PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ผู้ใหญ่บ้านยังผวา! ประกาศปิดที่ทำการหนีตาย หลังถูก ตร.ตั้งด่านลอยล็อกคอตรวจยัดข้อหา

4 กุมภาพันธ์ 2559 20:23 น. (แก้ไขล่าสุด 5 กุมภาพันธ์ 2559 10:27 น.)
ผู้ใหญ่บ้านยังผวา! ประกาศปิดที่ทำการหนีตาย หลังถูก ตร.ตั้งด่านลอยล็อกคอตรวจยัดข้อหา
         
       นครศรีธรรมราช - ผู้ใหญ่บ้านขึ้นป้าย “หนีตาย ไปร้องทุกข์” เผยสาเหตุ อส.ตร.ทำเกินหน้าที่ ล็อกคอเหมือนนักโทษขณะขับรถ จยย.ตรวจพื้นที่ พร้อมแจ้งความ ตร.หัวหน้าชุดที่อยู่ในเหตุการณ์ละเลยการปฏิบัติหน้าที่
       
       วันนี้ (4 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงายว่า ที่หน้าบ้านพักริมถนนทุ่งสง-นาบอน เลขที่ 68/1 ม.6 ต.ชะมาย อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช บ้านของ นายวีระวัฒน์ เรืองจรัส อายุ 52 ปี หรือ “ผู้ใหญ่บ่าว” ได้มีการขึ้นแผ่นป้ายไวนิลขนาดใหญ่ปิดอยู่ที่ประตูรั้วหน้าบ้าน โดยตลอดทั้งวันมีชาวบ้านที่ขับรถสัญจรไปมาแวะดู และอ่านป้ายไวนิลดังกล่าวตลอดเวลา เนื่องจากเห็นว่าข้อความที่เขียนไว้ระบุถึงการถูกคุกคามต่างๆ นานา จากผู้มีอิทธิพล และเจ้าหน้าที่บางหน่วยงาน
       
       โดยข้อความที่เขียนในป้ายไวนิลดังกล่าวมีใจความว่า “ผู้ใหญ่บ่าวหนีตาย เดินทางไปร้องทุกข์ ปิดที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน ปิดร้านค้า กลัวอิทธิพล กลัวเครือข่ายเจ้าหน้าที่ไม่มีตำแหน่ง ไม่มีสังกัด ไม่มีผู้บังคับบัญชา แอบซุกยาเสพติด สมคบคิดชี้มูลให้เจ้าหน้าที่ชั่ว (บางคน) ที่อยู่ในคราบโจร เข้ามาตรวจค้นจับกุมยัดเยียดข้อกล่าวหา จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และขออนุญาตพ่อแม่พี่น้องประชาชนเดินทางไปร้องเรียน ร้องทุกข์ กล่าวโทษ และขอความเป็นธรรม และจะนำข้อร้องเรียนของพ่อแม่พี่น้องประชาชนในกรณีค้นบ้าน ค้นบุคคล หรือยานพาหนะ ในพื้นที่ตำบลชะมาย ต้องเป็นพนักงาน เจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มีตำแหน่ง มีสังกัด มีผู้บังคับบัญชา มีบัตรประจำตัวข้าราชการตามที่กฎหมายกำหนด สิทธิเสรีภาพของประชาชนต้องได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย”
         
ผู้ใหญ่บ้านยังผวา! ประกาศปิดที่ทำการหนีตาย หลังถูก ตร.ตั้งด่านลอยล็อกคอตรวจยัดข้อหา
         
       ขณะที่ภายในบ้านดังกล่าวไม่พบใครอยู่ ผู้สื่อข่าวจึงประสานงานทางโทรศัพท์เพื่อสอบถามนายวีระวัฒน์ เรืองจรัศ หรือ “ผู้ใหญ่บ่าว” ได้รับการเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 ม.ค. ขณะที่ตนขี่รถจักรยานยนต์ออกตรวจพื้นที่ในหมู่บ้านตามปกติ ได้เจอด่านตรวจที่บริเวณรอยต่อระหว่าง ม.6 และ ม.8 ของ ต.ชะมาย ซึ่งมีตำรวจ สภ.ทุ่งสง และอาสาสมัครตำรวจ (อส.ตร.) ประมาณ 10 คน ตั้งเป็นด่านลอยไม้รู้ทำถูกตามที่นายกรัฐมนตรีสั่งหรือไม่ แล้วคอยตรวจค้นผู้ที่ขับรถผ่านไปมา
       
       หลังจากตนขี่รถจักรยานยนต์ผ่านไป มี อส.ตร.คนหนึ่งกระโดดเข้าล็อกคอตนเหมือนจับเป็นนักโทษหนีคดี แล้วตรวจค้นพบอาวุธปืนขนาด .357 ซึ่งเป็นปืนพกประจำตัว มีทะเบียน และใบอนุญาตพกพาถูกต้อง ออกโดย นายทศพร จันทรประวัติ นายอำเภอทุ่งสง เมื่อเห็นใบพกแล้วบอกว่าเป็นอนุญาตที่ไม่ถูกต้อง เป็นแค่บัตรอนุเคราะห์เท่านั้น ก่อนพาตนไปที่โรงพัก ปรากฏว่าเมื่อ พ.ต.อ.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผกก.สภ.ทุ่งสง เห็นก็ได้ขอโทษ และปล่อยตัวกลับโดยไม่แจ้งข้อหาใดๆ
         
ผู้ใหญ่บ้านยังผวา! ประกาศปิดที่ทำการหนีตาย หลังถูก ตร.ตั้งด่านลอยล็อกคอตรวจยัดข้อหา
         
       ต่อมา ตนเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.สมศักดิ์ แก้วแสน พนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งสง ให้ดำเนินคดีต่อตำรวจหัวหน้าชุดตั้งด่านลอย และพวกในข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งมีการลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว หลังจากนั้น ตนได้ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.เพื่อดำเนินการในเรื่องนี้ แต่ต้องมาผวาหนัก และเหมือนว่ากำลังตนเองถูกคุกคามมาตลอด เพราะมีชายฉกรรจ์มาเดินป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณบ้านบ่อยครั้งในยามวิกาล ทำให้เกรงว่าตนเอง และครอบครัวจะไม่ปลอดภัย
       
       นายวีระวัฒน์ หรือ “ผู้ใหญ่บ่าว” กล่าวอีกว่า สิ่งที่ทำให้มีความขัดข้องในเป็นอย่างมากคือ อส.ตร.มีอำนาจแค่ไหนที่แสดงอำนาจบาตรใหญ่ใส่ชาวบ้าน กระโดดล็อกคอกอดรัดฟัดเหวี่ยงยังกับจับโจรผู้ร้าย ทั้งๆ ที่ตนบอกแล้วว่าเป็นผู้ใหญ่ มาจากตรวจตราหมู่บ้านก็ยังไม่ฟัง จึงอยากจะทราบว่า อส.ตร.มีบทบาทอย่างไร มีกฎหมายอะไรรับรอง ทำถูกต้องหรือไม่ ที่ผ่านมา ชาวบ้านโดนกันมาเยอะ และในวันนี้ (4 ก.พ.) ตนจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อร้องเรียนเรื่องนี้ต่อไป
       
       อย่างไรก็ตามทางนายทศพร จันทรประวัติ นายอำเภอทุ่งสง ได้ทราบเรื่องแล้ว พร้อมสั่งการให้ นายศรีวิทย์ ช่วยสง ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงอำเภอทุ่งสง ไปพบ นายวีระวัฒน์ หรือ “ผู้ใหญ่บ่าว” เพื่อรับทราบรายละเอียดเพิ่มเติม พร้อมขอร้องให้ปลดแผ่นป้ายไวนิลลง และจะส่งกำลัง อส.ของอำเภอทุ่งสงเดินทางไปคอยดูแล และให้ความปลอดภัยต่อ นายวีระวัฒน์ หรือ “ผู้ใหญ่บ่าว” และครอบครัวต่อไป
         

ไม่มีความคิดเห็น: