PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2559

วัฒนายันไปตามนัดคสช.

"ผมจะไปตามนัด"

ผมได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คยืนยันว่า คสช. ไม่มีอำนาจควบคุมตัวผมเพราะการแสดงความเห็นของผมที่ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญไม่เป็นความผิดตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ต่อมาทีมโฆษก คสช. ได้เปลี่ยนข้อกล่าวหาใหม่ว่าผมผิดข้อตกลงที่เคยลงนามไว้ ซึ่งผมก็ได้ส่งข้อตกลงมาให้ดูเป็นหลักฐานแล้วว่าไม่เป็นความจริง บัดนี้ ทีมโฆษก คสช. เปลี่ยนข้อกล่าวใหม่อีกว่า ผมผิดข้อตกลงที่มาพบเจ้าหน้าที่กว่า 4 ครั้งและได้ลงนามทำข้อตกลงแบบลูกผู้ชายไว้

ผมจำเป็นต้องตอบ คสช. เพื่อพิสูจน์ความจริงว่า ผมเป็นนักการเมืองที่มาจากประชาชนแม้จะไม่มีกำลังและอาวุธ แต่มีเกียรติและศักดิ์ศรีที่จะไม่กล่าวคำเท็จเพื่อประโยชน์ทางการเมือง เมื่อ คสช. ยึดอำนาจการปกครอง ผมถูกควบคุมตัว 3 วัน ผมได้ลงนามทำข้อตกลงกับเจ้าหน้าที่เพียงครั้งเดียวตามเอกสารที่โพสต์มาให้ดูแล้ว จากนั้นผมถูกนำตัวไปปรับทัศนคติเพราะการแสดงความเห็นอีก 3 ครั้ง ทุกครั้งก่อนปล่อยตัวผมไม่เคยลงนามว่าจะไม่แสดงความคิดเห็น ท่านกล่าวหาผมในนาม คสช. จึงต้องมีหลักฐานไม่ใช่กล่าวหาลอยๆ ผมเตือนความจำให้ว่าครั้งแรกผมถูกเรียกไปที่กองทัพภาค 1 ส่วนครั้งที่ 2 และ 3 ถูกควบคุมตัวที่ มทบ. 11 กรุณาเรียกหลักฐานข้อตกลงที่อ้างจากหน่วยที่ควบคุมตัวผมมายืนยัน เพื่อแสดงความเป็นสุภาพบุรุษและความเป็นทหารของผู้กล่าวหา

ผมจะไปพบ คสช. ในวันจันทร์ที่ 18 เมษายน เวลา 11.00 น. ตามนัด แต่ผมไม่ได้ทำผิดกฎหมายและไม่เคยทำผิดข้อตกลง คสช. จึงไม่มีอำนาจมาควบคุมตัวผม อีกทั้งผมไม่ยินดีและไม่รับเชิญที่จะไปพูดคุยใดๆ กับ คสช. หากผมต้องไปก็ด้วยถูกกำลังบังคับอันเป็นการใช้อำนาจตามอำเภอใจที่ผมไม่อาจขัดขืนได้ ผมยืนยันว่าการจำกัดสิทธิในการแสดงความคิดเห็นขัดกับมาตรา 4 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่ คสช.เป็นผู้ขอพระราชทานมาใช้บังคับเองและยังขัดกับข้อ 19 แห่ง "ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน" (The Universal Declaration of Human Rights) ของสหประชาชาติที่ประเทศไทยรับรอง (endorsement) พร้อมกับอีก 48 ประเทศมาตั้งแต่ พ.ศ. 2491 จึงเป็นพันธกรณีต้องปฏิบัติตาม นอกจากนี้การนำตัวผมไปควบคุมโดยมีข้ออ้างเป็นการปรับทัศนคติ ยังขัดกับข้อ 5 และข้อ 9 ของปฏิญญาดังกล่าวที่ห้ามย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และจับกุมคุมขังตามอำเภอใจ อันถือได้ว่าเป็นอาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ (crime against humanity) อีกด้วย

ผมเพียงแสดงความเห็นหรือติชมโดยสุจริตบนความหวังดีต่อบ้านเมือง จึงไม่ใช่เรื่องการท้าทายอำนาจของ คสช. และไม่ใช่การกระทำให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนเพื่อให้เกิดการก่อความไม่สงบในราชอาณาจักร ผมต่อสู้แบบสันติและอหิงสาเพื่อต้องการให้ประเทศไทยมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์บนหลักนิติธรรม ซึ่งผมเชื่อว่าจะเป็นถนนที่นำพาประเทศชาติไปสู่ความปรองดองอย่างยั่งยืน คสช. อาจใช้กำลังบังคับหรือคุมขังผมได้แต่จะเปลี่ยนความเชื่อและความศรัทธาที่ผมมีต่อประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยไม่ได้

วัฒนา เมืองสุข
พรรคเพื่อไทย
17 เมษายน 2559

ไม่มีความคิดเห็น: