4 ก.ค.59 ที่กระทรวงยุติธรรม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) บอกว่าอาจจำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษจัดการปัญหา พระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และนายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ออกมาหนุนแนวคิดดังกล่าวเสนอให้ใช้มาตรา 44 นั้น ว่า "ผมตีความว่าเป็นแนวคิดที่ว่าอาจไปถึงจุดนั้นได้ถ้าปัญหายังไม่จบ หากยังไม่จัดการให้เรียบร้อยด้วยกฎหมายปกติแล้ว ก็ต้องนำไปสู่การใช้กฎหมายพิเศษ ซึ่งขณะนี้ทุกฝ่ายกำลังทำอยู่ และนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ฝ่ายปกครองของสงฆ์ ขณะเดียวกันมีพนักงานสอบสวนด้วย แต่หากทำไม่ได้จริงๆ ก็เหมือนกฎหมายอื่นๆ ที่มีอยู่แล้ว แก้ปัญหาไม่ทันการณ์ ซึ่งผมเห็นแนวทางการทำงานแล้วว่า ถ้าแก้ปัญหานี้ไม่ได้ก็ต้องไปบอกนายกฯ ก็เป็นการรับรู้ว่าท่านเปิดโอกาสให้เราแล้ว ซึ่งผมก็คงรับทราบตามนี้
ทั้งนี้ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวต่อว่า ตนเห็นเราไม่ควรจะนำมาตรา 44 ไปใช้ เพราะเป็นการทำผิดกฎหมายที่ไม่ใหญ่อะไรมาก แต่พวกเราก็เข้าใจว่าเริ่มมีการใช้วิธีการอื่นๆ มาใช้ขัดขวางการปฏิบัติตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ในการทำงาน ดังนั้น จึงอาจมีความจำเป็นต้องไปถึงตรงนั้นก็ได้
"ผมยืนยันว่าถ้าออกมาตรา 44 มาใช้ ต้องจัดการเรื่องนี้ได้ ไม่อย่างนั้นจะออกมาทำไม ซึ่งต้องคิดให้รอบคอบว่าจะใช้หรือไม่ใช้ อย่างไรก็ตาม อยากจะให้ใช้กฎหมายปกติ แต่วันนี้ยังไม่จบ ต้องไปถามผู้ปฏิบัติ คือ พนักงานสอบสวน และสำนวนเรื่องนี้อยู่ที่อัยการ ดังนั้น ต้องไปถามสองหน่วยนี้ว่ามีความพร้อมหรือยัง แต่ตามที่นายกฯ พูด คงต้องพึ่งอำนาจพิเศษของ คสช.แล้วมั้ง ซึ่งก็จะต้องไปชี้แจงให้ท่านทราบ" รมว.ยุติธรรม กล่าว
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมานายกฯ พูดมาตลอดว่า จะพยายามไม่ให้ใช้อำนาจนี้ฟุ่มเฟือย ต้องใช้ให้เกิดประโยชน์จริงๆ ต่อส่วนรวม เพราะทำให้เรื่องนี้เจ้าหน้าที่ไม่ต้องละเว้นการปฏิบัติตามหน้าที่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น