิกพรรคเพื่อไทยจะยื่นขอให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า สนช. มีอำนาจการถอดถอนหรือไม่ ซึ่งตนก็

มองว่าศาลจะไม่รับไว้พิจารณา เนื่องจากเรื่องดังกล่าวยังไม่มีการดำเนินการ
////////////
"พีระศักดิ์" มั่นใจ สนช. มีสิทธิ์เข้าร่วมประชุมใหญ่สมัชชาสภาอาเซียน ประเทศใดไม่เห็นด้วยก็เป็นสิทธิของประเทศนั้น

นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คนที่ 2 กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวว่า สหภาพรัฐสภานานาชาติ หรือ ไอพียู เตรียมพิจารณาสถานภาพของสมาชิก สนช.ไทย ที่จะเข้าร่วมในการประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภานานาชาติ (AIPA) ช่วงวันที่ 12-16 ต.ค. นี้ ว่า สนช. ทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดภายในประเทศ ทำให้ สนช. มีสิทธิ์สมบูรณ์ทุกประการที่จะเข้าร่วมประชุมใหญ่สมัชชาอาเซียน หรือ AIPA ซึ่งหากประเทศใดไม่เห็นด้วยก็เป็นสิทธิของประเทศนั้น แต่ผู้ที่จะมีสิทธิพิจารณาคือคณะกรรมการบริหาร

อย่างไรก็ตาม การพิจารณาสถานภาพของ สนช.ไทย ในครั้งนี้ เกิดขึ้นภายหลังจาก นายจรัล ดิษฐาอภิชัย ผู้ประสานงานยุโรป องค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย และแกนนำกลุ่มคน
เสื้อแดง ส่งหนังสือถึงเลขาธิการสหภาพรัฐสภานานาชาติให้ทบทวน เนื่องจาก สนช. ขาดคุณสมบัติที่จำเป็นในการเข้าเป็นสมาชิกของสหภาพรัฐสภานานาชาติที่ควรมีอุดมการณ์ประชาธิปไตย
///////////////////////////
****คดีเกาะเต่า

ผกก.พะงัน เผย บ่ายนี้ ผบช.ภ.8 พร้อมทีมสอบสวนคดีฆ่า 2 ฝรั่งประชุมร่วมอัยการเพื่อสรุปสำนวนคดีสั่งฟ้อง คาด ไม่เย็นนี้หรือพรุ่งนี้ถึงมืออัยการ

พ.ต.อ.ประชุม เรืองทอง ผกก.สภ.พะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผย สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ (6 ต.ค.) ทาง พล.ต.ต.เดชา บุตรน้ำเพชร รรท. ผบช.ภ.8 จะทำการประชุมทีมสอบสวนร่วมกับอัยการจังหวัดสมุย เพื่อพิจาณาสำนวนคดี 2 ชาวพม่า ฆ่า 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่เกาะเต่า ว่ามีความสมบูรณ์แล้วหรือยัง หรือต้องเพิ่มเติมจุดใดอีกบ้าง

โดยคาดว่า หลังการประชุมแล้วเสร็จ หากสำนวนคดีไม่มีปัญหาใด ๆ หรือมีความครบถ้วนแล้ว ก็จะส่งมอบให้กับอัยการจังหวัดสมุยได้ทันทีในช่วงเย็นวันนี้ แต่หากว่าไม่ทัน ก็จะส่งมอบให้อัยการในวันพรุ่งนี้ เพื่อเข้ากระบวนการในการพิจารณาสั่งฟ้องในชั้นศาลต่อไป
---------------
อัยการจังหวัดเกาะสมุย เผย ตร. จะส่งสำนวนคดีฆาตกรรม 2 นทท.เกาะเต่า มาให้อัยการในวันนี้ แต่ยังไม่ระบุเวลา

นายไพบูลย์ อาชวนันทกุล อัยการจังหวัดเกาะสมุย เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแถลงผลการจับกุม นายเวพิว หรือ วิน (ไม่ทราบนามสกุล) อายุ 21 ปี และ นายซอลิน หรือ โซเรน อายุ 21 ปี (ไม่ทราบนามสกุล) สัญชาติเมียนมาร์ (ยะไข่) ผู้ต้องหาก่อเหตุฆาตกรรม นายเดวิด วิลเลียม อายุ 24 ปี และ น.ส.ฮานนาห์ วิคตอเรีย วิทเธอริดจ์ นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่เสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน ที่ผ่านมา บริเวณหาดทรายรี ต.เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะส่งสำนวณการสืบสวนสอบสวนของผู้ต้องหาให้กับทางอัยการจังหวัดเกาะสมุยพิจารณาในวันนี้ (6 ตุลาคม 57) แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ระบุเวลาที่จะส่งสำนวณคดีมาให้ที่แน่ชัด โดยในส่วนของทางอธิบดีอัยการภาค 8 นั้น จะลงมาดูแลคดีนี้ด้วยตัวเองเพื่อให้ความชัดเจนและเป็นธรรมให้แก่ทุกฝ่าย ทั้งนี้ ต่อไปก็จะหน้าที่ของอัยการ ซึ่งตนไม่ได้มีความเป็นกังวลมากนัก แต่ห่วงอยู่เรื่องเดียว คือเรื่องภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวในประเทศไทย

ดังนั้น จึงต้องทำงานทุกอย่างด้วยความรอบคอบ อย่างไรก็ตาม หากในกรณีที่ไม่มีการสั่งฟ้องเพราะสำนวนยังไม่สมบูรณ์ก็จะมาพิจารณากันว่า ประเด็นไหนที่ยังไม่สมบูรณ์ และเน้นย้ำว่าจะต้องเป็น
ประเด็นที่สำคัญเท่านั้น
---------------
รอง ผบ.ตร. กำชับ ภาค 8 และ สตม. ควบคุมต่างด้าว เข้า-ออก เกาะเต่าและเกาะพีพี หลังเกิดคดีสะเทือนขวัญฆ่า 2 นักท่องเที่ยว 

พลตำรวจโทจักรทิพย์ ชัยจินดา รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับในที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปก.ตร. ให้กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กำหนดมาตรการควบคุมแรงงานต่างด้าวที่จะเดินทางเข้า-ออกในพื้นที่เกาะเต่าและเกาะพีพี หลังเกิดเหตุสะเทือนขวัญ ฆ่า 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี และให้ตำรวจสันติบาลติดตามความเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มที่เห็นต่างกับรัฐบาล โดยเฉพาะพื้นที่ที่จะมีการจัดกิจกรรมหรือการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์

ด้าน พลตำรวจโทเรืองศักดิ์ จริตเอก รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับให้ตำรวจสันติบาลประสาน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. เพื่อวิเคราะห์และติดตามการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง เนื่องด้วยห้วงเดือนตุลาคมมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตหลายเหตุการณ์และหลาย ๆ กลุ่ม ซึ่งอาจจะมีการเรียกร้องหรือการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ที่กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ รวมไปถึงให้ผู้บังคับบัญชาทุกหน่วยเอาใจใส่ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด พิจารณาแนวทางการกู้ยืมเงินของข้าราชการตำรวจ เพื่อไม่ให้เกิดภาระหนี้สินเกินตัว จนนำไปสู่การฆ่าตัวตายเนื่องจากเกิดภาวะเครียด พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ข้าราชการตำรวจสังกัดทราบถึงช่องทางการขอคำปรึกษาหากเกิดความเครียด พร้อมสภาวะทางจิตจาก ร.พ.ตำรวจ ผ่านสายด่วน 1599

สำหรับการติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องทางการเมือง สถานการณ์ด้านความมั่นคงทั้งภายในและต่างประเทศ เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ศปก.ตร.
จะเป็นศูนย์กลางในการขับเคลื่อนและบริหารสถานการณ์ เพื่อรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น: