PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2558

“ยิ่งลักษณ์” ดิ้นยื่นศาลคัดค้าน อสส.เพิ่มพยาน คดีจำนำข้าว อ้างอยู่นอกสำนวน ป.ป.ช.

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

“ยิ่งลักษณ์” ทำเอกสาร 2 ภาษาแจ้งส่งทนายความยื่นศาลฎีกาฯ คัดค้านอัยการคดีจำนำข้าว อ้างพยานบุคคลและพยานเอกสารของอัยการสูงสุดเพิ่มเติมมากกว่า 60,000 หน้า อยู่นอกสำนวน ป.ป.ช. ยก พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ อ้างต้องใช้สำนวน ป.ป.ช.เท่านั้น หลังอัยการโจทก์เตรียมพยานบุคคลไว้รวมจำนวน 13 ปาก
      
       วันนี้ (27 ส.ค.58) เพจเฟซบุ๊ก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี “Yingluck Shinawatra” เผยแพร่ภาพและข้อความ ระบุว่าไปมอบหมายนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความส่วนตัว Norrawit Larlaeng เดินทางมาที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อเช้านี้เวลา 10.00 น. โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้มอบหมายให้ทีมทนายไปยื่นหนังสือต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ เพื่อคัดค้านพยานบุคคลและพยานเอกสารที่อัยการเพิ่มเข้ามานอกสำนวน
      
       โดยมีใจความว่า “ยิ่งลักษณ์” ยื่นศาลฎีกาฯ คัดค้านอัยการ ระบุเอกสารหลายหมื่นหน้าอยู่นอกสำนวน ป.ป.ช.
      
       น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ (27 สิงหาคม 2558) ได้ยื่นคำร้องโต้แย้งคัดค้านการยื่นบัญชีระบุพยานของฝ่ายอัยการโจทก์ในคดีรับจำนำข้าว เพื่อคัดค้านพยานบุคคลและพยานเอกสารของอัยการสูงสุดที่ได้มีการเพิ่มเติมมากกว่า 60,000 หน้า ซึ่งอยู่นอกสำนวนและไม่ได้ไต่สวนมาก่อนในคดีนี้ และจำเลยไม่มีโอกาสตรวจสอบและคัดค้านมาก่อน
      
       น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2552 มาตรา 5 ก็ระบุอย่างชัดเจนว่า “ในการพิจารณาคดีให้ศาลยึดรายงานของคณะกรรมการ ป.ป.ช.เป็นหลักในการพิจารณา”
      
       “ตามกฎหมายและหลักของความเป็นธรรมโจทก์ไม่มีสิทธิเพิ่มพยานเอกสารและพยานบุคคลนอกเหนือจากสำนวนของ ป.ป.ช.ในชั้นนี้ได้ ถือเป็นการเอาเปรียบทางคดีอย่างไม่ถูกต้อง ซึ่งไม่เป็นธรรมต่อตัวดิฉันเป็นอย่างยิ่ง จึงยื่นคำร้องโต้แย้งไม่ให้ศาลรับพยานหลักฐานดังกล่าว” น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว
      
       ทั้งนี้ ยังมีใจความเป็นภาษาอังกฤษ ระบุว่า Miss Yingluck Shinawatra, former Prime Minister said today that, the legal representatives has submitted a complaint to the court to reject additional witness and documents that was submitted to the court by the attorney general in the rice pledging scheme case. The witness and documents of over 60,000 pages has never been a part of the investigation in this case and the defendant was never given the opportunity to examine both the documents and the witness.
      
       Miss Yingluck also said that section 5 of the Act related to the criminal case for holders of political position stipulates that throughout the proceedings by the court, the court must only use the documents submitted by the NACC.
      
       In accordance to the law and principle of justice, at this stage, the plaintiff has no right to submit additional witnesses and documents that was not previously examined and submitted by the NACC. I must submit the complaints to court to request that the court rejects these evidence and witness because accepting the additional evidence at this stage would be unlawful and will lead to a trial that is biased and unfair towards me.
      
       มีรายงานว่า คดีนี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 19 มี.ค.ที่ผ่านมา นัดฟังคำสั่ง ในคดีหมายเลขดำ อม.22/2558 ที่นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในความผิดฐานละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว
      
       โดยทางอัยการโจทก์ได้เตรียมพยานบุคคลไว้รวมจำนวน 13 ปาก ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่รัฐและเจ้าหน้าที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รวมทั้งพยานเอกสาร พยานวัตถุต่างๆ แผ่นซีดี โดยระบุไว้ในการจัดทำบัญชีพยาน เพื่อให้ข้อเท็จจริงส่วนใหญ่รับฟังได้เป็นที่ยุติว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องอย่างไรบ้าง และเพื่อยืนยันการได้มาซึ่งเอกสารราชการต่างๆ รวมทั้งประเด็นในข้อกฎหมายว่าจำเลยมีการกระทำฝ่าฝืนกฎหมายหรือไม่ ซึ่งขณะนี้พยานหลักฐานฝ่ายโจทก์น่าจะเพียงพอแล้ว
      
       “ทางอัยการมั่นใจว่าหลักฐานครบถ้วนทุกประเด็นตามที่ทางอัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องเพื่อให้ศาลรับฟังเป็นที่ยุติได้ ส่วนจะสามารถเอาผิดให้ศาลลงโทษจำเลยได้หรือไม่นั้น สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล ส่วนพยานหลักฐานของฝ่ายจำเลยจะยื่นบัญชีพยานเท่าไหร่บ้างนั้น จะต้องรอดูในวันนัดตรวจพยานหลักฐานอีกครั้ง” รายงานข่าวระบุ

ไม่มีความคิดเห็น: