PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ทีมบึ้มรับงานผู้มีอิทธิพล3จว.ใต้?

ที่มา : แนวหน้า

18 ส.ค. 59 จากกรณีเหตุระเบิดหลายจุดในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ ภายหลังเกิดเหตุชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเพื่อหาความเชื่อมโยง กระทั่งเมื่อช่วงค่ำวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานด้านกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วย พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ เสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาฝ่ายกฎหมาย คสช. เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องจากเหตุระเบิดดังกล่าว ในความผิดฐานชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป และกระทำการเข้าข่ายอั้งยี่ หลังจากเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงพบความเชื่อมโยงของขบวนการก่อความไม่สงบ ซึ่งมีทั้งหมด 17 คน ถูกควบคุมตัวในมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) จำนวน 17 คน และบางส่วนอยู่ระหว่างการติดตามตัว ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว นั้น
ความคืบหน้า เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (18 ส.ค.) ที่ บก.ป. มีรายงานว่า พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ เสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาฝ่ายกฎหมาย คสช. ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้ปากคำและมอบเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม หลังจากทาง พล.ต.วิจารณ์ เข้าแจ้งความดำเนินคดีไว้
มีรายงานว่า ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงได้ควบคุมตัวผู้ที่มีความเชื่อมโยงกลุ่มขบวนการก่อความไม่สงบไว้ได้ทั้งหมด 17 คน ก่อนคุมตัวไว้ที่ มทบ.11 โดยเป็นชาย 13 คน และหญิง 4 คน ซึ่ง 6 ใน 17 คน เป็นแกนนำสำคัญ ทำหน้าที่ประสานงานติดต่อและเคลื่อนไหวต่อต้าน คสช. อย่างไรก็ดี ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ พนักงานสอบสวน บก.ป.จะรวบพยานหลักฐานเพื่อขออำนาจศาลทหาร ออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ในฐานความผิดตามคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 ห้ามการชุมนุมหรือมั่วสุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 กระทำการเข้าข่ายอั้งยี่

มีรายงานด้วยว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทหาร ได้เข้าคุมตัวนายสรศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อาชีพซื้อ-ขายของเก่า ไปคุมตัวเพื่อสอบสวนหลังจากพบความเชื่อมโยง จากนั้นช่วงค่ำวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา ทหารได้เข้าตรวจค้นบ้านพักของนายสรศักดิ์ ย่านถนนเลียบมอเตอร์เวย์ทับช้าง สามารถตรวจยึดอาวุธปืนอาก้า 1 กระบอก พร้อมแม็กกาซีน 2 อัน และเครื่องกระสุน 31 นัด ซุกซ่อนไว้ในท่อน้ำพีวีซีสีฟ้า ภายในบ้านพักหลังดังกล่าว

ขณะเดียวกันมีรายงานอีกว่า ทีมสืบสวนได้แบ่งกลุ่มขบวนการก่อเหตุในครั้งนี้ออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.กลุ่มผู้บงการหรือหัวหน้าขบวนการที่ว่าจ้างในการทำระเบิด 2.กลุ่มผู้ประสานงานติดต่องานและเคลื่อนไหว และ 3.กลุ่มผู้ประกอบระเบิดและวางระเบิด โดยผู้ต้องหาทั้ง 17 คน ที่ถูกออกหมายจับนั้น เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผู้ประสานงาน เป็นขบวนการที่ต่อต้านการรัฐประหาร หรือที่ทางทหารเรียกว่าเป็นกลุ่มแดงฮาร์ดคอร์ ความเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ จ.นนทบุรี จ.ปทุมธานี และในอีกหลายจังหวัดทั่วประเทศ โดย 17 คนนี้ จะทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างกลุ่มที่เป็นผู้ว่าจ้างหรือหัวหน้าขบวนการ ซึ่งตามแนวทางการสืบสวนพบว่า เป็นกลุ่มนักการเมืองที่มีอิทธิพลในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ กับกลุ่มผู้ลงมือประกอบระเบิดและวางระเบิดในพื้นที่ 7 จังหวัด ซึ่งการสืบสวนพบกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ทั้งนี้ ทั้งหมดมีการแบ่งกันหน้าที่กันทำอย่างเป็นระบบ คือ กลุ่มหาวัสดุในการประกอบระเบิด กลุ่มที่ลงมือประกอบระเบิด และกลุ่มที่นำระเบิดไปวางตามสถานที่ต่างๆ และสำหรับชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 7 และชุดสืบสวนของตำรวจ บก.ป.ที่เข้าคลี่คลายคดีระเบิดที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พบแล้วว่าคนร้ายที่มาวางระเบิดหัวหิน มี 3 คน วางระเบิดรวม 6 จุด เดินทางด้วยรถโดยสารจากพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อวางระเบิดเสร็จก็เดินทางกลับออกจากพื้นที่หัวหิน ทันที ก่อนจะมีการจุดระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว

รายงานข่าวจากชุดสืบสวนหน่วยงานด้านความมั่นคง ระบุว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุทั้ง 17 คน มีการเคลื่อนไหวในนาม "พรรคแนวร่วมปฏิวัติประชาธิปไตย" หรือ นปป. มีจุดประสงศ์ของพรรค คือต้องการที่จะปฏิวัติการปกครองให้เป็นแนวทางสังคมนิยม หรือคอมมิวนิสต์ แบบพวกซ้ายเก่า ใช้แนวคิดของพรรคคอมมิวนิสต์ในอดีต เป็นแนวทางเคลื่อนไหวกันมานับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2558 ใช้สถานที่เป็นบ้านพักในย่านบางกรวย จ.นนทบุรี เป็นที่ประชุมวางแผน รวมทั้งมีการนัดหมายย่อยๆ กันตามร้านอาหาร และสถานที่ต่างๆ หลายครั้ง และยังมีกลุ่มแนวร่วมในพื้นที่จังหวัดอื่นๆ เช่น จ.ปทุมธานี จ.สุพรรณบุรี จ.พัทลุง ฯลฯ

สำหรับการประชุมการเคลื่อนไหวแต่ละครั้งก็จะมีการระดมมวลชน ที่มีความเห็นต่างทางการเมือง กระจายตัวกัน และแบ่งความรับผิดชอบออกเป็น 11 เขตพื้นที่ทั่วประเทศ ยกเว้นภาคใต้ตอนล่าง และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการแบ่งงานกันอย่างชัดเจนเป็น เช่น ฝ่ายมวลชน ฝ่ายจัดหาอาวุธ ฝ่ายระดมทุน ฝ่ายการต่างประเทศ เป็นต้น โดยร่วมมือกับกลุ่มหัวรุนแรงที่มีความเห็นต่าง รวมทั้งขบวนการบีอาร์เอ็นที่แตกแถวมารับงานจ้างก่อเหตุ โดยเมื่อวันที่ 5 ส.ค. ก่อนวันลงประชามติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ 2 วัน ก็พบความเคลื่อนไหวในการเตรียมพร้อมก่อเหตุก่อนและหลังประกาศผลการลงประชามติ อย่างไรก็ดี ในกลุ่มแกนนำหลักทั้ง 6 คน ที่คุมตัวนั้น จากการสอบสวนเบื้องต้น มี 3 ราย ที่รับสารภาพว่าเป็นหัวหน้าเขต

รายงานข่าวระบุว่า ผู้ต้องหาที่ถูกตำรวจออกหมายจับศาลทหารออกหมายจับ ประกอบไปด้วย 1.นายประพาส (สงวนนามสกุล) 2.นายสรศักดิ์ (สงวนนามสกุล) 3.นายชินวร (สงวนนามสกุล) 4. นายวีระชัฎฐ์ (สงวนนามสกุล) 5.นายศิริฐาโรจน์ (สงวนนามสกุล) 6.นายปราโมทย์ (สงวนนามสกุล) 7.นายณรงค์ (สงวนนามสกุล) 8.นายวิเชียร (สงวนนามสกุล) 9.นายวิโรจน์ (สงวนนามสกุล) 10.นายศรวัชษ์ (สงวนนามสกุล) 11.นายเหนือไพร (สงวนนามสกุล) 12.นายบุญภพ (สงวนนามสกุล) 13.ร.ต.ท.สมัย (สงวนนามสกุล) 14.ร.ต.ต.หญิงวิไลวรรณ (สงวนนามสกุล) 15.ด.ต.ศิริรัตน์ (สงวนนามสกุล) 16.น.ส.รุจิยา (สงวนนามสกุล) และ 17.น.ส.มีนา (สงวนนามสกุล) นอกจากนี้ในส่วนของนายสรศักดิ์ ยังถูกศาลทหารออกหมายจับเพิ่มอีก 1 ข้อหา คือ มีอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่ได้รับอนุญาตไว้ในความครอบครอง

ทั้งนี้ ตามแนวทางการสืบสวนพบว่า ในการประกอบระเบิดครั้งนี้ เป็นฝีมือของ นายอาหะมะ (สงวนนามสกุล) ชาว จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นแนวร่วมก่อความไม่สงบในพื้นที่ อ.ตากใบ โดยพบว่าภายหลังก่อเหตุได้หลบหนีไปกบดานที่ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัวแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น: