PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สถานการณ์ข่าว30ธ.ค.57

สปช.

"สุจิต" แจง อนุ กมธ.ยกร่าง กำลังดำเนินการมั่นใจ 12 ม.ค. ได้เห็นร่างเบื้องต้น รวมรายละเอียคุณสมบัติ ส.ส. - นายกฯ แน่นอน

นายสุจิต บุญบงการ คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เปิดเผย สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า รายละเอียดของเนื้อการยกร่างรัฐธรรมนูญ อยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งมี นางกาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์ เลขานุการคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เป็นผู้ดูแลเรื่องดังกล่าวโดยตรง ทั้งนี้ คาดว่าช่วงหลังปีใหม่ ในวันที่ 12 ม.ค. 58 จะได้ร่างรัฐธรรมนูญเบื้องต้น รวมทั้งรายละเอียดคุณสมบัติผู้ที่จะมาเป็น ส.ส. และนายกรัฐมนตรี

อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้จะยังไม่มีการประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด เนื่องจากที่ผ่านมา ทุกคนได้ทำงานกันอย่างหนัก จึงขอพักผ่อนก่อนที่จะเริ่มประชุมอีกครั้งหลังปีใหม่
--------------------------
"นิด้าโพล" ปชช.ร้อยละ 70.74 เห็นด้วย มี ส.ส.450 แบ่งเขต 250 สัดส่วน 200, ร้อยละ 63.36 ค้าน นายกฯ ไม่จำเป็นต้องมาจาก ลต.

"นิด้าโพล" สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เกี่ยวกับกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญ ของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เรื่อง “ที่มา ส.ส. - ส.ว. และนายกรัฐมนตรี” จากประชาชนทั่วประเทศ ทั่วทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพ ระหว่างวันที่ 26 - 28 ธ.ค. ที่ผ่านมา จำนวน 1,261 ตัวอย่าง พบว่า ร้อยละ 70.74 เห็นด้วยกับข้อเสนอของ กมธ.ที่กำหนดให้มี ส.ส.จำนวน 450 คน แบ่งเป็นระบบเขตเลือกตั้ง 250 คน และระบบสัดส่วน 200 คน, ร้อยละ 18.87 ไม่เห็นด้วย ระบุมีจำนวนมากเกินไป, ร้อยละ 10.39 ไม่แน่ใจ, ร้อยละ 65.66 เห็นด้วย กับข้อเสนอของ กมธ.ที่กำหนดว่า ผู้สมัคร ส.ส. ไม่จำเป็นต้อง สังกัดพรรคการเมือง, ร้อยละ 30.93 ไม่เห็นด้วย ระบุอาจทำให้การทำงานแก้ปัญหายากลำบาก, ร้อยละ 3.41 ไม่แน่ใจ

ขณะเดียวกัน มีเพียงร้อยละ 34.58 ที่เห็นด้วย กับข้อเสนอของ กมธ. ที่กำหนดว่า นายกรัฐมนตรี ไม่จำเป็นต้องมาจากการเลือกตั้ง แต่ต้องได้รับความเห็นชอบจาก ส.ส. ในสภาฯ โดยที่ ร้อยละ 63.36
ไม่เห็นด้วย และร้อยละ 2.06 ไม่แน่ใจ และปิดท้ายที่ ร้อยละ 54.24 เห็นด้วย กับข้อเสนอของ กมธ.ที่กำหนดว่า สมาชิกวุฒิสภา มีจำนวนไม่เกิน 200 คน สรรหา 4 กลุ่ม และเลือกตั้งทางอ้อม 1 กลุ่ม,
ร้อยละ 35.85 ไม่เห็นด้วย และร้อยละ 9.91 ไม่แน่ใจ
----------------------------
"อลงกรณ์" เผย 5-6 ม.ค. 58 สปช. เตรียมพิจารณา 3 เรื่องสำคัญโซลาร์รูฟเสรี, เปลี่ยนแปลงการคิดค่าโทรศัพท์มือถือ และสมัชชาคุณธรรม

นายอลงกรณ์ พลบุตร สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในฐานะเลขานุการกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ กล่าวว่า ในวันที่ 5 - 6 ม.ค. 58 สปช. จะมีการประชุมโดยมีวาระพิจารณาเรื่องโซลาร์รูฟเสรี, เรื่องการเปลี่ยนแปลงการคิดค่าโทรศัพท์จากนาทีเป็นวินาที และเรื่องการจัดตั้งสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ รวมถึงแนวทางการพิจารณาการปฏิรูปใน 1 ปี ที่จะมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.จัดตั้งองค์กรอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค

นอกจากนี้ สปช. จะจัดการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ หรือ เวิร์คช็อปวิสัยทัศน์ ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 19 - 20 ม.ค. 58 ที่โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ โดยเป็นการประชุมเชิงปฏิบัติการระดมความคิดและวิสัยทัศน์ของสมาชิก สปช. 250 คน เพื่อให้คณะกรรมาธิการวิสามัญจัดทำวิสัยทัศน์และออกแบบอนาคตประเทศ ประมวลรวบรวมความเห็นและวิสัยทัศน์ของสมาชิก สปช. ประชาชน ผู้เชี่ยวชาญ และองค์กรต่างๆ มาสรุปเป็นกรอบวิสัยทัศน์และการออกแบบประเทศ ให้แล้วเสร็จภายในเดือน ม.ค. เพื่อเป็นแนวทางในการจัดทำพิมพ์เขียวปฏิรูปประเทศ ให้กับคณะกรรมาธิการปฏิรูป สปช. ทั้ง 18 คณะ พร้อมกับพิจารณาว่าจะให้มีการบรรจุแนวทางการปฏิรูปประเทศ ในบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ในหมวดที่ว่าด้วยการปฏิรูปและการปรองดองด้วย
/////////////
นายกฯ

นายกรัฐมนตรี เตรียมนั่งหัวโต๊ะประชุมคณะรัฐมนตรี ส่งท้ายปี 2557 ขณะการรักษาความปลอดภัยเข้มงวด

บรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล เช้านี้ การรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างเข้มงวด โดยในเวลา 08.00 น. คณะรณรงค์กิจกรรม "กระทรวงวัฒนธรรม ส่งความสุข มอบของขวัญปีใหม่ 2558 แก่ประชาชน” เข้าพบ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อประชาสัมพันธ์และมอบสื่อรณรงค์ ณ บริเวณด้านหน้า ตึกบัญชาการ 1 จากนั้น เวลา 09.00 น. นายกรัฐมนตรี เตรียมเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 เช่นกัน ถือเป็นการประชุมคณะรัฐมนตรี ส่งท้ายปี 2557 ขณะที่ ช่วงบ่ายเวลา 14.30 น. คณะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะแถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ณ ศูนย์แถลงข่าว ตึกนารีสโมสร
-----------------
นายกฯ เป็นประธานการประชุม ครม. ครั้งสุดท้าย ปี 57 ขณะทำเนียบฯ ประดับดอกกล้วยไม้ตามแนวคิดอยากให้เป็นที่รู้จักของคนไทยและต่างชาติ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในการประชุมคณะรัฐมนตรี นัดสุดท้ายของปี 2557 ในเวลา 09.00 น. โดยบรรยากาศก่อนการประชุมบริเวณหน้าตึกบัญชาการ 1 มีคณะรณรงค์กิจกรรม "กระทรวงวัฒนธรรม ส่งความสุข มอบของขวัญปีใหม่ 2558 แก่ประชาชน” เข้าพบนายกรัฐมนตรี ขณะเดียวกัน ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มาตรวจดูความเรียบร้อย ทั้งนี้เป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ จึงสร้างบรรยากาศในวันประชุมคณะรัฐมนตรี จึงได้ขอความอนุเคราะห์ เจ้าของสวนกล้วยไม้ แอร์ ออร์คิดส์ จ.นครปฐม นำกล้วยไม้มาตกแต่งโดยไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ที่สำคัญ นายกรัฐมนตรี มีแนวคิดอยากให้กล้วยไม้ไทย เป็นที่รู้จักในหมู่คนไทยและชาวต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะนำคณะรัฐมนตรีอวยพรนายกรัฐมนตรี เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ด้วย
-----------------------
"อลงกรณ์" ย้ำ สปช. เดินหน้าปฏิรูป ผนึกกำลังแม่น้ำ 5 สาย เพื่อบรรลุผลสำเร็จ ชี้ รธน.ใหม่ คือกุญแจสำคัญ

นายอลงกรณ์ พลบุตร สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในฐานะ โฆษกคณะกรรมาธิการกิจการ สปช. (วิป สปช.) เปิดเผยกับ สำนักข่าว INN  ว่า การทำงานของ สปช. หลังจากนี้จะเป็นการเดินหน้าตามแผน ปฏิรูปเร็ว , ปฏิรูปใน 1 ปี และการจัดทำพิมพ์เขียวปฏิรูปประเทศ โดยจะมีการประชุมเพื่อเร่งรัดในด้านต่างทุกวันจันทร์และวันอังคาร รวมถึงจะมีการประชุมเวิร์คช็อป ครั้งที่ 2 เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ในการทำงานของ กมธ. ทั้ง 18 คณะ และทำพิมพ์เขียวของแต่ละคณะด้วย

ทั้งนี้ นายอลงกรณ์ ยืนยันว่า การทำงานปฏิรูปของ สปช. นั้น จะต้องผนึกกำลังกับแม่น้ำอีก 4 สาย ประกอบด้วย สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) , คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) , คณะรัฐมนตรี และกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อให้การปฏิรูปบรรลุผลตามเป้าหมาย  รวมถึง เน้นย้ำว่ารัฐธรรมนูญใหม่ที่มีการเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วน และดำเนินการอย่างรอบคอบจะเป็นกุญแจสำคัญของการปฏิรูปประเทศด้วย
------------------------
ดุสิตโพล เหตุการณ์ที่ ปชช.มีความสุขที่สุด ปี 2557 วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระเจ้าอยู่หัว รองลงมา ฟุตบอลไทย ได้แชมป์ นักการเมืองที่ชอบที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 

"สวนดุสิตโพล" มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็น กรณี "ที่สุดแห่งปี" ซึ่งทำต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยปีนี้ เป็นปีที่ 17 ครอบคลุมทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม จากประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 6,318 คน ในระหว่างวันที่ 10-29 ธ.ค. ที่ผ่านมา พบว่า เหตุการณ์ในประเทศไทยที่มี “ความสุข" มากที่สุด ร้อยละ 43.20 วันเฉลิมพระชนมพรรษา
พระเจ้าอยู่หัว, ร้อยละ 30.44 นักเตะทีมชาติไทย คว้าแชมป์ซูซูกิคัพ 2014, ขณะที่เหตุการณ์ในประเทศไทยที่ “เศร้า” ที่สุด ร้อยละ 43.35 สถานการณ์ทางการเมืองที่วุ่นวาย, ร้อยละ 35.15 คดีน้องแก้ม
บนตู้นอนรถไฟ และ ร้อยละ 21.50 เหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ ขณะ นักการเมือง ที่ชอบมากที่สุด ฝ่ายชาย ร้อยละ 73.66 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา, รองลงมา ร้อยละ 13.94 พ.ต.ท.ทักษิณ
ชินวัตร และร้อยละ 12.40 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ฝ่ายหญิง ร้อยละ 44.96 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร, ร้อยละ 33.40 นางปวีณา หงสกุล และ ร้อยละ 21.64 "ตั๊น" จิตต์ภัสร์ กฤดากร (ภิรมย์ภักดี)

ส่วนความหวังในปี 2558 ร้อยละ 56.07 ขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพลานามัยแข็งแรง, ร้อยละ 22.63 เศรษฐกิจดีขึ้น ประเทศชาติเจริญรุ่งเรือง และ ร้อยละ 21.30 คนไทยสามัคคี ปรองดอง/ ประเทศชาติสงบสุข ปิดท้ายที่ “คำอธิษฐาน” ที่ตัวประชาชนเอง อยากขอในวันปีใหม่ ร้อยละ 44.91 ขอให้การงานเจริญก้าวหน้า ร่ำรวย มีเงินมีทอง, ร้อยละ 32.52 ขอให้ครอบครัวมีความสุขความเจริญ และร้อยละ 22.57 ขอให้บ้านเมืองสงบสุข เศรษฐกิจดี คนไทยรักและสามัคคีกัน
----------------------
นายกรัฐมนตรี นำประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว จับตางบช่วยเหลือช่วยเกษตรกร และเพิ่มเงินเดือนข้าราชการบำนาญ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี นัดสุดท้ายของปี 2557 แล้ว โดยมีวาระที่น่าสนใจหลายเรื่อง อาทิ กระทรวงการคลัง จะเสนอแนวทางการดำเนินการรวมตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ร่างพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ฉบับที่...) พ.ศ. ... ด้านกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เตรียมเสนอขอเงินงบกลางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตรปี 2557 และขออนุมัติเบิกจ่ายงบประมาณเพิ่มเติมโครงการศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง รวมถึงการเพิ่มวงเงินค่ารักษาพยาบาลของผู้ประสบภัยจากรถในส่วนของค่าเสียหายเบื้องต้นกรณีได้รับบาดเจ็บ”
---------------------------
นายกฯ เชิญชวนไหว้พระ 9 วัด สวดมนต์ข้ามปี อวยพร ขอให้ทุกคนมีความสุขตลอดปีหน้า

คณะรณรงค์กิจกรรมของกระทรวงวัฒนธรรม ส่งมอบความสุขของขวัญปีใหม่ ปี 2558 ให้แก่ประชาชน เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก่อนเข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยจัดซุ้มกิจกรรมประชาสัมพันธ์ไหว้พระ 9  วัด สวดมนต์ข้ามปี ปั่นจักรยานเพื่อการท่องเที่ยว โดย นายกรัฐมนตรี เชิญชวนให้หาเวลาไปร่วมสวดมนต์ข้ามคืน จากนั้น รับฟังการขับร้องประสานเสียง เพลง "วันพรุ่งนี้" พร้อมร่วมร้องกับกลุ่มนักเรียนก่อนจะกล่าวว่า ลุงทำแบบนี้ เพื่ออนาคตของพวกหนู พวกหนูทำดีแล้ว ขอให้ขยันตั้งใจเรียน สุดท้ายนายกฯ ได้ปรบมือ พร้อมกล่าวว่า ขอให้ทุกคนมีความสุขตลอดปีหน้า

ขณะเดียวกัน ผู้จัดการฝ่ายการตลาดกล้วยไม้ เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี อยากให้มีตลาดกลางกล้วยไม้ และหลังวันเด็ก จะเปิดตลาดกล้วยไม้ เพื่อส่งเสริมการขาย บริเวณคลองผดุงกรุงเกษม หน้าทำเนียบรัฐบาล ด้วย
----------------------
"สมชัย" เผย เตรียมเดินหน้าปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ เน้นแยกบทบาทของรัฐ ระหว่างการเป็นผู้กำกับการดูแลกับการเป็นเจ้าของกิจการ

นายสมชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมาธิการปฏิรูปเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง กล่าวถึงผลการประชุม ว่า ได้หารือกันในเรื่องของการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ โดยสิ่งที่จำเป็นในการปฏิรูป คือ บทบาทของรัฐในการประกอบธุรกิจด้านบริการ โดยรัฐเป็นผู้จัดหาดำเนินการ แต่ไม่จำเป็นต้องดำเนินการเอง  มีหน้าที่ที่ดูแลให้ประชาชนเข้าถึงบริการนั้นๆ โดยปล่อยให้เป็นหน้าของเอกชน

นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงการแยกบทบาทของรัฐ ระหว่างการเป็นผู้กำกับการดูแลกับการเป็นเจ้าของกิจการ เพราะที่ผ่านมาเกิดความสับสน จึงจำเป็นต้องมีการทบทวน ว่า อะไรควรทำเองและอะไรให้เอกชนทำ เช่นเดียวกับเรื่องสาธารณูปโภคที่ต้องมีการทบทวน และดูแลเรื่องปัญหาการขาดทุน เพราะสาเหตุของการขาดทุน เกิดการที่รัฐเข้าไปกำหนดราคา ซึ่งควรปล่อยให้เอกชนจัดเก็บราคาตามจริง และรัฐมีหน้าที่สนับสนุนในส่วนที่ขาดทุน โดยการปรับปรุงเปลี่ยนครั้งนี้จะยึดเพื่อให้รองรับการของสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)
---------------
พล.อ.ประยุทธ์ ปัดเปิดช่องนายกรัฐมนตรีคนนอกให้ตนเองเข้ามาเป็น ย้ำยึดโรดแมป เร่งจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนาและชาวสวนยาง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พร้อมปฏิเสธประเด็นการที่สภา สามารถเสนอชื่อบุคคลนอก เป็นนายกรัฐมนตรี ได้เป็นการเปิดช่องให้ตนเองเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเท่าที่ติดตามนั้น เพื่อแก้ปัญหาในอดีต ที่เมื่อเกิดวิกฤติบ้านเมือง นายกรัฐมนตรี ต้องมาจากการเลือกตั้ง และวิธีนี้ ถือ

เป็นการนำปัญหาเดิมมาแก้ไข สำหรับการที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กำชับว่า เมื่อเดินหน้าแล้วถอยไม่ได้นั้น ขออย่ากังวลว่า รัฐบาลจะอยู่ยาว แต่จะอยู่เท่าที่อยู่ได้ เพื่อทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย และยืนยันจะยึดตามแผนโรดแมป ทั้งนี้ เชื่อว่า พล.อ.เปรม หวังดีต่อประเทศชาติ และสิ่งชื่นชมการทำงาน ส่วนตัวก็ภูมิใจและจะนำไปเป็นกำลังใจการทำงานต่อไปอย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ได้ส่วนเกี่ยวข้องเร่งรัดให้เบิกจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนาและชาวสวนยาง ให้เรียบร้อย หลังช่วงปีใหม่

////////////////////
ความปลอดภัยเคาน์ดาวน์

ผบ.ทบ. สั่งหน่วยทหารทั่วประเทศ ดูแล อำนวยความสะดวก ปชช. เดินทางกลับภูมิลำเนาช่วงปีใหม่ กำชับ ร.พ.ในสังกัดพร้อมรับมืออุบัติเหตุ

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2558 ซึ่งประชาชนชาวไทยและต่างประเทศจะเดินทางไปท่องเที่ยวเยี่ยมเยียนครอบครัวและเฉลิมฉลองในทุกพื้นที่นั้น พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก มีความห่วงใยต่อสวัสดิภาพของประชาชนเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากมีการใช้เส้นทางคมนาคมจำนวนมาก และมักเกิดอุบัติเหตุอยู่เสมอดังนั้น เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการเดินทาง ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งการให้หน่วยทหารของกองทัพบกทั่วประเทศ ร่วมให้การดูแลประชาชนที่สัญจรไปมาอย่างเต็มที่ ด้วยการจัดเจ้าหน้าที่ทหารอำนวยความสะดวกด้านการจราจรหน้าค่ายทหาร ในห้วง 30 ธ.ค. 57 - 5 ม.ค. 58 พร้อมเปิดให้ใช้พื้นที่ในค่ายทหารเป็นจุดพักรถ-พักคน ซึ่งจุดบริการประชาชนของกองทัพบก มีทั้งสิ้น 243 จุดทั่วประเทศ ส่วนโรงพยาบาลในสังกัดกองทัพบก ได้จัดเตรียมบุคลากรทางการแพทย์ ยาและเวชภัณฑ์ พร้อมให้บริการด้านการรักษาพยาบาลผู้ป่วยเจ็บโดยทันที รวมถึงการประสานกับโรง

พยาบาลสาธารณสุขในจังหวัดต่าง ๆ เพื่อร่วมกันดูแลผู้ป่วยเจ็บ หากเกิดอุบัติเหตุขนาดใหญ่ รวมถึงการดูแลรักษาความปลอดภัยพื้นที่สาธารณะและพื้นที่สำคัญของจังหวัด ที่มีการจัดงานเฉลิมฉลอง โดยจะมีการประสานและปฏิบัติงานร่วมกันของ ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ในการดูแลความปลอดภัยอย่างเต็มที่
----------------------------
พล.อ.อ.ประจิน เป็นประธานเปิดโครงการรณรงค์ลดอุบัติเหตุ "ปีใหม่ ตายเป็นศูนย์" พร้อมปล่อยแถวตำรวจรถไฟ

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดโครงการรณรงค์ลดอุบัติเหตุ "ปีใหม่ ตายเป็นศูนย์" ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง โดยมี พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผู้บังคับการตำรวจรถไฟ และ นายปาณฑพ มาลากุล ณ อยุธยา รองว่าผู้การรถไฟแห่งประเทศไทย คอยให้การต้อนรับ และกล่าวรายงานการดำเนินงาน พร้อมกันนี้ พล.อ.อ.ประจิน ได้เคาะระฆังปล่อยแถวตำรวจรถไฟ ก่อนเดินตรวจเยี่ยมและสุ่มตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ เจ้าหน้าที่การรถไฟ ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ภายในสถานีด้วย
------------------------------
รมว.คมนาคม ยัน วางมาตรการดูแลความปลอดภัย ปชช. เดินทางกลับภูมิลำเนาด้วยรถไฟเต็มที่ ย้ำมาตรฐานบริการต้องดีขึ้น

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตรอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงมาตรการดูแลความปลอดภัยของประชาชนในการเดินทางกลับภูมิลำเนาของประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ ว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เตรียมขบวนรถไฟสำหรับสุภาพสตรี ขบวนรถเพื่อผู้พิการ รวมถึงได้มีการปรับปรุงห้องน้ำบริเวณชั้น 2 และ 3 ให้สะอาดมากขึ้น

ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้การรถไฟฯ ดูแลความปลอดภัยของประชาชน ทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง รวมถึงมาตรฐานการบริการต้องดีขึ้น โดยต้องมีการตรวจแอลกอฮอล์พนักงานขับรถก่อนออกเดินทาง

นอกจากนี้ การรถไฟฯ ได้ร่วมกับตำรวจรถในการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยมีการตั้งจุดบริการในสถานีตำรวจรถไฟ 15 สถานี และหน่วยบริการ 38 หน่วยทั่วประเทศ โดยมีตำรวจคอยลาดตระเวนตลอดทั้งเส้นทาง
-----------------------
นายกรัฐมนตรี เผยปีหน้าเร่งบริหารจัดการน้ำ เตรียมรับมือน้ำแล้ง น้ำท่วม ย้ำต้องโปร่งใสทั้งระบบ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้พิจารณาการบริหารจัดการน้ำ ทั้งเรื่องน้ำท่วม ภัยแล้ง ซ้ำซาก ซึ่งได้จัดทำแผนรองรับตั้งแต่ปี 2558-2569 รวมกว่า 10,000 โครงการ ที่มีการใช้งบกลาง อาจต้องหางประมาณเพิ่มเติม โดยจะหารือกับ ทางกระทรวงการคลัง และเข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง

ทั้งนี้ อยากให้เริ่มดำเนินการในปี 2558 ด้วยความโปร่งใส และหากโครงการใด ที่เกิน 1,000 ล้านบาท จะมีองค์กรต่างประเทศมาร่วมด้วย ขณะเดียวกันหากมีบุคคลใดที่มีข้อมูลการทุจริต ไม่โปร่งใส ให้ส่งข้อมูลมาเพื่อการตรวจสอบ เพราะรัฐบาลต้องให้เกิดความโปร่งใสทั้งระบบตามระเบียบการบริหารราชการแผ่นดิน

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้อนุมัติให้ข้าว เพื่อการช่วยเหลือประเทศฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ให้ประเทศละ 500 ตัน และภาคใต้ของไทย อีก 1,300 ตัน ที่ประสบภัยน้ำท่วม โดย นายกรัฐมนตรี มีความเป็นห่วงในการให้ความช่วยเหลือเรื่องน้ำท่วมและการค้นหาการสูญหาย ซึ่ง ทางการไทย ก็พร้อมให้ความช่วยเหลือทุกรูปแบบ
--------------------
ปชช. ทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนา คึกคัก ตั๋วรถไฟขบวนปกติ-ขบวนเสริม ทุกเส้นทางเต็มหมดแล้ว ร.ฟ.ท. เตรียมเสริมตู้เพิ่ม 

บรรยากาศการเดินทางกลับภูมิลำเนาของประชาชนที่สถานีรถไฟหัวลำโพง ล่าสุด ประชาชนทยอยเดินทางมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่เกินกว่าพื้นที่รับรองผู้โดยสารของทางสถานี และยังไม่มีการติดป้ายแจ้งว่า ตั๋วโดยสารหมด ขณะที่มาตรการรักษาความปลอดภัย ยังคงเป็นไปอย่างเข้มงวดเจ้าหน้าที่และตำรวจรถไฟ คอยเดินตรวจตราและให้ความช่วยเหลือประชาชนที่เข้ามาใช้บริการตลอดทั้งวัน

ทั้งนี้ นายเฉลียว ไวยกัญหา นายสถานีรถไฟหัวลำโพง เปิดเผยว่า ขณะนี้ตั๋วโดยสารของขบวนปกติและขบวนที่เสริมในวันนี้ จำนวน 4 ขบวน เต็มเรียบร้อยแล้ว แต่ประชาชนที่ต้องการเดินทางกลับภูมิลำเนา และยังไม่มีตั๋ว ยังสามารถเดินทางมาซื้อตั๋วที่ช่องจำหน่ายตั๋วของสถานีได้ เพราะการรถไฟฯ ได้เตรียมตู้เสริมไว้บริการไว้แล้ว
-------------
รมว.มท. เปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงปีใหม่ ภายใต้แนวคิด "มอบสุขทั่วไทย สัญจรปีใหม่ ปลอดภัยทุกคน

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2558 เพื่อบูรณาการทุกภาคส่วนสร้างความปลอดภัยในการเดินทางทุกรูปแบบ ระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม 2557 ถึงวันที่ 5 มกราคม 2558 ควบคู่กับการณรงค์สร้างจิตสำนึกความปลอดภัยทางถนน ภายใต้แนวคิด "มอบสุขทั่วไทย สัญจรปีใหม่ ปลอดภัยทุกคน" พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่มุ่งเน้นมาตรการ 3 ด้าน ประกอบด้วย การบังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด/ ควบคุมการเข้าถึง การดื่ม และการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และแก้ไขปัญหาจุดเสี่ยงอุบัติเหตุ

ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ระบุว่า จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุและการสูญเสียส่วนใหญ่เกิดจากถนนสายรอง ส่วนยานพาหนะเกิดจากรถจักรยานยนต์ และผู้ขับขี่ที่ดื่มสุรา จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าในชุมชน อาทิ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ให้ดูแลคนในชุมชน ไม่ให้ขับรถหลังการดื่มสุรา และประสานสถานที่ราชการ หรือหน่วยงานเอกชน ให้เป็นจุดพักรถด้วย

ซึ่งปีนี้จะไม่มีการเปรียบเทียบสถิติการเกิดอุบัติเหตุหรือตั้งเป้า เพราะทุกชีวิตมีค่าไม่อยากให้เปรียบเทียบและไม่อยากให้เกิดความสูญเสีย พร้อมกันนี้ ฝากถึงประชาชนทุกคนให้รับผิดชอบต่อสังคมอย่าประมาท และขอรณรงค์ให้ประชาชนกันมาสวดมนต์ปีใหม่แทนการดื่มสุรา
-------------------
อีกแล้ว! ไทยแอร์เอเชีย เที่ยวบิน FD3254 ระทึก นักบินพบความผิดปกติในห้องเก็บสัมภาระ-ลงจอดด่วน

ฝ่ายสื่อสารองค์กร สายการบินไทยแอร์เอเชีย รานงานว่า เที่ยวบิน FD3254 ดอนเมือง-ขอนแก่น ได้ออกจากท่าอากาศยานดอนเมือง เมื่อเวลา 11.10 น. และกำหนดถึงท่าอากาศยานขอนแก่น 11.55 น. ซึ่งเมื่อเครื่องบินได้ออกจากท่าอากาศยานแล้ว นักบินได้พบว่า ได้มีความผิดปกติที่ห้องเก็บสัมภาระ โดยตัดสินใจให้ลงจอดด่วนเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร และให้ วิศวกรอากาศตรวจสอบโดยละเอียด

ทั้งนี้ หลังจากการตรวจสอบนั้น พบว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติ จึงบริการได้อีกครั้ง ในเวลา 12.12 น. ล่าช้ากว่ากำหนดเดิมประมาณ 1 ชั่วโมง

อย่างไรก็ตาม เที่ยวบินดังกล่าวได้มี นายเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หรือ ซิโก้ หัวหน้าสต๊าฟฟ์ฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดแชมป์เอเอฟซี ซูซูกิ คัพ อยู่ในเครื่องด้วย

/////////////////
38สว.

"เจตน์" เผย ประชุมวิปครั้งหน้า เตรียมนำเรื่องถอดถอน 38 อดีต ส.ว. เข้าพิจารณา ก่อนบรรจุ เป็นวาระประชุม ยันยึดตามขั้นตอน

น.พ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ วิป สนช. เปิดเผยกับ สำนักข่าว INN ว่า สำนวนคดีถอด

ถอนอดีต 38 ส.ว. กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องที่มาของ ส.ว. ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ส่งมาทาง สนช. แล้ว โดยจะนำเข้าที่ประชุมวิป สนช.ก่อน
ในการประชุมสัปดาห์หน้า เพื่อหารือก่อนนำบรรจุเข้าวาระการประชุม สนช. ทั้งนี้ น.พ.เจตน์ กล่าวว่า ในวันที่มีการประชุมเรื่องดังกล่าว สมาชิก สนช. ผู้ที่ถูกกล่าวหาจะสามารถลงชื่อเข้าร่วม

ประชุมได้ แต่ไม่มีสิทธิ์ลงมติการถอดถอนได้ เนื่องจากเป็นที่มีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องนี้

อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนการพิจารณาจะคล้ายกันกับการพิจารณาสำนวนคดีการถอดถอน นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตสมาชิกวุฒิสภา นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และ

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทุกอย่าง
////////////////////////////
คดีพงศ์พัฒน์

ผบ.ตร. ส่งสำนวนคดีเครือข่าย อดีต ผบช.ก. คืน บช.น.แล้ว ชี้สำนวนพร้อมยื่นอัยการ

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ได้ลงนามเซ็นคำสั่งพิจารณาเห็นชอบสำนวนคดีการกระทำความผิดตามมาตรา 112ตามที่คณะพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้เสนอขึ้นมาทั้งหมด 4 สำนวน ตีกลับให้ พนักงานสอบสวนที่ได้รับผิดชอบ ได้แก่ สำนวนคดีกลุ่มผู้ต้องหาแอบอ้างเบื้องสูงข่มขู่ทวงหนี้ จำนวน 37 ล้านบาท ของสถานีตำรวจนครบาลพระโขนง ยังคงเหลือผู้ต้องหาอีก 1 ราย คือ นายนพพร ศุภพิพัฒน์ ที่ยังหลบหนี

ส่วนสำนวนคดีบังคับให้ผู้เสียหายลดหนี้ จากจำนวน 120 ล้านบาท เหลือ 20 ล้านบาท ของสถานีตำรวจนครบาลวัดพระยาไกร มีผู้ต้องหาถูกดำเนินคดี 21 รายนั้น เหลือผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี 2 ราย คือ นายปรีชา ดาราไตร เสี่ยเจ้าของเต็นท์รถ ผู้จ้างวานและ นายไพรเชษฐ เมธีสริยพงศ์ เจ้าของอู่รถเมล์ร่วมบริการสาย 8 ผู้ร่วมก่อเหตุ ทางพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง จะนำสำนวนคดีดังกล่าว ส่งพนักงานอัยการสั่งฟ้องภายในวันนี้

ด้านคณะพนักงานสอบสวนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีมติพิจารณาเห็นชอบสำนวนคดีซื้อขายการแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่ง ของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (อดีต ผบช.ก.) และเครือข่ายรวม 6 คน มีความผิดตามมาตรา 157 ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เรียกรับเงินแต่งตั้งโยกย้าย ทางคณะพนักงานสอบสวนกองบังคับการกองปราบปราม จะต้องนำความคืบหน้าดังกล่าวรายงานให้ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ทราบก่อน เพื่อให้พิจารณาว่า จะนำสำนวนคดีทั้งหมดที่ถูกส่งตีกลับมาส่งสำนวนทั้งหมดพร้อมกัน เนื่องจากยังเหลือสำนวนสรุปสำนวนการจ่ายส่วยน้ำมันเถื่อน และสำนวนคดีเปิดบ่อนการพนันที่เปิดในสถานบริการย่านรัชดา ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามมาตรา 112 หรือไม่ อาจจะให้พนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบนำสำนวนส่งพนักงานอัยการสั่งฟ้องทันทีต่อไป
////////////////////
คดีเอกยุทธ์

ศาลอาญา รัชดา พิพากษา ประหารชีวิตผู้ต้องหา ฆ่า"เอกยุทธ" แต่รับสารภาพ  ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต

ศาลอาญา รัชดา นัดพิพากษาคดีที่ อัยการ ฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสันติภาพ หรือ บอล เพ็งด้วง / นายสุทธิพงศ์ หรือ เบิ้ม พิมพิสาร / นายชวลิต หรือ เชาว์ วุ่นชุม / นายทิวากร หรือ ทิว เกื้อทอง / จ่าสิบเอก อิทธิพล เพ็งด้วง และ นางจิตอำไพ เพ็งด้วง บิดา มารดา นายสันติภาพ ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์ฯ , ร่วมกันฆ่าผู้อื่น , รับของโจร และข้อหาอื่น ๆ รวม 8 ข้อหา

จากกรณี เมื่อวันที่ 6 - 9 มิถุนายน 2556 นายสันติภาพ อดีตคนขับรถของ นายเอกยุทธ อัญชันบุตร อายุ 59 ปี อดีตนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง ได้ร่วมกับ นายสุทธิพงศ์  ใช้ปืนและมีด ปล้นเอาทรัพย์และใช้เชือกรัดคอจน นายเอกยุทธ ถึงแก่ความตาย และนำศพไปฝังไว้ในไร่นาสวนผสมทิ้งร้างที่ จังหวัดพัทลุง  โดยมี นายชวลิต และ นายทิวากร ช่วยขุดหลุมฝังศพ ส่วน จ่าสิบเอกอิทธิพล นางจิตอำไพ  ซึ่งเป็นบิดามารดาของ นายสันติภาพ เป็นผู้รับฝากเงินสดของ นายเอกยุทธ ที่ นายสันติภาพ นำมาฝากไว้กว่า 4 ล้านบาท

โดย ศาลได้พิพากษาให้ประหารชีวิต นายสันติภาพ และนายสุทธิพงศ์ แต่ทั้ง 2 ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต ส่วน นายชวลิต พิพากษาจำคุก 13 เดือน และให้บวกโทษในคดีค้างเก่าที่ ศาลจังหวัดพัทลุง รวมเป็น 19 เดือน ส่วน นายทิวากร พิพากษาให้จำคุก 8 เดือน ขณะที่ จ่าสิบเอกอิทธิพล และ นางจิตอำไพ พิพากษาให้จำคุก 1 ปี 4 เดือน

พร้อมกันนี้ให้ นายสันติภาพ และนายสุทธิพงศ์ ร่วมกันชดใช้ทรัพย์ทรัพย์สินคืนให้แก่ทายาทของ นายเอกยุทธ จำนวน 1 ล้าน 9 แสนบาท ภายหลัง นายสันติภาพ ระบุว่า เบื้องต้นจะปรึกษาทนายความเพื่อยื่นอุทธรณ์

ด้าน บุตรชายของนายเอกยุทธ ระบุว่า พอใจกับคำตัดสิน โดยจากนี้จะหารือร่วมกับทนายว่า จะอุทธรณ์คดีหรือไม่
///////////////////
รอง ผบก.ป. เผย จนท.เร่งรวบรวมหลักฐานยักยอกเงิน 1,600 บ.เพิ่ม ชี้ยังไม่มีการออกหมายจับเพิ่ม เชื่อผู้ต้องหาอีก 1 ราย ที่ยังหลบหนียังอยู่ในประเทศ

พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผู้บังคับการกองปราบปราม (รอง ผบก.ป.) หัวหน้าชุดสืบสวน เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงความคืบหน้าคดียักยอกเงินของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง จนทำให้เกิดความเสียหาย มูลค่า 1,600 ล้านบาท หลังศาลอนุมัติหมายจับ 6 ผู้ต้องหาา หลังการประชุมชุดทำงานเมื่อวานนี้ (23 ธ.ค.) วันนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็มีการเร่งรวบรวมหลักฐานพยานต่าง ๆ เพิ่มเติมอีก ซึ่งในการประชุมทางสถาบัน ก็ไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย ด้านการออกหมายจับเพิ่มนั้น ยังไม่พบผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ต้องมีการสอบพยาน และรวบรวมหลักฐานอีกครั้งก่อน

ด้านการติดตามจับกุม นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด และ นางสมบัติ โสประดิษฐ์ ผู้ต้องหาที่ยังหลบนี้นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งติดตาม โดย นายกิตติศักดิ์ ยังคงหลบหนีอยู่ต่างประเทศ ส่วน นางสมบัติ เชื่อว่า ยังกบดานอยู่ตามบ้านญาติในประเทศไทย

วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สถานการณ์ข่าว29/12/57

Jab29Dec14
ในหลวง

ในหลวง เสด็จลงจากอาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช มีประชาชนมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ

วันนี้ (29ธ.ค.) เวลา 16 นาฬิกา 19 นาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินจากโรงพยาบาลศิริราช ไปโรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์ เป็นการส่วนพระองค์เพื่อทรงเปลี่ยนพระ

อิริยาบท มีคณะแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ และประชาชนที่ทราบข่าวเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ ทั้งนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงหันพระพักต์ ทอดพระเนตรและแย้มพระสรวลให้กับ

ประชาชนที่มารอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ ประชาชนทุกคนต่างปลื้มปิติ และเปล่งเสียงทรงพระเจริญ นับเป็นมงคลยิ่ง ที่ได้ชื่นชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด

โอกาสนี้ได้ทอดพระเนตรกิจการของร้านโกลเด้นเพลส สาขาที่ 10 ตั้งอยู่ชั้น 1 โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์ ทรงเลือกซื้อสินค้าจากโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา เช่น นมเปรี้ยว

จิตรลดา นมจืดจิตรลดา ไอศกรีม และผลไม้ต่างๆ

จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินขึ้นไปยัง ชั้น 7 สถาบันแพทย์แผนไทย เสวย พระสุธารส ตามพระราชอัธยาศัย พร้อมทอดพระเนตรริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาและทัศนียภาพโดยรอบ ก่อนที่จะเสด็จพระ

ราชดำเนินกลับไปประทับ ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราชในเวลา 17 นาฬิกา
///////////////////
รธน.

"มานิจ" ยันเนื้อหา รธน.ใหม่ ไม่ถอยหลังลงคลอง พร้อมรับข้อห่วงใย นักการเมือง-ปชช.มาพิจารณาปรับปรุงใหม่

นายมานิจ สุขสมจิตร รองประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ คนที่ 2 เปิดเผยกับ สำนักข่าว INN ว่า ภายหลังจากมีการเสนอกรอบกว้างๆ ซึ่งเป็นมติของ กมธ.ยกร่างฯ เกี่ยวกับรูปแบบ ที่มา

ของนายกฯ และ ส.ส.ทำให้พรรคการเมืองออกมาแสดงความคิดเห็น แสดงความวิตกกังวลนั้น ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะว่ายังไม่เห็นรายละเอียดที่ชัดเจนทั้งหมด ซึ่งข้อคิดเห็น ข้อห่วงใยดังกล่าวนั้น

กมธ.ยกร่างฯ ก็จะรับฟัง และนำมาปรับปรุงแก้ไขในรายละเอียดเพื่อทำให้ รธน.ฉบับใหม่ มีความสมบูรณ์มากที่สุด ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายมองว่า เป็นการ "ถอยหลังลงคลอง" เพราะมีการระบุให้

นายกฯ มาจากคนนอก และ ส.ส.ไม่สังกัดพรรค ก็อาจจะพูดได้ แต่ยืนยันในรายละเอียดจะมีการเขียนอย่างรัดกุม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเหมือน ในอดีตที่ผ่านมาอย่างเด็ดขาด

ทั้งนี้ รองประธาน กมธ.ยกร่าง รธน. คนที่ 2 ยังกล่าวต่ออีกว่า ในเรื่องคุณสมบัติของ ส.ส. เกี่ยวกับวุฒิการศึกษานั้น ยังไม่ได้มีการหารือ คาดจะชัดเจนในขั้นรายมาตรา ที่จะเริ่มเขียน ในวันที่ 5-11 ม.ค.

58 ก่อนที่จะนำเข้าสู่การพิจารณาของ กมธ.ชุดใหญ่ ในวันที่ 12 ม.ค. 58 เป็นต้นไป ซึ่งจะมีการเชิญทูตต่างประเทศ รวมถึงสื่อไทย และต่างประเทศเข้าร่วมรับฟังด้วย
---------------
สปช. ทยอยถึงสภา เตรียมประชุม เพื่อพิจารณารายงานศึกษาเรื่อง การนำเสนอพื้นที่อนุรักษ์ในทะเลอันดามันเป็นเขตมรดกโลก

บรรยากาศล่าสุดที่อาคารรัฐสภา เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ในขณะที่ สมาชิก สปช. ทยอยเดินทางมาร่วมประชุม ตามที่ นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (

สปช.) มีคำสั่งนัดสมาชิก ประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ โดยมีระเบียบวาระเพื่อพิจารณารายงานศึกษาเรื่อง การนำเสนอพื้นที่อนุรักษ์ในทะเลอันดามัน เป็นเขตมรดกโลก ที่คณะกรรมาธิการปฏิรูป

ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พิจารณาเสร็จแล้ว เพื่อขอความเห็นชอบจากที่ประชุม สปช.อีกทั้ง ยังเป็นเรื่องที่อยู่ในโครงการปฏิรูปเร็ว หรือ QUICK WIN ที่สามารถผลักดันได้ทันที โดยไม่

ต้องรอรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
----------------
สปช. "จรัส" อภิปรายสนับสนุน เสนอพื้นที่อนุรักษ์ในทะเลอันดามัน เป็นเขตมรดกโลก ชี้ ส่งผลดีด้านวิชาการ-ท่องเที่ยว

บรรยากาศการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โดยมีระเบียบวาระเพื่อพิจารณารายงานศึกษาเรื่อง การนำเสนอพื้นที่อนุรักษ์ในทะเลอันดามันเป็นเขตมรดกโลก ที่คณะกรรมาธิการปฏิรูป

ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พิจารณาเสร็จ ล่าสุด อยู่ในระหว่างเปิดให้สมาชิกอภิปราย โดย นายจรัส สุทธิกุลบุตร สมาชิก สปช. กล่าวว่า ตนเห็นด้วยที่จะเสนอพื้นที่ดังกล่าวเป็นมรดกโลก
เพราะจะส่งผลให้การดำเนินการจัดการดูแลควบคุมเป็นระบบมากขึ้น ต่างชาติจะให้ความสนใจและให้ความร่วมมือ นอกจากนี้ ยังส่งผลดีในเรื่องการศึกษาด้านวิชาการ เพราะพื้นที่อนุรักษ์ในทะเล

อันดามัน นั้น มีความหลากหลายทางชีวภาพ และที่สำคัญที่สุด เมื่อเป็นพื้นที่มรดกโลก จะทำให้ชาวต่างชาติ ให้ความสนใจเข้ามาท่องเที่ยว ซึ่งจะส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ใช่
เพียง 6 จังหวัด ในพื้นที่อนุรักษ์เท่านั้น แต่จะเชื่อมโยงไปยังจังหวัดใกล้เคียงอีกด้วย

นอกจากนี้ นายจรัส ยังกล่าวว่า ตนได้ลงพื้นที่ จ.พะเยา เพื่อเข้าร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็นของกรรมาธิการปฏิรูปแรงงาน ซึ่งได้ถามประชาชนในพื้นที่ว่า เห็นด้วยกับการเสนอพื้นที่อนุรักษ์ทะเล

อันดามัน เป็นพื้นที่มรดกโลก หรือไม่ ซึ่งส่วนใหญ่ นั้น ยินดีและสนับสนุน
---------------------
"พรเพชร" ป้องนายกฯ เชื่อใช้ ม.44 เมื่อจำเป็น ใช้เฉพาะเรื่องเลือกตั้งท้องถิ่นเท่านั้น หรือกรณีใช้กฎหมายปกติไม่ได้เท่านั้น

นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องการใช้มาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2557 (ชั่ว

คราว) ปิดสื่อที่สร้างความแตกแยกให้กับประเทศ ว่า เจตนารัฐธรรมนูญชั่วคราวไม่ได้มุ่งเน้นในเรื่องดังกล่าว แต่จำเป็นต้องให้อำนาจพิเศษของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. หาก

มีปัญหาที่กฎหมายปกติ ไม่สามารถแก้ไขได้

ทั้งนี้ ทราบว่า นายกฯ จะใช้มาตราดังกล่าวกับเรื่องการเลือกตั้งท้องถิ่น โดยจะยกเลิกคำสั่ง คสช. ที่ก่อนหน้านี้ ที่ระบุให้อาศัยอำนาจตามมาตรา 44 สั่งให้สมาชิกท้องถิ่น ที่กำลังจะหมดวาระในต้นปี

2558 อยู่รักษาการตำแหน่งต่อไป โดยไม่มีการสรรหาหรือจัดการเลือกตั้งตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. กำลังมีแนวคิด
-------------------
"วิษณุ" ชี้ ปมนายกรัฐมนตรีคนนอก แค่โยนหินถามทาง ยังไม่ตกผลึก ต้องกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญสรุป

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย ระบุถึงข้อเสนอในชั้นคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ในประเด็นที่มาของนายกรัฐมนตรีคนนอก เป็นการโยนหินถามทาง โดยส่วนตัวได้คุย

กับกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 2-3 คน บอกว่า ยังไม่ใช่ข้อสรุปอะไรส่วนการเสนอรูปแบบวุฒิสภานั้น ยังจับประเด็นไม่ได้ว่า สุดท้ายกรรมาธิการฯ จะยึดตามที่เสนอออกมาในขณะนี้หรือไม่ ทั้งนี้

ไม่อยากให้วิจารณ์กรรมาธิการฯ มากนัก เพราะข้อเสนอทั้งหลายยังไม่ตกผลึก และเชื่อว่าทุกคนทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม แต่อาจมีความรู้สึกคนละแบบ สำหรับเรื่ององค์กรอิสระ ต้องดู 3 ข้อหลัก คือ

1.ที่มาต้องสมเหตุสมผลเพื่อรองรับการมีอำนาจ 2.จำนวน หากน้อยไป แต่มีอำนาจเด็ดขาดก็จะลำบาก 3.อำนาจ บางครั้งกำหนดให้อำนาจองค์กรอิสระไปทั้งหมด
///////////////
เคลื่อนไหวนายกฯ
นายกรัฐมนตรี เตรียมนำ ครม. คสช. เข้าอวยพรปีใหม่ พลเอกเปรม ที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์

ความเคลื่อนไหวของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เช้านี้ เวลา 08.00 น. เตรียมนำคณะรัฐมนตรีและคสช. เข้าอวยพรปีใหม่ พลเอก

เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์ จากนั้น เวลา 10.30 น. นายกรัฐมนตรี เป็นจะประธานในพิธีเปิดงานประชุมวิชาการนานาชาติ ด้านฮาลาล ณ ห้องประชุม

บางกอกคอนเวนชั่นเซนเตอร์ โรงแรม เซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ส่วนในช่วงบ่าย เวลา 15.00 น. พลเอกอุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ใน

ฐานะ ผู้บัญชาการทหารบก จะนำคณะนายทหาร เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี และอวยพรเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
------------------
นายกรัฐมนตรี เปิดงานประชุมวิชาการนานาชาติด้านฮาลาล ร่วมประกาศศักยภาพฮาลาลไทยที่หนึ่งในโลก

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดงานประชุมวิชาการนานาชาติด้านฮาลาล ณ ห้องประชุมบางกอก

คอนเวนชั่นเซนเตอร์ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ที่จัดขึ้นโดยศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะกรรมาการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยและสถาบัน

มาตรฐานฮาลาลแห่งประเทศไทย ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมวิชาการและการแสดงสินค้านานาชาติ เพื่อแสดงศักยภาพของกิจการฮาลาลประเทศไทย ที่เชื่อถือในตลาดโลก พร้อมเป็นการเปิดตัว

สัญลักษณ์ Thailand Dimon Halal สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ส่งออกและผู้บริโภค ได้ประกาศศักยภาพที่สุดแห่งฮาลาลไทย อีกทั้ง ได้รับรู้ถึงคุณลักษณะที่โดดเด่นในระบบและกระบวนการดำเนิน

งานภายใต้หลักการศาสนาและวิทยาศาสตร์รับรอง
----------------------
มาสเตอร์โพล ประเมินผลงานรัฐบาลสอบผ่านถึงร้อยละ 97.4 นายกฯ คะแนนสูงสุด ขณะกระทรวงเกษตรฯ-ศธ.-พาณิชย์ มีภาพลักษณ์ต้องแก้ไข

ชมรมนักวิจัยไทยเพื่อความสุขชุมชน "มาสเตอร์โพล" เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง ครม.ประยุทธ์ 1 กับผลการประเมินเป็นรายบุคคล จากแกนนำชุมชน จำนวนทั้งสิ้น 602 ชุมชน ในระหว่างวันที่

24-27 ธ.ค.ที่ผ่านมา พบว่า ร้อยละ 97.4 ประเมินว่าในการทำงานในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมานี้ คณะรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สอบผ่าน มีเพียง ร้อยละ 2.6 ที่ระบุว่า สอบไม่ผ่าน

โดย 5 อันดับแรกที่สอบผ่าน และมีคะแนนสูงสุด ประกอบด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ร้อยละ 97.8 , นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและ

กีฬา ร้อยละ 96.7 ,  พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร้อยละ 95.4 , นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 95.3 , นายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง

มหาดไทย

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่า กระทรวงที่มีผลงานน่าประทับใจที่สุด 3 อันดับแรก ร้อยละ 49.1 กระทรวงกลาโหม , ร้อยละ 26.1 กระทรวงมหาดไทย และร้อยละ 15.2 กระทรวงยุติธรรม ส่วนกระทรวง

ที่มีภาพลักษณ์ต้องแก้ไข ร้อยละ 28.3 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร้อยละ 24.4 กระทรวงศึกษาธิการ และร้อยละ 11.7 ระบุ กระทรวงพาณิชย์
--------------------
ม.ล.ปนัดดา พอใจผลงานศูนย์บริการ ปชช. มีเรื่องร้องเรียน 111, 399 เรื่อง เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3.2 เท่า แก้ไขไปแล้วร้อยละ 90

ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการสรุปข้อมูลดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ของศูนย์บริการประชาชน ว่า ในช่วงที่คณะรักษาความสงบ

สุขแห่งชาติ (คสช.) และต่อเนื่องรัฐบาลชุดปัจจุบันเข้ามาบริหารประเทศ ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. - 26 ธ.ค. 2557 โดยเปิดช่องทางในการร้องเรียน 5 ช่องทาง รวมทั้งสิ้น 151,778 ครั้ง จำนวน 111,399 เรื่อง

หากเปรียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา สูงขึ้นถึง 3.2 เท่าตัว ทั้งนี้ ผลดำเนินการไปแล้ว ร้อยละ 90.2 รอผลการพิจารณา ร้อยละ 9.8 ซึ่งเป็นเรื่องของกลุ่มมวลชนที่ต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหา เช่น

ที่ดินทำกิน หนี้สิน ทั้งในระบบและนอกระบบ และการจัดระเบียบชุมชน สังคม

อย่างไรก็ตาม ม.ล.ปนัดดา กล่าวว่า พอใจกับผลสรุป แต่ขอให้ประชาชนระวังเรื่องของแชร์ลูกโซ่ ซึ่งไม่ต้องการให้ถูกหลอก และในปี 2558 จะเพิ่มช่องทางในการยื่นเรื่องร้องทุกข์ และติดตาม

ผลด้วยตนเองผ่านทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน
----------------------
นายกรัฐมนตรี หวังเหตุบ้านเมืองยุติโดยเร็ว ยันรัฐบาลเร่งรัดแก้ปัญหา พร้อยลุยปฏิรูปประเทศ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ชี้แจงถึงการเข้ามาบริหารงานของรัฐบาลภายในงานประชุมวิชาการนานาชาติด้านฮาลาล ว่า ถือเป็นครั้งแรกที่ได้พบกับชาวมุสลิมโดย

ตรง ในฐานะนายกรัฐมนตรี โดยรัฐบาลยืนยันจะขับเคลื่อนประเทศ เร่งรักษาความสงบในพื้นที่ภาคใต้ และการปฏิรูปประเทศ พร้อมให้คำมั่นต่อ โอไอซี ว่า รัฐบาลจะดูแลทุกอย่างให้ดีที่สุด พร้อม

หวังให้เหตุการณ์ความไม่สงบในบ้านเมืองยุติโดยเร็ว ซึ่งรัฐบาลเร่งแก้ปัญหาให้เป็นไปตามกลไกกฎหมายโลก ยึดหลักสากล ทั้งนี้ เห็นว่าปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น มาจากรายได้และอาชีพที่ทำให้

เกิดความเหลื่อมล้ำ

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า การแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง อาจมีความรุนแรงเกิดขึ้นบ้าง แต่ยืนยันจะทำทุกอย่างให้เต็มที่เพื่อคืนความสุขให้คนไทย ทั้งไทยพุทธ-ไทยมุสลิม โดยหากมีสิ่ง

ใดที่ติดค้างในใจขอรับไว้แต่เพียงคนเดียว และขอให้เวลาที่เหลือร่วมกันเดินหน้าประเทศต่อไป คืนดินแดนที่สุขสงบและสันติ
-------------
นายกรัฐมนตรี เข้าปฏิบัติภารกิจทำเนียบรัฐบาลแล้ว หลังเปิดงานฮาลาล ยันเตรียมพร้อมสู่ประชาชคมอาเซียน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาลแล้ว โดยก่อนหน้านี้ ร่วมเป็นประธานกล่าวเปิดงานประชุมวิชาการนานาชาติด้านฮาลาล พร้อมระบุว่า

การจัดงานครั้งนี้แสดงให้เห็นศักยภาพ และยกระดับอาหารฮาลาลไทยไปสู่นานาชาติ ซึ่งไทยมีความสามารถในการผลิตอาหาร รวมถึงสินค้าเกษตร หากได้รับการพัฒนาจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

และเมื่อเกิดการแข่งขันเราจะต้องตระหนักถึงการเป็นหุ้นส่วนทางด้านการค้า ทั้งนี้ ในปี 2558 จะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ถือเป็นตลาดใหญ่ รัฐบาลจึงเตรียมความพร้อมเร่งขับเคลื่อนให้ทัน

เวลา เน้นการสร้างความเชื่อมโยง รวมกลุ่มให้เกิดความสามัคคีในอาเซียนทั้งหมด หากทำได้ทัน จะสามารถรองรับชาวมุสลิมที่มีอยู่ในอาเซียน 300 ล้านคน โดยขั้นตอนการผลิต วัตถุดิบจะต้องถูก

หลักศาสนาให้ได้มาตรฐานสากล
////////////////
ป๋าเปรม

พล.อ.ประวิตร เตรียมนำ ผบ.เหล่าทัพ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ เข้าอวยพร-รับพรปีใหม่จาก พล.อ.เปรม ขณะสื่อรอแน่น

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พลเอกอุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการทหารบก พลเอกศิริ

ชัย ดิษฐกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม พลเอกวรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พลอากาศเอกตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ พลเรือเอกไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ

พลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ในกองทัพ เข้าเยี่ยมคำนับ อวยพรและรับพร เนื่องในวันปีใหญ่ จาก พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธาน

องคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่บ้านสี่เสาเทเวศน์ ขณะที่มีสื่อมวลชนมาคอยติดตามทำข่าวอย่างใกล้ชิด ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดจากทั้งเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ
-----------------
นายกฯ นำคณะรัฐมนตรี คสช. และ ผบ.เหล่าทัพ เข้าอวยพรปีใหม่ ขอพรจาก พล.อ.เปรม ประธานองคมนตรี

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำคณะรัฐมนตรี อาทิ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวง

กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการ

กระทรวงการต่างประเทศ และ คสช. ตลอดจนผู้บัญชาการเหล่าทัพ เข้าอวยพรปีใหม่ 2558 และขอพรปีใหม่จาก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ โดย

รัฐบาลตระหนักดีว่า พล.อ.เปรม มีคุณูปการด้านผู้นำต่อประเทศชาติ มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และด้วยเกียรติประวัติ จะขอยึดถือเป็นแบบอย่างในการบริหารราชการแผ่นดิน นำ

พาประเทศเดินหน้า มั่นคงและยั่งยืน พร้อมขอให้สุขภาพแข็งแรง

ในโอกาสนี้ พล.อ.เปรม ได้มอบหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด รุ่นบ้านเกิด พ.ศ. 2557 แก่นายกรัฐมนตรี ครม. และเหล่าที่เข้าร่วมอวยพรด้วย
-------------------
พล.อ.เปรม ขอบคุณนายกฯ ทำประเทศเกิดความสงบ ขอกองทัพช่วยรัฐบาลเต็มที่ อวยพรให้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ต้องการเพื่อสนองคุณชาติ

พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กล่าวว่า ขอบคุณนายกรัฐมนตรี ที่มาอวยพรปีใหม่ พร้อมกับชื่นชมที่ได้เข้าควบคุมอำนาจการบริหารประเทศ ทำให้ประเทศมีความสงบ

เรียบร้อย ไม่ต้องทะเลาะกัน ซึ่งวันนั้น เป็นวันที่แสดงให้เห็นว่า ทหารกับกองทัพ เมื่อถึงคราวที่จำเป็นก็ต้องออกมาทำหน้าที่ดูแลชาติบ้านเมือง จึงควรภูมิใจในสิ่งต่างๆ ที่ได้กระทำ ถือเป็นการ

กระทำที่ยิ่งใหญ่ ตอบแทนคุณบ้านเมือง เป็นการแสดงความจงรักภักดี ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ก็เห็นด้วย และภูมิใจกับการกระทำของนายกรัฐมนตรี

นอกจากนี้ พล.อ.เปรม ได้ขอให้ทุกกองทัพให้การสนับสนุนนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐบาล พร้อมอวยพรให้ นายกรัฐมนตรี และคณะ ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ต้องการทำเพื่อสนองบุญคุณชาติ

ถวายความจงรักภักดีให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ขอให้สิ่งที่ทำเพื่อชาติประสบความสำเร็จ มีความปลอดภัยและได้รับความร่วมมือ
จากทุกส่วน
---------------------
พล.อ.เปรม ชื่นชมการตัดสินใจของนายกฯ แสดงให้เห็นว่า ไม่ทอดทิ้งประชาชน ขอคนไทยร่วมมือ

พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กล่าวในโอกาสเปิดบ้านให้นายกรัฐมนตรี และคณะ เข้าอวยพรปีใหม่ ว่า ก่อนหน้านี้ได้มีโอกาสเคยได้พูดกับนายกรัฐมนตรี เป็นการส่วนตัว

ถ้าออกมาแล้ว คงถอยกลับไม่ได้ และต้องเดินหน้าอย่างกล้าหาญ เป็นสุภาพบุรุษ ที่มีความเป็นไทยอยู่ในสายเลือด ซึ่งถือว่าครั้งนี้ เป็นโอกาสดีที่แสดงให้เห็นว่าเราไม่ทอดทิ้งประชาชน และถือเป็น

โอกาสที่เสี่ยงที่สุดที่เราจะได้แสดงให้เห็นว่า เมื่อไรบ้านเมืองมีวิกฤตินั้น ทหารจะเข้าไปดูแลบ้านเมือง ซึ่งรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กำลังทำอยู่ จึงอยากให้คนไทย มอง

เรื่องนี้ว่า เป็นหน้าที่โดยตรงของทหาร และให้ความร่วมมือกับนายกรัฐมนตรี

พร้อมกันนี้ พล.อ.เปรม ยังกล่าวว่า รู้ว่าทุกคนเหนื่อย แต่เหนื่อยเพื่อชาติ เพื่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเพื่อคนไทย ให้นึกถึงสิ่งเหล่านี้ ก็จะทำให้หายเหนื่อยและเป็นกำลังใจในการสู้ต่อไป
///////////////
คดีพงษ์พัฒน์

//////////////
ความมั่นคง

ผบ.ทบ. ย้ำทุกหน่วยเข้มงวดช่วงปีใหม่ การข่าวยังไม่พบอะไรน่าเป็นห่วง แต่ห้ามประมาท อวยพรปีใหม่ ให้ ปชช. มีความสุข สมปรารถนา

พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก กล่าวภายหลังการประชุมชี้แจงและสั่งการแก่ผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก ครั้งที่ 1/2558(วาระพิเศษ) ว่า

ในวันนี้ได้เน้นย้ำกับผู้บังคับหน่วยให้เข้มงวด ในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ แต่จากการข่าวสถานการณ์ในขณะนี้ ยังไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้ประมาท

พร้อมกับได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อไปตรวจดูสถานที่จัดงานในช่วงปีใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนเกิดอันตราย และให้บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย รวมถึง

ได้อวยพรปีใหม่ให้กับประชาชน โดยขอให้ประชาชน มีความสุข สมปรารถนา และให้มั่นใจว่า ทาง กองทัพบก จะดูแลความสงบสุขของประเทศชาติต่อไป

นอกจากนี้ พล.อ.อุดมเดช ได้กล่าวถึงคำอวยพรปีใหม่จาก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เมื่อเช้าว่า ถือเป็นกำลังใจในการทำงานต่อไป ให้กับตนเองและทุกคนที่ได้รับพร
------------------
ผบ.สส. เป็นประธานในพิธีมอบของขวัญวันขึ้นปีใหม่ ให้กับประชาชนที่ประสบภัยพิบัติ พร้อมอวยพรปีใหม่กำลังพล

พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานในพิธีมอบของขวัญวันขึ้นปีใหม่ให้กับประชาชนที่ประสบภัยพิบัติ และให้พรกำลังพล เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ ณ ห้องนเรศวร กอง

บัญชาการกองทัพไทย

ทั้งนี้ เนื่องจากสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดมาจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และบริเวณความกดดันอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศ จึงทำให้มีประชาชนประสบภัยพิบัติ ภัยหนาว และอุทกภัยในหลาย

พื้นที่เป็นจำนวนมาก ซึ่ง ผู้บัญชาการทหารสูงสุด มีความห่วงใยในความทุกข์ยากของประชาชน จึงมอบผ้าห่มและถุงยังชีพเป็นของขวัญปีใหม่แก่หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา เพื่อนำไปมอบให้กับ

ประชาชน ในพื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการกองทัพไทย ที่ได้รับความทุกข์ยาก เนื่องจากภัยพิบัติ และฝากความห่วงใยถึงประชาชนด้วย

นอกจากนี้ เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พล.อ.วรพงษ์ จึงได้มอบพรปีใหม่ให้กับกำลังพลของกองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่งได้ปฏิบัติงานด้วยความเหน็ดเหนื่อยตลอด 1 ปีที่ผ่านมา

อ้างหลาน"บิ๊กป๊อก"ตุ๋นร้อยล้าน

แจ้งจับหนุ่มสกุล"เผ่าจินดา" อ้างหลาน"บิ๊กป๊อก"ตุ๋นขายหุ้น 100 ล้าน
Cr:ผู้จัดการ
วันนี้ (29 ธ.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.30 น. น.ส.อัจฉรา สุริยเรืองเวท อายุ 36 ปี พร้อมพวกอีกกว่า 10 คน เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.ปรีชา ศรีอุดม พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นายสมมาตร เผ่าจินดา อายุ 35 ปี ในข้อหา "ฉ้อโกง" หลังถูกนายสมมาตรหลอกขายหุ้น IPO มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท โดยนำข้อความที่แชทสนทนาผ่านโปรแกรมไลน์ระหว่างกลุ่มผู้เสียหายกับนายสมมาตร มามอบไว้เป็นหลักฐาน
น.ส.อัจฉรา กล่าวว่า รู้จักกับนายสมมาตร มากว่า 10 ปี เพราะเป็นเพื่อนเรียนร่วมรุ่นกันมา และเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นายสมมาตรได้มาเสนอขายหุ้น IPO กับเพื่อนร่วมรุ่นอีกกว่า 30 คน โดยพยายามสร้างความน่าเชื่อถือว่ารู้จักกับผู้ใหญ่หลายคน และแอบอ้างว่าเป็นหลานของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พวกตนจึงหลงเชื่อซื้อหุ้นดังกล่าว ไปจำนวนมากโดยตนสูญเงินไปกว่า 5 ล้านบาท
น.ส.อัจฉรา กล่าวต่อว่า เมื่อถึงเวลาจ่ายเงินปันผล นายสมมาตร พยายามบ่ายเบี่ยงว่าเงินติดการตรวจสอบของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง. ) ทำให้จ่ายเงินล่าช้า และมีการเสนอขายหุ้นตัวใหม่ๆ เพิ่มเติมอีกหลายตัว จนกระทั่งเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายปาณสาร หรือมีน สมชีวิตา อายุ 33 ปี บุตรชายนายสันทัด สมชีวิตา คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) และอดีตปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม หลังจากหลอกลวงผู้เสียหายในลักษณะเดียวกันกว่าเกือบ 30 คน ซึ่งตนทราบมาตลอดว่านายปาณสาร มีความสนิทสนมกับนายสมมาตร ตนจึงเชื่อว่าถูกหลอกลวงเช่นเดียวกัน
น.ส.อัจฉรา กล่าวด้วยว่า หลังจากนั้นตนก็พยายามติดต่อไปยังนายสมมาตรแต่กลับถูกอ้างว่า กำลังพยายามหาเงินมาให้ หากแจ้งความจะไม่ได้อะไรเลย แต่ถ้ารอจะได้เงินต้นและดอกเบี้ยคืน ตนและเพื่อนจึงตัดสินใจรอ แต่ร่วมเดือนก็ไม่ได้รับการเจรจาไกล่เกลี่ยหรือดำเนินการใดๆ โดยเมื่อเช้าตัดสินใจโทรไปถามนายสมมาตรอีกครั้งว่าจะเอายังไง เขากลับบอกว่าเขาเตรียมทนายไว้แล้ว และจะไม่เจรจาและไม่มีการจ่ายเงินใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าอยากได้ก็ให้ฟ้องเอา พวกเราเลยตัดสินใจรวมตัวกันมาแจ้งความดำเนินคดี เพื่อยืนยันว่าหลังจากนี้พวกเราก็จะไม่ยอมความ และจะไม่มีการเจรจาใดๆ พร้อมทั้งจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
ด้าน ร.ต.ท.ปรีชา กล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะสอบปากคำผู้เสียหายทั้งหมด พร้อมรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป


ผู้ต้องหา อาบูบาก้า มอบตัวเพิ่ม4คน

ตร.ผู้ต้องหาคดีอาบูบาก้า ก๊วน “พงศ์พัฒน์” เข้ามอบตัวเพิ่มอีก 4 นาย
Cr:ผู้จัดการ
นายตร. สังกัดกองปราบ ผู้ต้องหาคดีบ่อนออนไลน์อาบูบาก้า ก๊วน “พงศ์พัฒน์” เข้ามอบตัวที่ สน.พหลโยธิน เพิ่มอีกราย 4 ราย พร้อมนำหลักทรัพย์เพื่อวางประกันตัวรายละ 600,000 บาท โดยทั้งหมดปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ก่อนถูกนำตัวไปค้นห้องพัก บช.น.ขีดเส้นผู้ต้องหาตามหมายจับที่เหลือหากยังหลบหนีเจอชุดไล่ล่า
วันนี้ (28 ธ.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ สน.พหลโยธิน ความคืบหน้ากรณีคดีบ่อนพนันออนไล์อาบูบาก้า เครือข่ายของ พล.ต.ท.พงษ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. ซึ่งได้ออกหมายจับทั้งสิ้น 14 ราย เป็นพลเรือน 1 รายว่า พ.ต.อ.นิพนธ์ เจริญศิลป์ ผกก.ทุ่งครุ รรท.ผกก.สน.พหลโยธิน และ พ.ต.ท.สมนึก สันติภาตะนันท์ พนักงานสอบสวนผู้ขำนาญการพิเศษ สน.พหลโยธิน ได้รับการติดต่อขอเข้ามอบตัวของ พ.ต.ท.วัฒนา ผลงานดี อดีตสารวัตรกองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม (สว.กก.3 บก.ป.) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2347/2557 ลงวันที่ 24 ธ.ค.57 พ.ต.ต.อภิสิทธิ์ เมฆประยูร อดีตสารวัตรปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการปราบปราม (สว.กก.ปพ.บก.ป.) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2350/2557 ลงวันที่ 24 ธ.ค.57 ร.ต.อ.นิธิพัฒน์ กังรวมบุตร อดีตรองสารวัตรปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการปราบปราม (รอง สว.กก.ปพ.บก.ป.) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2344/2557 ลงวันที่ 24 ธ.ค.57 และ ร.ต.อ.ศักรินทร์ เกษรเทียน รองสารวัตรกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (รอง สว.กก.4 บก.ปคม.) ผู้ต้องหาตามหมายศาลอาญาที่ 2348/2557 ลงวันที่ 24 ธ.ค.57 ในข้อหาร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ หรือยอมรับทรัพย์สินหรือผลประโยชน์ และร่วมกันเป็นเจ้าหนักงานปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยทุจริต กรณีรับสินบนระหว่างปฎิบัติหน้าที่ปราบปรามการพนันฟุตบอลออนไลน์ หรืออาบูบาก้า เมื่อปี 2552 พร้อมนำหลักทรัพย์มาประกันตัวในวงเงิน 600,000 บาทต่อคน
ด้าน พ.ต.อชยุต มารยาท รอง ผบก.น.2 กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ได้ติดต่อเข้ามอบตัวที่ สน.พหลโยธิน พร้อมทั้งปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ทางเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปตรวจค้นบ้านพัก จากนั้นจะนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญา ส่วนผู้ต้องหาที่ยังไม่มาติดต่อขอมอบตัวทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เวลาถึงวันที่ 29 ธ.ค.57 นี้เท่านั้น แล้วจะดำเนินการจับกุมตามหมายจับทันที
ด้าน ผกก.สน.พหลโยธิน กล่าวว่า เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาให้รับทราบ พร้อมทั้งดำเนินคดีในมาตรา157 ที่ระบุว่า เป็นเจ้าพนักงาน และมาตรา 148 ที่ระบุว่าเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ ทั้งนี้ ทางผู้ต้องหายังไม่ได้ยื่นหลักฐานเพื่อขอประกันตัวแต่อย่างใด ส่วนขั้นตอนการสอบสวนพบว่า มีผู้ที่เกี่ยวข้องในกรณีดังกล่าว จะทำการสืบสวนติดตามเพื่อขออนุมัติหมายจับเพิ่มเติม นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ 48 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ทาง พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. ได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดประสานไปยังต้นสังกัดของข้าราชการตำรวจที่มีชื่อในหมายจับเรียบร้อยแล้ว โดยระบุว่า ให้มามอบตัวตามระยะเวลาที่กำหนด


เบื้องหลังเดลินิวส์ประกาศ16พนง.สิ้นสภาพศึกในตระกูล เหตระกูล

เบื้องหลัง!เดลินิวส์ ประกาศ16พนง. สิ้นสภาพ -ศึกสายเลือด "เหตระกูล" ระอุ

เขียนวันที่
วันจันทร์ ที่ 29 ธันวาคม 2557 เวลา 13:14 น.
เขียนโดย
isranews
"..พนักงานบางส่วนที่ถูกประกาศให้พ้นสภาพ เป็นบก.ข่าว ที่ผันตัวมาช่วยงานทีวี NEW)TV แต่ผู้บริหารระดับสูงระหว่างคนในตระกูลเหตระกูลด้วยกัน ที่ดูแลหนังสือพิมพ์ กับ ทีวี มีปัญหาขัดแย้งกันอย่างรุนแรง ก็เลยประกาศตัดขัดไม่ยุ่งเกี่ยวกัน.." 
pedddddcccchhh
สร้างความฮือฮา! ให้กับคนในวงการสืออีกครั้ง เมื่อ "หนังสือพิมพ์เดลินิวส์" ฉบับวันที่ 28 ธ.ค.2557 ได้เผยแพร่ประกาศรายชื่อบุคคล ซี่งพ้นจากสภาพการเป็นพนักงาน ของ บริษัท สี่พระยาการพิมพ์ จำกัด และบริษัทในเครือ จำนวน 16 คน 
พร้อมระบุว่า "โดยบุคคลดังกล่าว ได้พ้นจากการเป็นพนักงานตั้งแต่วันที่ระบุข้างต้น ดังนั้น การกระทำใดของบุคคลดังกล่าว นับแต่วันที่บุคคลดังกล่าวพ้นสภาพจากการเป็นพนักงาน ถือว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับบริษัทอีกต่อไป"
(ดูรูปประกอบ)
peccfghghjhjhj
คำถามที่น่าสนใจ คือ พนักงานทั้ง 16 รายนี้ ทำความผิดอะไร ถึงทำให้ต้องถูกออกประกาศแจ้งให้พ้นสภาพความเป็นพนักงาน จากบริษัท สี่พระยาการพิมพ์ จำกัด (เดลินิวส์) แบบ "ตัดบัวไม่เหลือใย" แบบนี้ 
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้ติดต่อไปยังหนึ่งในพนักงาน 16 คน ที่ถูกประกาศพ้นสภาพดังกล่าว เพื่อสอบถามความจริง แต่ได้รับการปฏิเสธ 
พร้อมระบุว่า "เรื่องนี้ไม่มีอะไรหรอก อย่าไปสนใจเลย"
เมื่อถามว่า ทำไมถึงถูกออกประกาศให้พ้นสภาพความเป็นพนักงาน พนักงานรายนี้ ตอบว่า "ไม่ทราบเหมือนกัน ตอนนี้เรามาทำงานทีวี ลาออกจากหนังสือพิมพ์มานานแล้ว"
เมื่อถามว่า สรุปยังเป็นพนักงานในเครือเดลินิวส์หรือไม่ พนักงานรายนี้ ตอบว่า "มาทำอยู่ทีวี ทำนานแล้ว ไม่รู้เรื่องอะไรเหมือนกัน เพิ่งเห็นลงประกาศพ้นสภาพในหนังสือพิมพ์เหมือนกัน"
"อย่าไปสนใจมากเลยเรื่องนี้ เรื่องของผู้ใหญ่เขา เราเป็นพนักงานเราไม่รู้อะไรมากหรอก"
แหล่งข่าวระดับสูงในเดลินิวส์ เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา ว่า  พนักงานบางส่วนที่ถูกประกาศให้พ้นสภาพ เป็นบก.ข่าว ที่ผันตัวมาช่วยงานทีวี NEWTV ส่วนเหตุผลที่เกิดขึ้น เป็นเพราะผู้บริหารระดับสูงระหว่างคนในตระกูล "เหตระกูล" ที่ดูแลหนังสือพิมพ์ กับ ทีวี มีปัญหาขัดแย้งกันอย่างรุนแรง ก็เลยประกาศตัดขัดไม่ยุ่งเกี่ยวกัน 
"เมื่อ นสพ.ไม่นับ NEW)tv เป็นเครือญาติ จึงต้องทางใครทางมัน พนักงานบางส่วนที่ถูกประกาศให้พ้นสภาพก็เป็นพนักงานขายโฆษณา และเมื่อ NEW)tv ทำแท็บลอยด์ "new)108" เป็นหนังสือพิมพ์ไลฟ์สไตล์รายวันน้องใหม่ ออกทุกเช้าวันจันทร์ – วันศุกร์ ( ยกเว้นวันหยุดนักขตฤกษ์) แจกฟรีตามจุดต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ จำนวน 100 จุด) ทำให้เกิดศึกแย่งชิงโฆษณากัน เมื่อมีการทับไลน์เกิดขึ้น ยักษ์ใหญ่สีบานเย็นเลยไม่ยอม จึงเกิดปัญหาแบบนี้ขึ้น"
จากการตรวจสอบข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า บริษัท สี่พระยาการพิมพ์ จำกัด รับผิดชอบธุรกิจหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2506 ทุนปัจจุบัน 1,000 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 1/4 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร แจ้งประกอบธุรกิจ ขายหนังสือพิมพ์รายวัน ขายโฆษณา - ผู้ผลิต,ค้าปลีก,ค้าส่ง
ปรากฎชื่อ นางประไพ เหตระกูล ,นายประชา เหตระกูล ,พลตำรวจโท ประเสริฐ เหตระกูล , นางประภา เหตระกูล ศรีนวลนัด , นางประทิน เหตระกูล, นางประพิณ รุจิรวงศ์ , นายปารเมศ เหตระกูล ,นายพิสิฐ เหตระกูล , นายกิตติพันธุ์ เหตระกูล ,นายภาสภณ เหตระกูล  และนางสาวผวราภรณ์ ปุ้ยพันธวงศ์ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ 
รายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 29 เมษายน 2557 มี 25 ราย  ประกอบไปด้วย 
1 บริษัท แสงเอ็นเตอร์ไพรส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ถือหุ้นใหญ่สุด 534,400 หุ้น มูลค่า 534,400,000 บาท 
2 นายประชา เหตระกูล  ถืออยู่ 38,800 หุ้น มูลค่า 38,800,000 บาท 
3 นางประทิน เหตระกูล ถืออยู่ 38,800 หุ้น มูลค่า 38,800,000 บาท
4 นางประไพ เหตระกูล ถืออยู่ 38,800 หุ้น มูลค่า 38,800,000 บาท
5 พล ต.ท.ประเสริฐ เหตระกูล ถืออยู่ 38,800 หุ้น มูลค่า 38,800,000 บาท
6 นายพิสิฐ เหตระกูล ถืออยู่ 38,800 มูลค่า หุ้น 38,800,000 บาท
7 นางประพีร์ ปุ้ยพันธวงศ์ ถืออยู่ 20,800 หุ้น มูลค่า 20,800,000 บาท 
8 นายประพันธ์ เหตระกูล ถืออยู่  20,013 หุ้น มูลค่า 20,013,000 บาท 
9 นายภาณุชัย เหตระกูล ศรีนวลนัด ถืออยู่ 19,399 หุ้น มูลค่า  19,399,000 บาท 
10 นางสาววิรณี เหตระกูล ศรีนวลนัด ถืออยู่ 19,393 หุ้น มูลค่า 19,393,000 บาท 
11 นางสาวขวัญจิต เหตระกูล ถืออยู่ 7,760 หุ้น มูลค่า 7,760,000 บาท 
12 นางณัฐา คุณปิติลักษณ์ ถืออยู่ 7,760 หุ้น มูลค่า  7,760,000 บาท 
13 นายนต รุจิรวงศ์ ถืออยู่ 7,760  หุ้น มูลค่า  7,760,000 บาท 
14 นายนนท์ รุจิรวงศ์ ถืออยู่ 7,760 หุ้น มูลค่า 7,760,000 บาท
15 นายนพดล เหตระกูล ถืออยู่ 7,760 หุ้น มูลค่า 7,760,000 บาท
16 นางสาวนลิน รุจิรวงศ์ ถืออยู่ 7,760 หุ้น มูลค่า 7,760,000 บาท
17 นายปฏิฎาณ เหตระกูล ถืออยู่ 7,760 หุ้น มูลค่า 7,760,000 บาท
18 นางประพิณ รุจิรวงศ์ ถืออยู่ 7,760 หุ้น มูลค่า 7,760,000 บาท
19 นายประสงค์ เหตระกูล ถืออยู่ 7,760 หุ้น มูลค่า 7,760,000 บาท
20 นางสาวปริยสุดา เหตระกูล ถืออยู่ 7,760 หุ้น มูลค่า 7,760,000 บาท
21 นายปารเมศ เหตระกูล ถืออยู่ 7,760 หุ้น มูลค่า 7,760,000 บาท
22 นางปารวดี เหตระกูล ถืออยู่ 7,760 หุ้น มูลค่า 7,760,000 บาท
23 นายปิฏก เหตระกูล ถืออยู่ 7,760 หุ้น มูลค่า 7,760,000 บาท
24 นางสายฝน เหตระกูล ถืออยู่ 7,760 หุ้น มูลค่า 7,760,000 บาท
25 นางสิริวรรณ พันธุ์ปรีชากิจ ถืออยู่ 7,760 หุ้น มูลค่า 7,760,000 บาท
ล่าสุดนำส่งงบการเงินแสดงผลประกอบธุรกิจ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2556 ระบุว่ามีรายได้รวม 1,901,743,421.17 บาท  กำไรสุทธิ 295,914,393.71 บาท  
ส่วน บริษัท แสงเอ็นเตอร์ไพรส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2536 ทุนปัจจุบัน 840,000,000 บาท ตั้งอยู่เลขที่ 1/4 หมู่ที่ 2 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร แจ้งประกอบธุรกิจ บริการจัดซื้อ จัดหากระดาษ วัสดุการพิมพ์
ปรากฎชื่อ  นางประไพ เหตระกูล, นายประพันธ์ เหตระกูล ,นายประสงค์ เหตระกูล, นางประพีร์ ปุ้ยพันธวงศ์, พลตำรวจโทประเสริฐ เหตระกูล ,นางประภา เหตระกูล ศรีนวล,นางประทิน เหตระกูล และนางประพิณ รุจิวงศ์ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ  นายประชา เหตระกูล  นางประทิน เหตระกูล  นางประไพ เหตระกูล  พลตำรวจโทประเสริฐ เหตระกูล  นายพิสิฐ เหตระกูล ถือหุ้นใหญ่ คนละ 70,000 หุ้น มูลค่า  70,000,000 บาท 
ล่าสุด นำส่งงบการเงิน ณ วันที่  31 ธันวาคม 2556 แจ้งมีรายได้รวม 50,749,806.83 บาท ขาดทุนสุทธิ 6,019,944.93 บาท  
บริษัท ดีเอ็น บรอดคาสท์ จำกัด รับผิดชอบธุรกิจทีวี “new) tv”
จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2556 ทุนปัจจุบัน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 1/4 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร แจ้งประกอบธุรกิจกิจการกระจายเสียงหรือกิจการโทรทัศน์ ปรากฎชื่อ นาย ภาณุชัย เหตระกูล ศรีนวลนัด เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ นาย ปารเมศ เหตระกูล เป็นกรรมการ 
รายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 เมษายน 2557 มี 3 ราย นางปารวดี เหตระกูล ถือหุ้นใหญ่สุด 11,900,000 หุ้น มูลค่า  29,750,000 บาท  นายปารเมศ เหตระกูล และนายภาณุชัย เหตระกูล ศรีนวลนัด ถืออยู่ 11,550,000  หุ้น มูลค่า 28,875,000 บาท 
ล่าสุดนำส่งงบการเงินแสดงผลประกอบการธุรกิจ ณ วันที่ 31 ธ.ค.57 ระบุว่า มีรายได้อื่น  34,419.65 บาท ค่าใช้จ่ายในการบริหาร 3,075,536.65 บาท ขาดทุน สุทธิ 3,248,082.75 บาท 
บริษัท ดีเอ็น มีเดีย จำกัด รับผิดชอบธุรกิจหนังสือพิมพ์ แท็บลอยด์new)108  
เพิงจดทะเบียนจัดตั้ง เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2557 ทุน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 1/4 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร  แจ้งประกอบธุรกิจกิจการ ดำเนินการซื้อ จัดหา สื่อโฆษณา รวมทั้งธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ปรากฎชื่อ นางปารวดี เหตระกูล นายภาณุชัย เหตระกูล ศรีนวลนัด น.ส.วิรณี เหตระกูล ศรีนวลนัด เป็นกรรมการ 
รายชื่อ ผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 11 กันยายน 2557 มีจำนวน 10 ราย  
1 นางปารวดี เหตระกูล ถือหุ้นใหญ่สุด 16,667 หุ้น  มูลค่า  41,667.50 บาท 
2 นางประภา เหตระกูล ศรีนวลนัด ถืออยู่ 11,112 หุ้น มูลค่า 27,780 บาท 
3 นายภาณุชัย เหตระกูล ศรีนวลนัด ถืออยู่ 11,111 หุ้น มูลค่า 27,777.50 บาท 
4 นางวิรณี เหตระกูล ศรีนวลนัด ถืออยู่  11,111 หุ้น มูลค่า  27,777.50 บาท 
5 นางประไพ เหตระกูล ถืออยู่ 8,334 หุ้น มูลค่า  20,835 บาท 
6 นางสาวชนาทิพย์ เหตระกูล ถืออยู่  8,333 หุ้น มูลค่า 20,832.50 บาท 
7 นางสาวชนินทร เหตระกูล ถืออยู่ 8,333 หุ้น มูลค่า  20,832.50 บาท 
8 นายปฎิภาณ เหตระกูล ถือยู่  8,333 หุ้น มูลค่า 20,832.50 บาท 
9 นางสาวปริยดา เหตระกูล ถืออยู่ 8,333 หุ้น มูลค่า  20,832.50 บาท 
10 นายศุภฤกษ์ เหตระกูล ถืออยู่  8,333 หุ้น มูลค่า  20,832.50 บาท
-ยังไม่แจ้งผลประกอบการธุรกิจ- 
ทั้งนี้ จากข้อมูลโครงสร้างธุรกิจ และรายชื่อผู้บริหารที่รับผิดชอบดูแลงานสื่อแต่ละประเภทที่ปรากฎออกมา
คงพอเดากันไม่ยากว่า ศึกสายเลือด "เหตระกูล" ที่กำลังเดือดระอุอยู่ในขณะนี้ 
ใครอยู่ฝ่ายไหนกันบ้าง? 

วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สถานการณ์ข่าว26/12/57

กมธ./สปช.

สมาชิก สนช. ทยอยประชุมกรรมาธิการ แม้งดประชุมใหญ่ ขณะคณะกรรมาการสรรหาผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดรับสมัครแทนตำแหน่งว่าง

นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีคำสั่งงดประชุมในวันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม 2557 เนื่องจากไม่มีกฎหมายเร่งด่วนบรรจุในระเบียบวาระการประชุม แต่สมาชิก สนช. ยังมีภารกิจประชุมคณะกรรมาธิการชุดต่าง ๆ อาทิ คณะอนุกรรมาธิการอุดมศึกษาและการอาชีวศึกษา คณะกรรมาธิการการบริหาราชการแผ่นดิน ขณะเดียวกัน คณะกรรมาการสรรหาผู้ตรวจการแผ่นดิน

มีมติยืนยันตามมติเดิมด้วยคะแนนไม่เป็นเอกฉันท์ให้ ม.ล.ฤทธิเทพ เทวกุล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดิน จึงเป็นเหตุให้ต้องเริ่มกระบวนการสรรหาใหม่ โดยกำหนดเปิดรับสมัครบุคคลเพื่อเข้ารับการสรรหาผู้สมัครเป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน ตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2557 - 7 มกราคม 2558 ส่วนการรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างเข้มงวด บุคคลที่เข้ามาติดต่อต้องติดบัตรแสดงตนทุกครั้ง
---------

ธรรมนูญ โดยตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้ข้อสรุปบางส่วนในเบื้องต้นแล้ว อาทิ ที่มาของนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ที่มาของสภาผู้แทนราษฎร ที่มาของสมาชิกวุฒิสภา สำหรับวันนี้ 

จะพิจารณากรอบการจัดทำรัฐธรรมนูญ ในส่วนของนิติธรรม ศาล และการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ รวมถึงองค์กรอิสระ ทั้งนี้ เมื่อได้ข้อสรุปในด้านสารัตถะทั้งหมด จะส่งต่อไปยังอนุกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ที่มี นางกาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์ เป็นประธาน ได้ดำเนินการยกร่างเบื้องต้นต่อไปจนถึงวันที่ 11 มกราคม 2558

อย่างไรก็ตาม วันนี้ ต้องมีแนวทางและโครงสร้างที่ชัดเจน ก่อนนำไปร่างเป็นรายมาตรา
--------------------
"บวรศักดิ์" ชี้ ความคิดเห็น ปชช.สำคัญที่สุดต่อการยกร่าง รธน. อยากให้ทุกคนมีส่วนร่วม

บรรยากาศที่งานสัมมนาคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และคณะอนุกรรมาธิการการมีส่วนร่วม และร่วมฟังความคิดเห็นของประชาชน ในคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เรื่อง "สานพลังเจ้าหน้าที่ของรัฐในการมีส่วนร่วมและรับฟังความเห็นต่อการยกร่างรัฐธรรมนูญ" ทั้งนี้ นางถวิลวดี บุรีกุล ประธานคณะอนุกรรมาธิการการมีส่วนร่วมและร่วมฟังความคิดเห็นของประชาชน กล่าว

รายงานวัตถุประสงค์ของการจัดโครงการสัมมนาครั้งนี้ โดยมี นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวเปิดโครงการสัมมนาและกล่าวปาฐกถานำเกี่ยวกับกรอบการยกร่างรัฐธรรมนูญ

นอกจากนี้ นายบวรศักดิ์ ระบุว่า ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 23 ก.ค. 2558 ความเห็นของประชาชนสำคัญต่อการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญอย่างมาก และทำให้ประชาชนทุกคนได้มีส่วนร่วมในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับที่ 20 ของประเทศไทย
-------------------
"บวรศักดิ์" ย้ำ รธน.ใหม่ เน้นเศรษฐกิจพอเพียง ไม่เลือกตั้งนายกฯ ส.ส. ไม่ต้องสังกัดพรรค นายกฯ ต้องเป็น ส.ส.

นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนญ กล่าวว่า คณะกรรมาธิการฯ จัดทำร่างรัฐธรรมนูญ โดยยึดกรอบรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ปี 2557 พร้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ และจะบรรจุเฉพาะหลักสำคัญ ส่วนรายละเอียดจะนำไปเขียนเป็นกฎหมายลูก

ทั้งนี้ การให้ประชาชนเลือกนายกรัฐมนตรีโดยตรง จะทำให้รัฐบาลมีอำนาจมาก และจะนำไปสู่ความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดความแตกร้าวในสังคม ควรสร้างภูมิคุ้มกัน โดยไม่ให้ผู้มีเงินมหาศาลเข้ามาควบคุมพรรคการเมืองได้ จึงเห็นว่า วิธีการเลือกตั้ง ส.ส.ต้องไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรค พร้อมกำหนดให้นายกรัฐมนตรีต้องมาจากสภาผู้แทนราษฎร ไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรค หรือ เป็น ส.ส. เพื่อเปิดช่องให้สภาได้เสนอชื่อบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี กรณีที่บ้านเมืองเกิดวิกฤติ เพราะหากนายกรัฐมนตรีสังกัดพรรคการเมือง หรือเป็น ส.ส ก็เท่ากับเป็นการปิดประตูตาย และรัฐธรรมนูญ ก็ไม่สามารถหาทางออกในการแก้ปัญหาได้

อย่างไรก็ตาม การร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้ จะยึดภูมิศาสตร์ สังคม สภาพปัญหาเป็นหลัก และรัฐธรรมนูญที่ร่างมาจะต้องไม่ผูกมัดจนเกินไป
----------------
"บวรศักดิ์" เห็นควร สรุปเนื้อหาร่าง รธน. โดยจะใช้ชื่อ “ร่างรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูป”

นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวในที่ประชุมคณะกรรมาธิการ ว่า เห็นควรให้มีการสรุปเนื้อหาสาระของร่างรัฐธรรมนูญ ที่คณะกรรมาธิการได้ดำเนินการ ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ที่สนใจ ประชาชน และฝ่ายต่าง ๆ ได้รับทราบว่า แนวทางร่างรัฐธรรมนูญเป็นอย่างไร จึงได้มอบให้ นายปกรณ์ ปรียากร และ นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกกรรมาธิการ เป็นผู้ดำเนินการสรุปประเด็นสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญ โดยจะใช้ชื่อ “ร่างรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูป” ซึ่งในร่างดังกล่าว จะเป็นการสรุปเนื้อหาสาระของร่างรัฐธรรมนูญ โดยใช้ภาษาที่กระชับ เข้าใจง่าย และตอบคำถามที่สังคมสงสัย หรือเป็นประเด็นที่หลายฝ่ายต้องการอยากทราบ เช่น การกำหนดนายกรัฐมนตรี ไม่จำเป็นต้องมาจาก ส.ส. ประเด็นที่มาของ ส.ว. เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ร่างรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูป จะต้องทำให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 5 มกราคม 2558 เพื่อที่จะได้นำร่างดังกล่าวไปถามความเห็นของฝ่ายต่าง ๆ รวมถึงประชาชนต่อไป
-----------------------
พล.อ.เลิศรัตน์ เผย กมธ.ยกร่างฯ มีมติไม่ยุบ กกต. ขณะที่คุณสมบัติต้องไม่มีตำแหน่งในพรรคการเมือง 

พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ที่ปรึกษาและโฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงผลการประชุมในประเด็นข้อเสนอให้ยุบองค์กรอิสระบางองค์กร โดยที่ประชุมมีมติให้คงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไว้ตามเดิม โดยให้มีองค์ประกอบ 5 คน เช่นเดิม สามารถดำรงตำแหน่งได้ 6 ปี และทำหน้าที่ได้วาระเดียว

ทั้งนี้ คุณสมบัติต้องมีความรู้เรื่องการเมือง ซื่อสัตย์สุจริต และไม่มีตำแหน่งในพรรคการเมือง มีอำนาจหน้าที่กำกับการดูแลการเลือกตั้ง ให้ใบเหลืองในกรณีที่พบทุจริตในการเลือกตั้ง ส่วนการดำเนินคดีให้ศาลเป็นผู้พิจารณาความผิดและให้ใบแดง ซึ่งในรัฐธรรมนูญอาจมีการจัดตั้งศาลการเลือกตั้ง

อย่างไรก็ตาม กกต. ต้องรับรองผลการเลือกตั้งให้ได้ ร้อยละ 85 เพื่อให้มีผู้แทนเพียงพอในการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรและให้เพียงพอสำหรับเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี
-------------------------
พล.อ.เลิศรัตน์ เผย มติ กมธ.ยกร่างฯ ให้ ป.ป.ช. สามารถส่งฟ้องคดีได้เอง หากเกินเวลา

พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ที่ปรึกษาและโฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเห็นว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีความสำคัญจึงให้คงไว้ ส่วนวาระการทำงานยังไม่ได้ข้อยุติ ได้หารือกันอยู่ระหว่าง 6-9 ปี และสามารถดำรงตำแหน่งได้วาระเดียว ส่วนคุณสมบัติต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต มีประสบการณ์ ต้องไม่มีตำแหน่งในพรรคการเมือง และให้ ป.ป.ช. ฟ้องคดีผ่านอัยการเพื่อนำสู่ศาลได้ แต่หากเกินเวลา ป.ป.ช. สามารถส่งฟ้องคดีได้เอง ส่วนอายุความให้ยกเว้นการนับอายุความในช่วงผู้ถูกกล่าวหาหลบหนี
////////

นายกฯ

นายกฯ เตรียมลงพื้นที่ ตรวจสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ ก่อนร่วมพิธีรำลึก 10 ปี สึนามิ ที่ จ.พังงา 

ความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. วันนี้ ในเวลาประมาณ 08.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคณะ จะเดินทางมาที่ฝูงเครื่องบิน กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก ดอนเมือง เพื่อเดินทางไปตรวจราชการจังหวัดภาคใต้ คือ ในช่วงเช้าจะเดินทางไปที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อรับฟังรายงานและตรวจเยี่ยมผู้ประสบปัญหาอุทกภัย ที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส

หลังจากนั้น ในช่วงเย็น นายกรัฐมนตรีจะเดินทางต่อเนื่องไปเป็นประธานพิธีรำลึกครบรอบ 10 ปี เหตุการณ์ธรณีภัยพิบัติสึนามิ ในมหาสมุทรอินเดีย ณ อนุสรณ์สถานสึนามิ เรือ ต.813 อำเภอตะกั่วป่า
จังหวัดพังงา
---------------
นายกฯ บินลงใต้ ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม ร่วมงานรำลึก 10 ปี สึนามิ ย้ำขอฝ่ายขัดแย้ง ช่วยแก้ปัญหาประเทศ 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ให้สัมภาษณ์ก่อนการเดินทางไปที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อตรวจเยี่ยมสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ ว่า การเดินทางลงพื้นที่ในวันนี้เพื่อตรวจสอบสถาการณ์อุทกภัยใน 5 จังหวัดภาคใต้ และตรวจสอบการให้ความช่วยเหลือที่เคยได้สั่งการไป พร้อมดูในเรื่องความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ และย้ำว่าปัญหาเรื่องน้ำจะต้องแก้ไขให้ได้ในปีหน้า นอกจากนี้จะพูดคุยกับผู้ว่าราชการจังหวัด ในเรื่องความพร้อมของการเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษ และการส่งเสริมอุตสาหกรรม รวมทั้งขอความร่วมมือเอกชนในการตั้งโรงงานต่าง ๆ เพื่อยกระดับเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคใต้ ส่วนที่วันนี้เป็นวันครบรอบ 10 ปี เหตุการณ์ธรณีภัยพิบัติสึนามิในมหาสมุทรอินเดีย นั้น เชื่อว่าทุกคนยังคงเสียใจอยู่ ซึ่งต้องให้ความห่วงใยกับผู้ที่ยังมีชีวิต ทั้งนี้จะต้องนำมาเป็นบทเรียนในการสร้างระบบเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยแผนเผชิญเหตุต่าง ๆ

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ปัญหาของประเทศ จะต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย ซึ่งรัฐบาลได้พยายามทำอย่างเต็มที่ และพร้อมรับฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ที่สร้างสรรค์ และขอร้องฝ่ายที่มีความเห็นขัดแย้งเข้ามาพูดคุยในช่องทางและขอให้มาร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหาให้ได้
---------------------
พล.อ.ประวิตร ประชุมร่วมหน่วยงาน "แผนความมั่นคงแห่งชาติทางทะเล" หาแผนนำสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิด “การประชุมเพื่อชี้แจงแผนความมั่นคงแห่งชาติทางทะเล (พ.ศ.2558 - 2564) ณ ห้องเจ้าพระยา หอประชุมกองทัพเรือ โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับงานด้านความมั่นคงทางทะเล กว่า 400 คน เข้าร่วมประชุม ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ จะทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งภาคเอกชนและภาคประชาชน ได้เข้าใจและรับทราบ อันจะนำไปสู่การขับเคลื่อนแผนความมั่นคงทางทะเลอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน

นอกจากนี้ ในการประชุมครั้งนี้จะมีการจัดอภิปรายกลุ่มเรื่อง "แผนความมั่นคงแห่งชาติทางทะเล จะนำไปสู่ความมั่นคงมั่งคั่ง และยั่งยืนได้อย่างไร"
---------------------------
"ประวิตร" ปัดตอบ เรื่องที่มานายกฯ คนนอก โยน กมธ.รัฐธรรมนูญ ตกผลึก เข้มอาวุธป้องเหตุป่วนเทศกาลปีใหม่

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ มีมติที่มาของนายกรัฐมนตรีว่ามาด้วยการโหวตในสภา แต่ไม่จำเป็นต้องมาจากการเลือกตั้งนั้น ตนเองไม่มีความคิดเห็นในเรื่องนี้ ซึ่งเป็นหน้าที่ของทางคณะกรรมาธิการฯ และสภาปฏิรูปแห่งชาติ ที่จะต้องคิดให้ตกผลึกออกมา ส่วนเรื่องที่นายกรัฐมนตรี คิดจะใช้ ม.44 ในการควบคุมการนำเสนอข่าวสารของสื่อมวลชนนั้น พล.อประวิตร บอกว่า ก็เป็นความคิดที่ดี เพราะทุกวันนี้ สื่อชอบนำเสนอข้อมูลที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งอยู่ตลอด

นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังได้กล่าวถึงการดูแลรักษาความเรียบร้อยในช่วงปีใหม่ โดยเฉพาะเรื่องการใช้อาวุธมาสร้างสถานการณ์ ว่า ทางหน่วยงานความมั่นคง ได้ดูแลในเรื่องนี้อย่างเข้มงวดอยู่แล้ว นับตั้งแต่ที่มีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เกิดขึ้น โดยประชาชนไม่ต้องเป็นห่วง เพราะทางเจ้าหน้าที่จะดูแลความปลอดภัยอย่างดีที่สุด เพื่อให้ประชาชนได้มีความสุขในช่วงเทศกาลปีใหม่
------------
นายกฯ ลงใต้ เยี่ยมน้ำท่วม เปิดงานรำลึก 10 ปี สึนามิ

ภารกิจในช่วงบ่ายของ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เเละหัวหน้าคณะรักษาความสงบเเห่งชาติ ภายหลังตรวจเยี่ยมสถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้ที่จังหวัดนราธิวาส เเล้ว นายกรัฐมนตรี จะรับฟังรายงานสถานการณ์ความมั่นคงจาก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เเละในเวลา 15.00 น. จะเดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาติจังหวัดภูเก็ต เพื่อเดินทางไปยังจังหวัดพังงา ที่อนุสรณ์สถานสึ

นามิ เรือ ต.813 ในเวลา 17.00 น. เพื่อเป็นประธานในพิธีรำลึก 10 ปี สึนามิ ซึ่งกำหนดการเบื้องต้นนั้น จะมีการกล่าวสุนทรพจน์จากผู้แทนฝ่ายต่าง ๆ เเละพิธีวางพวงมาลา โดย นายกรัฐมนตรี จะ
กล่าวคำไว้อาลัย พร้อมจุดเทียนเเสดงความรำลึก หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรี จะเยี่ยมชมนิทรรศการการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติเเละสาธิตอุปกรณ์กู้ภัย
---------------------
พล.อ.ประวิตร ประชุมศูนย์แก้ปัญหาความมั่นคงแบบบูรณาการร่วม-ตรวจเข้มปีใหม่ทุกพื้นที่ หวัง ปชช.ให้ความร่วมมือ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมศูนย์แก้ปัญหาความมั่นคงแบบบูรณาการ ณ ศาลาว่าการกลาโหม โดยมี ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุมและมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อม ผู้ว่าราชการจังหวัดต่าง ๆ เข้าร่วมประชุมผ่านระบบทางไกลด้วย โดย พล.อ.ประวิตร ได้รับฟังแผนและมาตรการดูแลความปลอดภัยในพื้นที่กรุงเทพฯ และจังหวัดที่สำคัญของภูมิภาค และได้สั่งการให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เตรียมแผนงานและ

ปฏิบัติงานร่วมกัน โดยเฉพาะการเตรียมการในมาตรการป้องกันและการเข้มงวดการบังคับใช้กฎหมาย ในการดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน และสถานที่ต่าง ๆ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ พร้อมทั้งให้ความสำคัญในการตรวจค้นอาวุธสงคราม ยาเสพติดและการค้ามนุษย์ในทุกพื้นที่อย่างจริงจัง

ขณะเดียวกัน ก็ขอให้ประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจกับประชาชนและสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ได้ร่วมกันเป็นเครือข่ายเฝ้าระวัง และมีส่วนร่วมกันแก้ปัญหาในห้วงเทศกาลปีใหม่ร่วมกัน
////////////////
ปปช.

ประธาน ป.ป.ช. เผย เร่งสอบ ผอ.กองคลัง เทคโนพระจอมเกล้าฯ ยักยอก 1,600 ลบ. ส่วนสำนวนข้าว G to G เสร็จแล้ว ถก 20 ม.ค.

นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการ เมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา มีการหารือกันถึงกรณีเงินส่วนกลางของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ถูกยักยอกสูญหาย จำนวน 1,600 ล้านบาท โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของมหาวิทยาลัยฯ กับเจ้าหน้าที่ธนาคาร และเกี่ยวข้องกับผู้อำนวยการส่วนการคลัง สถาบันฯ ทั้งนี้ ในเบื้องต้นได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไปรวบรวมข้อมูลในเรื่องดังกล่าวแล้ว ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือนมกราคม 58 เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไป

ส่วนอนุกรรมการไต่สวนฯ กรณีการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ที่มี นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับพวกนั้น ขณะนี้ได้รวบรวมสำนวนส่วนของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และนักการเมืองเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะสรุปเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ ในวันที่ 20 มกราคม 58
---------------------
ป.ป.ช. ไม่พิจารณาคำร้องอดีตรัฐมนตรี 5 ราย ยื่นคัดค้านแต่งตั้ง นายภักดี เป็นอนุกรรมการไต่สวนคดี 2 ล้านล้าน เพราะได้ข้อยุติในชั้นวุฒิสภาแล้ว

นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาตามคำร้องกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี รวม 35 คน กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาหรือกฎหมายอื่น ในการร่วมกันมีมติเห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ.... (พ.ร.บ. 2 ล้านล้าน) คัดค้านการแต่งตั้ง นายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นอนุกรรมการไต่สวนฯ โดยให้เหตุผลว่า นายภักดี ขาดคุณสมบัติความเป็น ป.ป.ช. ตั้งแต่ต้น เพราะไม่ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัท องค์การเภสัช-ไทยเมอริเออชีววัตถุ จำกัด ว่า ทาง ป.ป.ช. ก็ได้ชี้แจงกรณีดังกล่าวไปแล้วว่า กรณีการลาออกของ นายภักดี นั้นเคยมีคนยื่นต่อวุฒิสภาในการขอถอดถอน ซึ่งที่ประชุมวุฒิสภาได้มีมติไม่ให้ นายภักดี พ้นจากตำแหน่ง จึงถือว่าเป็นข้อเท็จจริงที่ได้ข้อยุติไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ก็ต้องรอดูว่าผู้ถูกกล่าวหาจะร้องคัดค้านอนุกรรมการไต่สวนฯ ในกรณีอื่นอีกหรือไม่ หากไม่มีการร้องคัดค้าน คณะอนุกรรมการไต่สวนก็จะดำเนินการกรณีดังกล่าวต่อไป

ทั้งนี้ สำหรับผู้ถูกกล่าวหาที่ส่งหนังสือคัดค้าน นายภักดี มีทั้งหมด 5 คน อาทิ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี
----------------------
//////////////////////
กกต.

เลขาธิการ เผย กกต. กำหนด Road Map การทำงาน 3 ระยะ ทั้งก่อนและหลัง จนกว่าจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า ในช่วงระหว่างนี้ไปจนกว่าจะมีรัฐธรรมนูญแห่งราชอนาจักรไทยฉบับใหม่ คณะกรรมการการเลือกตั้งยังคงเดินหน้าทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติต่อไป โดยกำหนด Road Map ในการทำงาน 3 ระยะ ประกอบด้วย ระยะที่ 1 ก่อนมีรัฐธรรมนูญ เป็นระยะที่มุ่งสร้างความภาคภูมิใจในสถาบันพระมหากษัตริย์และความเป็นไทย ปลูกฝังความเป็นพลเมือง สร้างวิถีประชาธิปไตย ตลอดจนเตรียมความพร้อมในเรื่องการพัฒนา และแก้ไขกฎหมายก่อนมีรัฐธรรมนูญเพื่อเป็นข้อมูลและเสนอสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) การพัฒนาระบบสืบสวนสอบสวนให้มีมาตรฐาน รวดเร็ว ส่วนระยะที่ 2 เมื่อมีรัฐธรรมนูญแล้ว เป็นระยะที่ต้องเร่งสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของ กกต. และระยะที่ 3 เข้าสู่การเลือกตั้ง มุ่งสร้างความรู้ ความเข้าใจในกระบวนการเลือกตั้งและกระตุ้นให้ประชาชน เกิดจิตสำนึกในการเลือกตั้งที่สุจริตและเป็นธรรม
--------------
กกต. ยืนยัน ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากฝ่ายที่ทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะได้ พร้อมปฏิเสธมีหนังสือทักท้วง ไม่เห็นด้วยจากอัยการ

นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. กล่าวถึงแผนการทำงานทำงานของ กกต.ในปี 2558 ว่า กกต. ได้เตรียมแผนงานในกิจการทุกด้านไว้พร้อมแล้ว และสำนักงาน กกต. ยังเตรียมเสนอร่างประกอบรัฐธรรมนูญ แต่ก็ต้องดูก่อนว่ารัฐธรรมนูญนั้นจะออกมาในรูปแบบอย่างไร ส่วนข้อเสนอสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. กรณีอำนาจการให้ใบแดง ได้ให้ความเห็นว่าควรจะให้อำนาจ กกต.ในการให้ใบเหลือง-ใบแดง ก่อนประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส่วน สปช. จะมีความเห็นอย่างไรก็ไม่สามารถไปก้าวล่วงในคำวินิจฉัยได้

ทั้งนี้ นายศุภชัย กล่าวถึงกรณีการหาผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2557 ว่า ขณะนี้ กกต. กำลังรวบรวมพยานหลักฐานอยู่ พร้อมทั้งมีการปฎิเสธว่ายังไม่เห็นหนังสือแย้งจากความเห็นอัยการในเรื่องการฟ้องดังกล่าว เพราะหลักฐานไม่เพียงพอ และยากที่จะดำเนินการฟ้องร้องได้ พร้อมยืนยันว่าเป็นหน้าที่ของ กกต. หาก กกต.ไม่ฟ้อง ก็จะถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และเป็นคนผิดเสียเอง
-----------------
'ภุชงค์' เผย กกต. ทำหน้าที่ครบ 1 ปีแล้ว ยันไม่ย่อท้อต่อการทำงาน ขณะที่ได้ปรับขอบเขตงานเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์

นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า นับตั้งแต่ กกต. ชุดปัจจุบันซึ่งเป็นชุดที่ 4 ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2556 และทำพิธีรับพระบรมราชโองการแต่งตั้งและเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2556 เพื่อไปทำหน้าที่สำคัญ ในการจัดการเลือกตั้งทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่นนั้น โดยขณะนี้ได้ปฏิบัติหน้าที่รวมระยะเวลา 1 ปีเศษ ซึ่งที่ผ่านมา กกต. ได้ปฏิบัติหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้งบนจุดเปลี่ยนของประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความขัดแย้ง

ของคนในชาติ อันเป็นปัญหาอุปสรรคต่อการจัดการเลือกตั้ง แต่ กกต. และพนักงานของสำนักงาน กกต. ก็ไม่ย่อท้อพร้อมที่จะทำงาน ยืนหยัดเคียงคู่กับ กกต.ตลอดช่วงที่ผ่านมา สำนักงาน กกต. ได้ปรับขอบเขตของงานให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญจากคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ หรือ คสช. คือ การทำหน้าที่ฝ่ายธุรการของคณะกรรมการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. ซึ่งได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยมาแล้ว เมื่อเดือนสิงหาคม-กันยายน 2557 ที่ผ่านมา จึงถือเป็นอีกบทบาทหนึ่งของคณะกรรมการการเลือกตั้งและสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่มีส่วนสำคัญ ในการสนับสนุนการปฏิรูปประเทศ
----------------
ศาลปกครองมีคำพิพากษายกฟ้องคดีพิพาท คดีละเมิดหน่วยงานทางปกครองฯ 

วันนี้ (26 ธ.ค.) ที่ศาลปกครอง มีคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง พิพากษายกฟ้องในคดีหมายเลขดำที่ 1295/2556 คดีหมายเลขแดงที่ 2085/2557 ซึ่งเป็นคดีพิพาทระหว่าง พลตำรวจเอกวุฑฒิชัย ศรีรัตนวุฑฒิ (ผู้ฟ้องคดี) กับเลขานุการคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) ในคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ อันเกิดจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ

โดยผู้ฟ้องคดีฟ้องว่า เลขานุการคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ละเลยต่อหน้าที่ไม่เชิญให้ผู้ฟ้องคดีเข้าร่วมการประชุมตั้งแต่การประชุมครั้งที่ 3/2556 - ครั้งที่ 5/2556 กรณีผู้ฟ้องคดีได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ก.ตร. ซึ่งมีหน้าที่เข้าร่วมการประชุมเพื่อลงมติต่าง ๆ ของ ก.ตร. ซึ่งเมื่อผู้ถูกฟ้องคดีไม่เชิญให้ผู้ฟ้องคดีเข้าร่วมการประชุม ทั้งที่ผู้ฟ้องคดียังดำรงตำแหน่ง ก.ตร. ทำให้ผู้ฟ้องคดีไม่มีโอกาสเข้าร่วมการประชุมเพื่อทำหน้าที่ตามกฎหมายและต้องเสียค่าเบี้ยประชุมในการประชุมดังกล่าว

/////////////////////
คดีพงศ์พัฒน์

โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผย เตรียมออกคำสั่งให้ 9 ตำรวจ เอี่ยวบ่อนออนไลน์ออกจากราชการไว้ก่อน ชี้ ยังไม่มีประสานมอบตัว 

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า อยู่ระหว่างดำเนินการทำหนังสือคำสั่งให้นายตำรวจทั้ง 9 นาย ที่ถูกออกหมายจับในคดีปราบปรามโต๊ะพนันฟุตบอลออนไลน์อาบูบาก้า เมื่อปี 2552 เครือข่ายของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ออกจากราชการไว้ก่อนระหว่างรอผลการสอบสวน คาดว่าจะมีคำสั่งได้ภายใน 1-2 วันนี้ ประกอบด้วย

พ.ต.อ.วัชรพล ทองล้วน ผู้กำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม
พ.ต.อ.อธิป แท่นนิล ผู้กำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการปราบปราม
พ.ต.ต.จักรพันธ์ ลีลานันทวงศ์ สารวัตรกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม
ร.ต.อ.นิธิพัฒน์ กังรวมบุตร รองสารวัตรกองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ
พ.ต.อ.สุพัฒน์ ลิ้มอิ่ม ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
พ.ต.ท.อภิสิทธิ์ เมฆประยูร สารวัตรกองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ
พ.ต.ท.วัฒนา ผลงานดี สารวัตรกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม
พ.ต.ท.พิพัฒน์ แฉวงราษฎร์ สารวัตรกลุ่มงานสนันสนุนคดีเทคโนโลยี ปอท.
ร.ต.อ.ศักรินทร์ เกษรเศียร รองสารวัตรกองกำกับการ 4 ปอท.

ทั้งนี้ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวด้วยว่า หลังออกหมายจับได้ทำหนังสือประสานไปยังผู้บังคับบัญชาของหน่วยงานที่ผู้ต้อง
หาซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจ 9 นายสังกัดอยู่ เพื่อให้ส่งตัวมาดำเนินการตามหมายจับในคดีอาญา แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการประสานเพื่อ
ขอเข้ามอบตัวแต่อย่างใด หลังจากนี้หากไม่เข้ามอบตัวเตรียมส่งชุดติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมเตรียมพิจาณา
ออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีนี้เพิ่มเติมในคดีนี้ด้วย

///////////////////
คดีความการเมือง

ศาลอาญา สั่ง ยกฟ้อง "กษิต ภิรมย์" ปราศรัยกล่าวหา "ทักษิณ" สั่งฆ่ามุสลิมภาคใต้ ชี้ เป็นการปราศรัยเพื่อปกป้องประโยชน์ของประเทศ

ศาลอาญา รัชดา อ่านคำพิพากษา ในคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายกษิต ภิรมย์ อดีต รมว.ต่างประเทศ และ บ.ไทยเดย์ ดอทคอม และ บริษัทเอเอสทีวี ร่วมกันเป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จากกรณี เมื่อวันที่ 3 พ.ย./ 11 พ.ย. และ 29 พ.ย. 2551 นายกษิต ได้กล่าวปราศรัย ที่ทำเนียบรัฐบาล กล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ในหลายเรื่อง อาทิ โจทก์ เป็นคนไม่จงรักภักดี ต้องการล้มล้างสถาบัน สั่งเจ้าหน้าที่รัฐฆ่ามุสลิมภาคใต้ ฆ่าตัดตอนผู้ต้องหาคดียาเสพติด และต้องการเป็นประธานาธิบดี

โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ข้อความที่จำเลยปราศรัย เมื่อพิจารณาตามความรู้สึกของประชาชนแล้ว เป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้ แต่จำเลยเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้มีชื่อเสียง และเป็นบุคคลสาธารณะ ประชาชนทั่วไปสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ เห็นว่า การปราศรัยของจำเลยที่ 1 นั้น เป็นการปราศรัยเพื่อปกป้องประโยชน์ของประเทศ ปกป้องสถาบัน เป็นการแสดงความเห็นโดยสุจริต ยังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยหมิ่นประมาทโจทก์ พิพากษายกฟ้อง
-------------------
ศาลอุทธรณ์ ยืนยกฟ้อง จตุพร หมิ่นประมาท อภิสิทธิ์ กล่าวหา เป็นรัฐบาลทรราช สั่งฆ่าประชาชน ปี 52  ชี้เป็นการแสดงความเห็นติชมด้วยความเป็นธรรม 

ศาลอาญา รัชดา นัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดี ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายจตุพร พรหมพันธุ์  ประธาน นปช. เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา

จากกรณี เมื่อวันที่  10 พ.ค.2552 จำเลยได้ปราศรัยด้วยเครื่องกระจายเสียงต่อหน้าประชาชน จำนวนกว่าหมื่นคน ใส่ความ รัฐบาลนายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ (ขณะนั้น) ทำนองว่า  เป็นรัฐบาลภายใต้ทรราชฟันน้ำนม รวมทั้งกล่าวหาว่า โจทก์เป็นคนสั่งทหารให้ไปยิงประชาชน เป็นฆาตกรมือเปื้อนเลือดฆ่าประชาชน  คดีนี้ศาลชั่นต้นพิพากษายกฟ้อง โดยศาลอุทธรณ์พิเคราะห์จากพยานหลักฐานที่โจทก์ -จำเลย นำสืบ แล้วมีเหตุผลให้เชื่อได้ว่า มูลเหตุแห่งคดี ที่จำเลย พูดเพราะเชื่อว่า เป็นข้อเท็จจริง ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น เพื่อป้องกันประโยชน์ของตนเอง  และพูดเพื่อแสดงความเห็นติชมด้วยความเป็นธรรม  ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง นั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืน ยกฟ้อง โดยนายจตุพร กล่าวขอบคุณศาล ที่พิพากษายืนยกฟ้อง ขณะที่ทนายความของนายอภิสิทธิ์  กล่าวว่า เตรียมยื่นฎีกา ต่อไป เพราะ 1 ในองคณะผู้พิพากษา ได้ทำความเห็นแย้งมีความยาวกว่า 20 หน้า โดยมีความเห็นว่า ควรลงโทษจำคุกนายจตุพร โดยไม่รอลงอาญา
---------------------
ศาลอาญา ยังไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราว 4 ชายชุดดำ ชี้พฤติการณ์ร้ายแรง คดีมีอัตราโทษสูง

นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ ได้เดินทางมาศาลอาญา รัชดา เพื่อยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดิน มูลค่า 2.5 ล้านบาท ขอปล่อยชั่วคราว นายกิตติศักดิ์ หรือ อ้วน สุ่มศรี อายุ 45 ปี, นายปรีชา หรือ ไก่เตี้ย อยู่เย็น อายุ 24 ปี, นายรณฤทธิ์ หรือ นะ สุริชา อายุ 33 ปี และ นายชำนาญ หรือ เล็ก ภาคีฉาย อายุ 45 ปี จำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธ เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตได้ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 และข้อหาพกพาอาวุธไปในที่ชุมชนจากกรณีที่พวกจำเลยร่วมกันพาอาวุธ เครื่องกระสุน และวัตถุระเบิด อาทิ เครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79, ปืนเอ็ม 16, ปืนเอชเค 33 หรือ อาก้า ซึ่งนายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ ไปตามบริเวณแยกคอกวัว ถนนตะนาว, ถนนประชาธิปไตย แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร โดยไม่มีเหตุจำเป็น ซึ่งอัยการได้ยื่นฟ้องไปเมื่อวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา

ศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่า ตามคำฟ้องและคำร้องฝากขังเป็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรง และความไม่สงบในการชุมนุมด้วยอาวุธร้ายแรงของกลุ่มติดอาวุธชายชุดดำ ที่กระทำต่อเจ้าหน้าที่บ้านเมือง พฤติการณ์นับว่ามีความร้ายแรง คดีมีอัตราโทษสูง ในชั้นนี้จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ให้ยกคำร้อง
//////////////////////
คนเดินทางกลับบ้าน

ประชาชนเตรียมตัวกลับบ้านช่วงวันหยุดยาวปีใหม่ ขณะถนนพหลโยธินขาออกช่วงรังสิตรถยังเคลื่อนตัวตามปกติ

ความเคลื่อนไหวบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ซึ่งเป็นจุดบริการรถตู้โดยสารสายต่างจังหวัด อาทิ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดนครนายก จังหวัดอ่างทอง และจังหวัดสระบุรี เป็นต้น เริ่มมีประชาชนทยอยมาใช้บริการเป็นจำนวนมากเพื่อเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงวันหยุดยาวของเทศกาศปีใหม่

ส่วนการจราจรบริเวณถนนพหลโยธินขาออกไปยังจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดสระบุรี จำนวนรถยังไม่หนาแน่นมากนักและยังสามารถเคลื่อนตัวได้ตามปกติ ส่วนขาไปทางจังหวัดปทุมธานีและจังหวัดนครนายกยังคงเคลื่อนตัวสลับหยุดนิ่ง ขณะที่ฝั่งขาเข้าถนนพหลโยธิน ดอนเมือง และสะพานใหม่ รถยังสามารถเคลื่อนตัวได้
----------------
รอง ผบช.น. ปล่อยแถวตำรวจอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่สถานีขนส่งหมอชิต พร้อมปิดถนนบริเวณวัดเสมียนนารีเที่ยงวันยัน 6 โมงเช้า

พล.ต.ต.นิพนธ์ เจริญผล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) เป็นประธานปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เทศกิจ กรุงเทพมหานคร และเจ้าหน้าที่สถานีขนส่งผู้

โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) เพื่ออำนวยความสะดวกด้านจราจร บริเวณสถานีขนส่งหมอชิต ให้กับประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา ในช่วงเทศกาลปีใหม่

โดย พล.ต.ต.นิพนธ์ ระบุว่า บริเวณโดยรอบสถานีขนส่งหมอชิต ในช่วงเทศกาลต่าง ๆ จะมีปัญหาด้านการจราจร เพราะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา 6-7 แสนคน ในช่วงเทศกาล ประกอบกับ

ขณะนี้ถนนกำแพงเพชร 2 มีการก่อสร้างทางเชื่อมทางด่วนจึงทำให้ช่องจราจรลดลง

ทางตำรวจจึงร่วมกับสถานีขนส่งหมอชิต จัดระเบียบการจราจรโดยเฉพาะถนนกำแพงเพชร 6 ตั้งแต่แยกวัดเสมียนนารี จนถึง แยก ปตท. จะเปิดให้รถทั่วไปสัญจรในเวลา 06.00-12.00 น. เท่านั้น

และตั้งแต่ 12.00-06.00น. จะปิดถนน เพื่อให้รถทัวร์รับส่งผู้โดยสารเท่านั้น ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 1 มกราคม 2558

นอกจากนี้ ขอให้ประชาชนที่จะเดินทางมาขึ้นรถที่สถานีขนส่งหมอชิต ให้ใช้ถนนกำแพงเพชร หน้าตลาด อ.ต.ก. และกลับรถที่แยกโรงปูน และให้ใช้รถโดยสารสาธารณะที่มีบริการฟรีถึงเวลา 24.00

น.
-----------------------
บขส. เพิ่มเที่ยวรถเป็น 7 พันเที่ยวต่อวัน รองรับผู้โดยสารที่มีมากกว่า 1 แสนคน ในช่วงเทศกาลปีใหม่

นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. เปิดเผยว่า ทางสถานีขนส่งหมอชิตได้มีการเตรียมรถเสริมไว้รองรับประชาชนที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วง

เทศกาลปีใหม่อีก 2,000 เที่ยว รวมเป็น 7,000 เที่ยวต่อวัน ซึ่งสามารถรองรับผู้โดยสารได้กว่า 100,000 คนต่อวัน โดยคาดว่าในวันที่ 29-30 ธันวาคม จะมีผู้โดยสารมากที่สุดประมาณ 200,000 คน

พร้อมกันนี้ ได้จัดเตรียมสถานที่ไว้อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่มารอขึ้นรถโดยสาร รวมถึงมีตำรวจและทหารคอยดูแลความปลอดภัย

ทั้งนี้ นายวุฒิชาติ กล่าวอีกว่า ขอให้ประชาชนมั่นใจในความปลอดภัยระหว่างเดินทาง เพราะทางขนส่งได้ตรวจสารเสพติด แอลกอฮอล์พนักงานขับรถทุกคนก่อนปฏิบัติงาน และระหว่างทางยังมี

การตั้งด่านร่วมกับตำรวจเพื่อตรวจสอบความพร้อมของพนักงานขับรถ โดยรถแต่ละคันจะมีพนักงานขับรถอย่างน้อย 2 คน เพื่อสับเปลี่ยนการปฏิบัติหน้าที่ทุก ๆ 4 ชั่วโมง

นอกจากนี้ ขอให้ประชาชนระวังบุคคลแอบอ้างนำตั๋วมาจำหน่ายในราคาสูง และหากทางขนส่งพบจะมีการเปรียบเทียบปรับในราคาใบละ 10,000 บาท และให้ประชาชนใช้รถโดยสารสาธารณะ

เป็นหลักในการเดินทางมา พร้อมเผื่อเวลาในการเดินทางอย่างน้อย 2 ชั่วโมง
------------------
ตร. ชี้รถออกต่างจังหวัดยังคล่องตัวทุกเส้นทาง ยันดูแลทุกจุดเป็นพิเศษ-ไร้อุบัติเหตุ

พล.ต.ต.สมชาย เกาสำราญ ผบก.กองบังคับการตำรวจทางหลวง เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า การจราจรในเส้นทาง สายเหนือ สายอีสาน สายใต้ ที่ประชาชนจะเดินทางออกต่างจังหวัดช่วงปี

ใหม่ในช่วงนี้ ยังคล่องตัวในทุกเส้นทาง โดยยืนยันว่า จะดูแลในทุกเส้นทางเป็นพิเศษ ทั้งนี้ ยังไม่มีอุบัติเหตุเกิดในเส้นทางดังกล่าวแต่อย่างใด

///////////////////

๑๐ ปีสึนามิ

ปภ.จัดงาน รำลึกครบรอบ 10 ปี ธรณีพิบัติภัยสึนามิ - ส่งเสริมชุมชนรับมือภัยพิบัติ

พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2548 กำหนดให้วันที่ 26 ธ.ค.ของทุกปีเป็นวันป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ เนื่องจากเป็นวันที่เกิดเหตุการณ์ธรรีพิบัติภัยสึนามิในพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งนับเป็นภัยพิบัติรุนแรงที่สุดของประเทศก่อให้เกิดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้เนื่องในวันป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติประจำปี 2557 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 10 ปีเหตุการณ์ธรณีพิบัติภัยสึนามิ กระทรวงมหาดไทย จึงได้ร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายจัดกิจกรรมวันป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ ในวันที่ 26 ธ.ค.57 ณ อนุสรณ์สึนามิ บ้านน้ำเค็ม ตำบลบางม่วง อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ความสูญเสียจากธรณีพิบัติภัยสึนามิ กระตุ้นเตือนให้ประชาชนตระหนักถึงความสูญเสียจากภัยพิบัติและเกิดความตื่นตัวในการเตรียมพร้อมับมือภัยพิบัติ
///////////////////
โยกย้าย ตร.

ผบ.ตร. เลื่อนแต่งตั้งโยกย้าย ตร. ระดับสารวัตรถึงรองผู้การ ปี 57 ให้เสร็จ ภายใน 15 ม.ค. 58 ชี้พร้อมดูแลประชาชนช่วงปีใหม่ทุกด้าน

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ครั้งที่ 15/2557 ว่า การประชุมวันนี้ไม่มีวาระพิเศษใด ๆ มีเพียงการให้การพิจารณา
แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ตั้งแต่ระดับสารวัตรถึงรองผู้บังคับการ ประจำปี 2557 เลื่อนออกไปจากกำหนดเดิมที่ต้องแล้วเสร็จภายใน 31 ธันวาคม เป็นให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 มกราคม 2558

ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าไปกว่าร้อยละ 90 แล้ว เหลือเพียงการตรวจสอบรายชื่อเล็กน้อยเท่านั้น

ซึ่งที่มีความล่าช้าไม่ได้มีสาเหตุมาจากปัญหาที่เกิดขึ้นภายในกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แต่เป็นเพราะต้องมีการไกล่เกลี่ยกำลังพลให้เหมาะสมในทุกหน่วยงาน พร้อมยืนยันว่าการโยกย้ายครั้งนี้ไม่มีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง โดยพร้อมจะให้ความเป็นธรรมและเท่าเทียมต่อทุกคน

ส่วนความคืบหน้าการดำเนินคดีกับเครือข่ายของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และเครือข่าย โดยรูปแบบการดำเนินการจะมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อความถูกและเป็นธรรม โดยยังไม่ทราบว่าจะมีการออกหมายจับใครเพิ่มเติมหรือไม่ ต้องดำเนินการตามพยานหลักฐานและตามข้อเท็จจริง ส่วนการติดตามตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ จะมีการประสานไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อตรวจสอบป้องกันการหลบหนีออกนอกประเทศ

สำหรับมาตรการดูแลประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ จะเน้นการอำนวยความสะดวกด้านจราจร และดูแลความปลอดภัยทุกพื้นที่ ซึ่งทาง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้ประสานนำกำลังเจ้าหน้าที่ทหารช่วยดูแลความสงบเรียบร้อย