PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2559

สหประชาชาติห่วงบทบาทรัฐบาลทหารไทย หลังออกกฎหมายเพิ่มอำนาจกองทัพ ทั้งปิดกั้นผู้เห็นต่าง

สหประชาชาติห่วงบทบาทรัฐบาลทหารไทย หลังออกกฎหมายเพิ่มอำนาจกองทัพ ทั้งปิดกั้นผู้เห็นต่างหนักมือก่อนการลงประชามติรัฐธรรมนูญ
นายไซอิด ราเอด อัล ฮุสเซน ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กล่าวแสดงความกังวลต่อบทบาทของทหารที่แทรกแซงการบริหารงานด้านพลเรือนมากขึ้น รวมทั้งการลิดรอนสิทธิผู้เห็นต่างในช่วงที่ไทยเตรียมลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ โดยชี้ว่าตั้งแต่มีการเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ผู้วิพากษ์ร่างรัฐธรรมนูญหลายรายถูกคุกคามและถูกจับกุมควบคุมตัวโดยพลการ รวมทั้งกรณีของนายวัฒนา เมืองสุข และนักปกป้องสิทธิมนุษยชน 5 คนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วย
นายไซอิดได้แสดงความกังวลต่อการจำกัดการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทหารว่า จะยิ่งทำให้นายกรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐรายอื่นๆ แสดงความเห็นอย่างแข็งกร้าวมากขึ้น ส่วนกฎหมายใหม่ที่จะบังคับใช้ในการลงประชามติได้จำกัดขอบเขตในการแสดงออกของทั้งฝ่ายสนับสนุนและคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งกฏหมายดังกล่าวอาจถูกนำไปตีความตามอำเภอใจและนำไปใช้ปราบปรามฝ่ายที่คัดค้านร่างรัฐธรรมนูญได้
“การเปิดให้ประชาชนทั่วไปอภิปรายถึงร่างรัฐธรรมนูญอย่างเสรี จะเป็นผลดีต่อการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวของคนในชาติ ทำให้รัฐธรรมนูญมีความชอบธรรม ได้รับการยอมรับและประชาชนมีความรู้สึกเป็นเจ้าของรัฐธรรมนูญร่วมกัน ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญในการสร้างพื้นฐานประชาธิปไตยที่มั่นคงของไทย” นายไซอิดกล่าว
นอกจากนี้ นายไซอิดยังกล่าวถึงการที่รัฐบาลทหารไทยออกคำสั่งใหม่หลายฉบับเพื่อเพิ่มบทบาทของทหารในการปกครอง อาทิ คำสั่ง คสช.ที่ 13/2559 ที่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ทหารดำเนินการต่อผู้กระทำผิดได้เสมือนเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่ให้ทหารมีบทบาทในการกำหนดนโยบายและบังคับใช้กฎหมาย
“การเพิ่มอำนาจทหารไม่ใช่คำตอบในการปฏิรูปโครงสร้างทางการเมืองของไทยเสียใหม่ นอกจากนี้ ไทยยังมีสถาบันพลเรือนที่มีความสามารถ จึงควรหาทางเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับสถาบันเหล่านี้ ไม่ใช่ทำให้ระบบนิติรัฐและธรรมาภิบาลอ่อนแอลง จึงขอให้รัฐบาลทหารของไทยสั่งระงับใช้กฏหมายเหล่านี้อย่างเร่งด่วน” นายไซอิดกล่าว
ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ยังได้เรียกร้องให้โอนทุกคดีที่เกี่ยวข้องกับพลเรือนจากศาลทหารไปยังศาลพลเรือน และเรียกร้องให้รัฐบาลไทยดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อคืนประชาธิปไตย ตลอดจนปฏิบัติตามกฎบัตรอาเซียนและสนธิสัญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศที่ไทยได้ให้สัตยาบันไว้
(ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ: นายไซอิด ราเอด อัล ฮุสเซน ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ)

ไม่มีความคิดเห็น: