PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ข่าว21/2/60

โรงไฟฟ้าถ่านหิน

นายกฯ เข้าทำเนียบแล้ว เตรียมประชุม ครม. จับตาความชัดเจน ตามมติ กพช. ทบทวน EHIA เรื่องโรงไฟฟ้าถ่านหินหรือไม่

ความเคลื่อนไหวที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงเช้าวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เดินเข้ามายังทำเนียบรัฐบาลแล้ว เพื่อเป็นประธานในการประชุมคณะรัฐมนตรี ประจำสัปดาห์ ที่ตึกบัญชาการ 1 ในเวลา 09.00 น. ซึ่งในจะวันนี้ติดตามว่าคณะรัฐมนตรีจะมีมติอย่างไรเกี่ยวกับการดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) กรณีการดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่ ภายหลังนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งให้ทบทวนรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA)

ส่วนวาระการประชุมคณะรัฐมนตรีที่น่าสนใจอื่น ๆ นั้น ทางด้านกระทรวงคมนาคมจะเสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การบินพลเรือน (พ.ศ....) ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศจะเสนอการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ กรณีสาธารณรัฐโกตดิวัว ด้านกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จะเสนอร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ว่าด้วยความร่วมมือต่อต้านการค้ามนุษย์
----------
มท.1 ยังไม่พบม็อบต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินขยายวงกว้าง กำชับ ผู้ว่าฯ ดูแลให้เกิดความเรียบร้อย เร่งสอบคุณสมบัติ ผู้ว่าฯ กปภ.

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการเคลื่อนไหวคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่ ว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องดูแลให้เกิดความสงบเรียบร้อย และให้การสนับสนุนถ้าจะต้องดำเนินการ ในเรื่องของการศึกษารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม หรือ EIA และการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ  หรือ EHIA ซึ่งเป็นการดูแลความสงบเรียบร้อยโดยทั่วไป ส่วนข้อกังวลการต่อต้านว่าจะขยายวงกว้างในพื้นที่ภาคใต้นั้น ขณะนี้เหตุการณ์ยังปกติ ไม่มีอะไรขยาย ไม่ได้มีการเตรียมรับสถานการณ์หลัง ครม. มีมติพิจารณาหลักเกณณ์ EIA และ EHIA อย่างไร ในวันนี้ เพราะทุกอย่างปกติ การดำเนินการต้องเป็นไปด้วยเหตุและผล

พร้อมกันนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. แสดงความเห็นถึงคุณสมบัติของ นายเสรี ศุภราทิตย์ ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค หรือ กปภ. ว่า ได้มอบหมายให้ประธานกรรมการบริหารพิจารณา สอบถามไปยังหน่วยงานที่จะชี้แจงได้ว่าการจัดสรรบุคคลเข้ามาเป็นผู้ว่า กปภ. เป็นไปอย่างชอบธรรมและมีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่ โดยหน่วยงานที่จะชี้เรื่องคุณสมบัติ คือ อัยการสูงสุด
------------
นายกฯ ประชุม คสช. ก่อน ประชุม ครม. ปฏิเสธสัมภาษณ์สื่อเรื่องทบทวน EIA - EHIA

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งในวันนี้จะมีการประชุม คสช. ในระดับผู้บัญชาการเหล่าทัพก่อน โดยนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนว่าจะมีการทบทวนหรือเริ่มต้นกระบวนการศึกษาการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA และการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ หรือ EHIA ขึ้นใหม่

ทั้งนี้ ในการประชุม คสช. คาดว่า จะมีการรายงานความคืบหน้าในขั้นตอนของการนำร่างรัฐธรรมนูญฉบับออกเสียงประชามติขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายตามลำดับขั้นตอนเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยจะมีหารือถึงการทำรายละเอียดสาระสำคัญเพื่อเตรียมเผยแพร่รัฐธรรมนูญต่อสาธารณชน

ขณะเดียวกัน จะมีการรายงานสถานการณ์ในภาพรวม หลังมีการเจรจากับแกนนำเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหินในการคัดค้านมติเดินหน้าโครงการสร้างโรงไฟฟ้าพลังถ่านหินกระบี่ รวมถึงปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตามคำสั่งหัวหน้า คสช. มาตรา 44 ให้วัดพระธรรมกายเป็นพื้นที่ควบคุม และให้อำนาจเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้นภายในวัด
------------
นายกฯ รอผล EIA ก่อนเดินหน้าโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ ขออย่านำมาเป็นประเด็น - ยันรัฐบาลไม่ได้ถอยหลัง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงการชุมนุมค้ดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่ ว่า ที่ผ่านมามีการสั่งการให้ชะลอไว้และขณะนี้ได้ให้กลับไปทำความเข้าใจในการทำกระบวนการศึกษาการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA และการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ หรือ EHIA ขึ้นมาใหม่ อย่างน้อยจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี และสามารถใช้โรงไฟฟ้าถ่านหินได้ในปี 2566 - 2567 ซึ่งเดิมคาดว่าจะสามารถใช้โรงไฟฟ้าถ่านหินได้ในปี 2565 ขออย่านำมายกมาเป็นประเด็น เบื้องต้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้กลับไปกันหมดแล้ว หากผลระบุว่าทำไม่ได้ก็คือไม่ได้ แต่ต้องคำนึงและยอมรับในอนาคต รวมถึงต้องหาวิธีการอื่นว่าต้องทำอย่างไร เพราะทุกอย่างต้องดำเนินการตามขั้นตอน นอกจากนี้ ยังมีคณะกรรมการระดับสูงที่ทำงานเกี่ยวกับนโยบายและยุทธศาสตร์ของประเทศในทุกด้านด้วย ดังนั้น ขออย่าวิตกว่ารัฐบาลถอยหลัง เนื่องจากเรื่องนี้มีมานานแล้วแต่การชะลอไว้เพื่อให้มีคณะกรรมการไตรภาคี เพราะมักอ้างว่าไม่มีส่วนร่วม จึงขอใช้โอกาสนี้เข้าไปมีส่วนร่วม ซึ่งรัฐบาลมีหน้าที่จัดหาแหล่งพลังงานให้กับประเทศ

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า การที่กลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาในกรุงเทพมหานครนั้น รัฐบาลมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย และบังคับกฎหมายเท่าที่จำเป็น พร้อมมองว่า ประชาชนอาจจะมีปัญหาเรื่องความเข้าใจจึงไม่อยากดำเนินคดีใด ๆ ทั้งสิ้น ส่วนกรณีการคัดค้านโครงการเขื่อนท่าแซะ จ.ชุมพร นั้น ได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะโครงการดังกล่าวมีมานานแล้ว และจะต้องทำ EIA และ EHIA ใหม่เช่นกัน
--------
ชาวท่าแซะ ยื่นนายกฯ เรียกร้องยุติสร้างเขื่อน พร้อมเสนอบริหารจัดการน้ำเขื่อนคุริงให้สมบูรณ์แบบแทนการสร้างใหม่

ที่ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มอนุรักษ์ต้นน้ำท่าแซะได้เข้ายื่นหนังสื่อร้องเรียนต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยตัวแทนของกลุ่มอนุรักษ์ต้นน้ำ กล่าวว่า ตามที่ผู้ว่า
ราชการจังหวัดชุมพร เสนอแนวคิดจะย้ายประชาชนไปอยู่ในพื้นที่ของบริษัทวิจิตรภัณฑ์ จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ยุติการสนับสนุนการสร้างเขื่อนท่าแซะอีกต่อไป และดำเนินการตามข้อเสนอที่ผ่านมา ส่วนประชาชนที่จะได้รับผลกระทบจากเขื่อนท่าแซะ ขออยู่ที่เดิมเพราะเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์อยู่แล้ว พร้อมกับเสนอเรื่องการจัดการน้ำให้อนุรักษ์ต้นน้ำไว้ แทนที่จะสร้างเขื่อนท่าแซะ และควรบริหารการจัดการเขื่อนคุริงให้สมบูรณ์แบบและจัดการสร้างฝายมีชีวิตน่าจะยั่งยืนกว่าการสร้างเขื่อนท่าแซะ

ทั้งนี้ ตัวแทนกลุ่มอนุรักษ์ต้นน้ำท่าแซะ กล่าวว่า จ.ชุมพร เตรียมเดินหน้าผลักดันการก่อสร้างเขื่อนท่าแซะ จ.ชุมพร รวมถึงกรณีที่ทางทหารจากมณฑลทหารบกที่ 44 ค่ายเขตอุดมศักดิ์ ได้เชิญตัวแกนนำกลุ่มผู้คัดค้านจำนวน 15 ราย ไปยังค่ายเขตอุดมศักดิ์ เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา และการถูกสกัดการเดินทางเข้ากรุงเทพฯ จนทำให้ต้องใช้วิธีเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ด้วยรถตู้แทน
//////////////
ธรรมกาย

นายกฯ ย้ำ ใช้ ม.44 ควบคุมวัดพระธรรมกายต่อ ไม่มีการยกเลิก ขออย่ายุยง แนะพระธัมมชโยมอบตัวตามกระบวนการ 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงข้อเสนอจากพระลูกวัดพระธรรมกายให้ยกเลิกมาตรา 44 ที่ประกาศให้วัดพระธรรมกายเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษ ว่า ยืนยันว่าไม่ยกเลิกมาตรา 44 เนื่องจากยังนำผู้ที่กระทำความผิดมาดำเนินคดีไม่ได้ ก็ยังไม่สามารถยกเลิกได้ และวัดพระธรรมกายยังต้องเป็นพื้นที่ควบคุมต่อไปจนกว่ามีการมอบตัวหรือดำเนินคดี จากนั้นก็ต้องมีการบริหารจัดการใหม่ ขณะเดียวกัน ขออย่ายุยงปลุกปั่น และยืนยันว่าไม่ว่ามาตราใดก็ตาม หากไม่ปฏิบัติตามกฎหมายก็จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระบุว่า 7 วัน จะได้ข้อยุติว่าจะทำอย่างไรกันต่อไป โดยวันนี้มีการทำงานร่วมกัน ทั้ง สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และมหาเถรสมาคม เพื่อดูว่าจะทำอย่างไร ให้วัดพระธรรมกายเป็นสถานที่ที่พุทธศาสนิกชนสามารถเข้าไปได้โดยทั่วไป ไม่มีความแตกต่างจากวัดอื่น ๆ ส่วนเรื่องคดีความก็เป็นเรื่องของบุคคล หากใครทำความผิดก็ว่ากันตามกระบวนการ และขอให้ไปบอกบุคคลที่ทำความผิดให้มามอบตัว ไม่ใช่ไล่เจ้าหน้าที่รัฐ พร้อมถามกลับว่าพระเอาผ้าปิดจมูกมีความเหมาะสมหรือไม่
---------
พล.อ.ประวิตร ยันไม่ยกเลิก ม.44 ควบคุมวัดพระธรรมกาย - ไม่จำเป็นขอศาลขยายกรอบเวลาหมายค้น ไร้กังวลศิษย์ชวนคนมาปกป้อง

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยันว่า จะไม่ยกเลิกคำสั่งหัวหน้า คสช.ตาม ม.44 ในการประกาศให้วัดพระธรรมกาย เป็นพื้นที่ควบคุม เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการตรวจค้นวัดได้ และไม่จำเป็นขอศาลขยายกรอบเวลาหมายค้น เพราะเป็นที่ควบคุมอยู่แล้ว ซึ่งคำสั่งนี้จะใช้จนกว่าการดำเนินการตรวจค้นภายในวัดจะเป็นที่พอใจของทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนกรณีที่เมื่อคืนนี้สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าอาวาสวัดพิชญติการามวรวิหาร กรรมการมหาเถรมหาคม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ได้ร่วมหารือกับวัดพระธรรมกาย และดีเอสไอ ก็มีแนวโน้มที่ดี จึงอาจเป็นไปได้ว่าในวันพรุ่งนี้ ที่จะครบกำหนด 7 วัน หลังออกมาตรา 44 จะสามารถคลี่คลายปัญหาได้ ตามที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เคยกล่าวไว้

พร้อมกันนี้ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ยังยืนวันไม่กังวลที่วัดพระธรรมกาย เชิญชวนศิษยานุศิษย์มาปกป้องวัด เพราะเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบความเคลื่อนไหวอยู่แล้ว และยังไม่กังวลต่อกระแสข่าวว่าจะมีมวลชนมาปิดล้อมเจ้าหน้าที่อีกชั้น
-------
พล.อ.เฉลิมชัย ห่วงการปะทะกัน ในการควบคุมวัดพระธรรมกาย ขอทุกฝ่ายอดทน ยึดขั้นตอนกฎหมาย ย้ำ จะไม่ยอมให้เกิดสูญเสีย 

พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงกรณีการเข้าค้นวัดพระธรรมกาย และการติดตัว พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย จนทำให้การเกิดเหตุปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กับพระสงฆ์และประชาชน ว่า ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการบังคับใช้กฎหมายตามขั้นตอน และเกิดความยุ่งยากเนื่องจากมีพื้นที่กว้าง รวมถึงมีประชาชนอยู่ภายในวัดเป็นจำนวนมากด้วย โดยเจ้าหน้าที่ได้ยึดตามขั้นตอนของกฎหมาย และแบ่งเป็น 2 กรอบ คือ ภายในและภายนอก ซึ่งในส่วนของเจ้าหน้าที่ทหารได้รับผิดชอบในกรอบภายนอก พร้อมยอมรับว่า ห่วงในเรื่องของการเผชิญหน้ากัน และทำให้เกิดการปะทะกันได้ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนมีความระมัดระวังในการดำเนินการ ที่จะต้อง รอบคอบ อดทน และควบคุมอารมณ์ของตนเองให้ได้

ทั้งนี้ ยังยืนยันในการดำรงตามเจตนารมณ์และความมุ่งหมายในการบังคับใช้กฎหมายให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งบางครั้งจะต้องยอมเสียเวลา แต่จะไม่ยอมให้เกิดสูญเสีย ทั้งชีวิต และทรัพย์สิน เพราะ
เป็นคนไทยด้วยกันเอง จึงขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานก่อน ส่วนกรณีที่พระสงฆ์ วัดพระธรรมกาย จำนวน 14 รูป ที่ยังไม่เข้ามาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ จะทำให้เกิดการปะทะกันอีกหรือไม่

ผู้บัญชาการทหารทบ กล่าวว่า ไม่ทำเกิดเหตุขึ้น แต่จะมีการเผชิญหน้ากัน ดังนั้น ต้องใช้เวลาให้คนภายในวัดได้นั่งสวดมนต์ เพื่อมีสติ และมีปัญญา จากนั้นก็จะรู้ว่าอะไรคือข้อเท็จจริง และต้องเน้น
การทำความเข้าใจ ตั้งสติ นึกคิด และคำนึงถึงภาพรวม
---------
"วัฒนา" FB ม.44 เผด็จการครองเมือง ชี้ชัด ประกาศพื้นที่วัดพระธรรมกาย เป็นเขตควบคุมไม่ถูกต้อง ขัด รธน. ชั่วคราว 

นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "Watana Muangsook" เรื่อง ม.44 เผด็จการครองเมือง ว่า คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 5/2560 ที่กำหนดให้วัดพระธรรมกายเป็นพื้นที่ควบคุม เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายกระบวนการยุติธรรมทางอาญาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ขัดต่อมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว ที่อนุญาตให้ออกคำสั่งเพื่อ "ป้องกัน ระงับ หรือปราบปราม การกระทำ
อันเป็นการบ่อนทำลายความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของชาติ ราชบัลลังก์ เศรษฐกิจของประเทศ หรือราชการแผ่นดิน"

นอกจากนี้ คดีที่อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายถูกกล่าวหาว่าฟอกเงินและรับของโจรเกิดตั้งแต่ปี 2552 - 2554 จึงไม่เหลือเหตุที่จะต้องออกคำสั่งเพื่อป้องกัน ระงับ หรือปราบปรามสิ่งใดต่อไปอีกแล้ว วัดพระธรรมกายเป็นวัดที่ถูกต้องตามกฎหมาย พุทธศาสนิกชนจึงมีสิทธิ์ที่จะเข้าวัดตามความเชื่อของตน

หัวหน้า คสช. ไม่มีอำนาจออกคำสั่งควบคุมห้ามประชาชนหรือพระสงฆ์เข้า - ออกวัด ความผิดฐานฟอกเงินหรือรับของโจรเป็นคดีอาญาทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ในหมวดความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ และเป็นการกล่าวหาต่อตัวบุคคลซึ่งไม่เกี่ยวกับวัดที่เป็นองค์กรทางศาสนา และการกระทำที่อ้างเป็นความผิดยุติลงนานแล้ว เหลือเพียงการนำตัวอดีตเจ้าอาวาสเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย เหมือนคดีอาญาอื่นอีกนับหมื่นคดีที่ยังติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีไม่ได้

ทั้งนี้ นายวัฒนา ทิ้งท้ายว่า การยกกำลังเจ้าหน้าที่หลายพันคนในชุดพร้อมรบ ไปปิดล้อมวัดเพื่อจับกุมพระที่มีอายุกว่า 70 ปี ห้ามคนเข้าออก ทำลายทรัพย์สินของวัด ทำร้ายประชาชนและพระสงฆ์ รวมทั้งออกคำสั่งให้พระกว่า 10 รูป มารายงานตัว หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกคือการใช้อำนาจตามอำเภอใจ ส่วนที่อ้างว่าต้องการดำเนินการกับผู้ที่ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ยิ่งรับฟังไม่ได้ เพราะรัฐต่างหากที่ฝ่าฝืนกฎหมาย หากรู้จักเคารพสิทธิของผู้อื่นและปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายก็จะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น ฝ่ายที่ต้องถูกประณาม คือ รัฐที่เลือกปฏิบัติ ใช้อำนาจเกินเลยขอบเขต ยั่วยุให้เกิดความรุนแรงและละเมิดสิทธิมนุษยชน อันเป็นการสุมไฟความขัดแย้งให้ขยายวงกว้าง
--------------
ศิษย์ธรรมกาย ปักหลักสวดมนต์ทั้งคืน ค้าน ม.44 ไร้เหตุปะทะซ้ำสอง - ตร. ยังตรึงกำลังเข้มงวด เร่งสอบมือดีโรยตะปูเรือใบหน้ารถ

บรรยากาศที่ถนนเลียบคลองแอน ทางเข้าประตู 5 และ 6 ของวัดพระธรรมกาย เช้านี้ยังคงมีพระและศิษย์ของวัดพระธรรมกายปักหลักค้างคืนและสวดมนต์กันอย่างต่อเนื่อง โดยนั่งสวดมนต์กันตั้งแต่ประตู 5 ของวัด เรื่อยมาตามถนนเลียบคลองแอน ประมาณ 200 เมตร โดยอยู่ในพื้นที่ห่างจากตำรวจประมาณ 10 เมตร ตามที่เจรจากับทางดีเอสไอ เพื่อลดการเผชิญหน้า โดยทางศิษย์วัดได้กางเต็นท์และนำสแลนสีเขียวมาปิดไว้บริเวณด้านหน้าเต็นท์และมีป้ายข้อความค้านการใช้ ม.44 ควบคุมพื้นที่วัดพระธรรมกาย ทั้งภาษาไทย จีน และ อังกฤษ โดยพบว่าเจ้าหน้าที่ได้อำนวยความสะดวกให้พระสงฆ์บางส่วนได้เดินออกไปบิณฑบาตด้านนอก และยังมีศิษย์ของวัดพระธรรมกายบางส่วนได้เดินทางกลับด้วย

นอกจากนี้ ยังพบว่าพระและศิษย์ของวัดพระธรรมกายที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่เข้าไปด้านในไม่ได้ ปักหลักอยู่บริเวณตลาดกลางคลองหลวง ริมฟุตปาธ โดยร่วมกันสวดมนต์ ทำกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา พร้อมเตรียมเสบียงน้ำดื่ม ขนม และข้าวสาร มารวมไว้ด้านหน้าเต็นท์อีกจำนวนมาก

ขณะที่การดูแลรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจยังเป็นไปอย่างเข้มงวด พบยังคงมีการตรึงและปิดทางเข้าออกประตูวัดพระธรรมกาย โดยเฉพาะทางเข้าถนนเลียบคลองแอน ไม่อนุญาตให้
พระและศิษย์ผ่านเข้าไปด้านใน แต่อำนวยความสะดวกให้ออกได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ทราบว่าตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาไม่มีเหตุการณ์ผชิญหน้าหรือกระทบกระทั่งกัน แต่ตำรวจได้ตรวจพบตะปูเรือใบ ถูกนำมาโรยไว้หน้ารถยนต์ปากทางเข้าถนนเลียบคลองแอน โดยอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นฝีมือของบุคคลใด
--------------------------
พระวัดธรรมกาย เผย ถูกทหารไล่ลงจากรถ ขณะออกบิณฑบาต ยอมรับเสบียงเริ่มขาดแคลน 

พระมหาสุรัตน์ อัคครตโน พระผู้ดูแลงานด้านอาเซียน วัดพระธรรมกาย เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเพื่อขอความเป็นธรรม หลังกลับจากบิณฑบาต และเดินทางกลับเข้าวัดบริเวณประตู 5 และ 6 วัดพระธรรมกาย โดยยืนยันว่าพระสงฆ์ในวัดพระธรรมกายออกบิณฑบาตทุกวัน และในวันนี้มีประชาชนให้ติดรถกลับมาที่วัด แต่มาเจอทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ กลับให้พระสงฆ์ลงจากรถและเดินเท้ากลับมาไกล 4 ถึง 5 กิโลเมตร และยอมรับว่าในวัดมีอาหารเก็บไว้จริง แต่เริ่มขาดแคลนเนื่องจากไม่ทราบเวลาว่าเจ้าหน้าที่จะควบคุมพื้นที่อีกกี่วัน

และชี้แจงถึงอุโมงค์ความยาว 3 กิโลเมตร บริเวณอาคารภาวนา 60 ปี ว่าเป็นเพียงอุโมงค์ส่งน้ำ รวมถึงเครื่องไฮเปอร์ แบริก แชมเบอร์ ว่าเป็นเครื่องรักษาอาการป่วย ไม่ใช่เครื่องทำเบบี้เฟซตาม
กระแสข่าว ขอให้สื่อมวลชนรายงานตามข้อเท็จจริง

ขณะที่บรรยากาศบริเวณถนนเลียบคลองแอน ทางเข้าประตู 5 - 6 วัดพระธรรมกาย พระสงฆ์ยังคงนั่งปักหลักสวดมนต์ปิดทางเข้าออกประตูวัด โดยมีตำรวจสับเปลี่ยนกำลังดูแลความเรียบร้อยทาง
เข้าออกตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาห้ามบุคคลภายนอกเข้ามาด้านใน ส่วนลูกศิษย์วัดรวมถึงพระสงฆ์ที่เดินทางมายังคงตั้งเต๊นท์ปักหลักอยู่บริเวณตลาดกลางคลองหลวงฝั่งตรงข้ามและสวดมนต์อย่างต่อเนื่อง
--------------------
วัดพระธรรมกาย ประกาศสงบสันติ ปฏิเสธความรุนแรง ลั่น เหตุใด ๆ ที่เกิดขึ้นจากมือที่ 3 ไม่ใช่ฝีมือลูกศิษย์วัด

ความเคลื่อนไหวในแอปพลิเคชั่นไลน์กลุ่ม "News วัดพระธรรมกาย" มีการเผยแพร่ข้อมูลระบุว่า ประกาศสำนักสื่อสารองค์กร วันที่ 21 ก.พ. 2560 เวลา 09.00 น. เนื่องจากมีการเตือนมาจากพี่น้องสื่อมวลชนและโซเชียลเน็ตเวิร์ก ว่า จะมีการแทรกตัวของมือที่สาม อาจจะมาในรูปแบบแต่งกายคล้ายพระหรือประชาชน มาทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐ แล้วป้ายความผิดให้กับพระและสาธุชนภายในวัด

ดังนั้น วัดพระธรรมกายขอประกาศ ว่า วัดและลูกศิษย์ยึดหลัก อนูปวาโท (ไม่ว่าร้ายกัน), อนูปฆาโต (ไม่ทำร้ายกัน), ปาฏิโมกเขจะสังวโร (สำรวมในศีลและปาฏิโมกข์) และหลัก "สงบ สันติ อหิงสา" วัดพระธรรมกาย ปฏิเสธความรุนแรงทุก ๆ ประการ ดังนั้น หากมีความรุนแรงใด ๆ เกิดขึ้นจากมือที่สาม วัดพระธรรมกายขอปฏิเสธว่า ไม่ใช่การกระทำของลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย

พระสนิทวงศ์ วุฑฺฒิวํโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย
21 ก.พ. 2560
------------------
ดีเอสไอ ประชุมร่วมตำรวจ วางแผนค้นวัดพระธรรมกายวันที่ 6 ด้านวัดออกประกาศเตือน ระวังพระปลอมแฝงตัวทำร้ายเจ้าหน้าที่ 

พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชาญเทพเสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และเจ้าหน้าที่ระดับสูงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมกันที่
สภ.คลองหลวง เพื่อประเมินสถานการณ์วางแนวทางปฏิบัติการเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกายในวันนี้ หลังเมื่อวานเกิดเหตุชุลมุนที่ประตู 5 และ 6 ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนต้องรอผลการประชุมอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

ขณะที่ประตูทางเข้าวัดพระธรรมกาย พบว่า ลูกศิษย์บางส่วนได้เดินทางออกจากวัด และยังคงมีกำลังตำรวจตรึงกำลังอยู่บริเวณโดยรอบ และตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมายังคงมีศิษย์ของวัดพระธรรมกายเดินทางมาอย่างต่อเนื่อง แต่เหตุการณ์โดยรอบยังเป็นไปตามปกติ

ด้านวัดพระธรรมกายได้ออกแถลงการณ์จากสำนักสื่อสารองค์กร เตือนว่า อาจมีมือที่สามแฝงตัวมาในรูปแบบแต่งกายคล้ายพระสงฆ์หรือลูกศิษย์มาทำร้ายเจ้าหน้าที่ และโยนความผิดให้กับทางวัด รวมถึงประกาศห้ามสื่อมวลชน ประกอบด้วย สำนักข่าวทีนิวส์ อัมรินทร์ และสำนักข่าวเนชั่น เข้าไปภายในวัดพระธรรมกายตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยไม่มีการชี้แจงเหตุผล
--------------------
ชุดสืบสวนดีเอสไอ เข้าตรวจค้น วัดพระธรรมกาย ฝั่งประตู 4 หาพระธัมชโย ปรับแผน Live Facebook ให้ประชาชนดูการทำงาน

พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยว่าขณะนี้ ทาง พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ ได้นำชุดสืบสวนเข้าไปตรวจค้นวัดพระธรรมกาย โดยเข้าทางประตูที่ 4 ของวัด เพื่อหาตัวพระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย ผู้ต้องหาตามหมายจับ ส่วนจะเป็นการเข้าไปตรวจค้นอาคารและจุดใดนั้น ไม่ขอเปิดเผยแต่เชื่อว่าทางชุดสืบสวนมีข้อมูลและเป้าหมายในการเข้าตรวจค้นอยู่แล้ว ส่วนผลการตรวจค้นจะเป็นอย่างไรจะได้มีการแถลงให้ทราบภายหลัง พร้อมระบุการตรวจค้นครั้งนี้ยอมรับว่า ที่ประชุมมีมติปรับแผนในการตรวจค้นโดยจะทำการ Live Facebook แทนการนำสื่อมวลชนเข้าไป เพื่อให้ประชาชนได้เห็นการทำงานของเจ้าหน้าที่ ว่าการเข้าตรวจค้นนั้นปราศจากอาวุธและความรุนแรง หลังจากทางวัดพระธรรมกายกังวล และได้แจ้งเตือนว่าอาจจะมีผู้ไม่หวังดีปลอมเป็นพระและศิษย์ของวัด แฝงตัวปะปนทำร้ายเจ้าหน้าที่ และวัดได้แจ้งห้ามไม่ให้สื่อ 3 สำนักเข้าไปในวัด

ทั้งนี้ ทางดีเอสไอ ได้มีการพูดคุยกับวัดพระธรรมกาย ว่า ขอให้สื่อสารกับศิษยานุศิษย์ ว่า เจ้าหน้าที่ต้องการเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกายเพื่อหาผู้ต้องหาตามหมายจับ ไม่ได้ใช้กำลังความรุนแรง กับพระและกลุ่มผู้ชุมนุม ขอให้ทางวัดสื่อสารกับพระลูกวัดและกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งทางวัดธรรมกายได้รับปากว่าจะไปพูดคุยให้

รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวถึงกรณีการเรียกพระ 14 รูป เข้าให้ปากคำ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อ และทางดีเอสไอยังไม่ได้ดำเนินการออกหมายจับแต่อย่างใด ซึ่งทุกอย่างเป็นตาม
ขั้นตอนของกฎหมาย
-----------------
รอง ผบช.ภ.1 ตรวจกำลังประตู 5 วัดพระธรรมกาย ภาพรวมยังเรียบร้อย ยันไม่เพิ่มกำลัง - จ่อตรวจสอบพ่อค้าแม่ค้าขนส่วนประกอบอาหารเข้าพื้นที่ 

พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1 ลงพื้นที่บริเวณถนนเลียบคลองแอนฝั่งประตู 5 วัดพระธรรมกาย เพื่อตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ โดยระบุว่า ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหามบุคคลภายนอกเข้า - ออก วัดพระธรรมกายตามประกาศใช้อำนาจมาตรา 44 ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ซึ่งที่ผ่านมาการตรวจคัดกรองพบมีดพก 1 เล่ม บริเวณประตู 8 วัดพระธรรมกาย ซึ่งขณะนี้กำลังตรวจสอบอยู่

รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 กล่าวว่า ภาพรวมวันนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ยังไม่จำเป็นต้องปรับกำลังหน้าที่ตำรวจเพิ่มเติม โดยยังใช้กำลังจากตำรวจอารักขาควบคุมฝูงชน ตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 จำนวน 26 กองร้อย สับเปลี่ยนหมุนเวียนกัน โดยให้ประจำจุดต่าง ๆ ส่วนเรื่องภายในของวัดพระธรรมกาย และเรื่องอื่น ๆ ปฏิเสธที่จะออกความเห็น โดยระบุว่า มาตรวจกำลังเท่านั้น และขอให้เป็นหน้าที่ของ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ

พร้อมยอมรับว่า เตรียมประสานดีเอสไอ ให้ตรวจสอบกรณีพ่อค้าแม่ค้าได้นำส่วนประกอบอาหารเข้าไปภายในวัดพระธรรมกาย โดยพ่อค้าแม่ค้าอ้างว่าได้ขอเอกสารลงบันทึกประจำวันการเข้าออกแล้วที่ สภ.คลองหลวง เนื่องจากมองว่าน้ำหนักไม่เพียงพอ ซึ่งจะได้กลับไปพิจารณาว่าต้องใช้อะไรเพิ่มเติมบ้าง พร้อมกำชับหัวหน้าชุดอารักขาควบคุมฝูงชนเข้มงวดคัดกรองคนเข้าออกมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีรายงานว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาประชุมที่ สภ.คลองหลวง และในเวลา 17.00 น. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วย จะประชุมกันอีกครั้งที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 โดยจะสรุปภาพรวมการปฏิบัติ วันที่ 6 อีกครั้ง
---------------------
ผบ.ตร. เผย ดีเอสไอ ต้องค้นวัดวันนี้ให้ได้หลังศิษย์จำนวนหนึ่งยังไม่ยอม ย้ำ ม.44 จับกุม "พระธัมมชโย" ได้ ปัดขี่ช้างจับตั๊กแตน ใช้กำลังมากจับพระรูปเดียว

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยภาพรวมสถานการณ์เกี่ยวกับการเข้าตรวจค้นและดูแลความปลอดภัยบริเวณวัดพระธรรมกาย ยังเป็นไปอย่างปกติ และขณะนี้ทางดีเอสไอรอเข้าไปตรวจค้น โซน A และ B ของวัด โดยมีลูกศิษย์จำนวนหนึ่งของวัดไม่ยินยอมให้เข้าไปตรวจค้น

ส่วนการตรวจค้นนั้นทางดีเอสไอ จะเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งจะต้องค้นวันนี้ให้ได้ โดยมีเป้าหมายในการเข้าตรวจค้นอยู่แล้ว ส่วนการใช้ ม.44 นั้น ย้ำว่าหากพบการกระทำผิดก็ต้องดำเนินคดี เชื่อว่าประชาชนรู้ว่าอะไรผิดอะไรถูกอยู่แล้ว จึงขออย่าทำผิด ทั้งนี้ ได้ปฏิเสธไม่ทราบ 2 มหาเศรษฐี คอยหนุนหลัง และให้การช่วยเหลือพระธัมมชโย ส่วนทางวัดใช้โซเชียลปลุกระดมคนนั้น มีการป้องกันอยู่แล้ว พร้อมเรียกร้องให้พระธัมมชโยมอบตัวต่อสู้คดี อย่านำมวลชนมาเป็นเครื่องมือในการปกป้องตนเอง พร้อมขอให้สื่อให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ด้วย

ส่วนสถานการณ์จะยืดเยื้อหรือไม่ ทางดีเอสไอจะเป็นผู้ประเมินสถานการณ์แต่อย่างน้อยกำหนดไว้ 7 วัน ทั้งนี้ เห็นว่าศิษย์ควรให้ตำรวจเข้าไปตรวจค้นตามหมายศาล ซึ่งการไม่ให้ค้นมองว่าอาจมีเจตนาไม่ดี เพราะหากให้ค้นยอมทำตามกฎหมายเรื่องก็จบ

ผบ.ตร. ย้ำว่า ม.44 สามารถจับกุมพระธัมมชโยได้แน่นอน เพราะกฎหมายต้องเป็นกฎหมาย พร้อมกล่าวว่าไม่ได้รู้สึกหนักใจ แต่มองว่าการกระทำของวัดในขณะนี้ไม่ใช่กิจของสงฆ์ แต่เป็นการกระทำแบบนักเลงมากกว่า โดยย้ำตำรวจไม่ใช้ความรุนแรง เพราะไม่มีความจำเป็น และยืนยันตำรวจไม่ได้พกอาวุธ รวมทั้งสนับมือตามที่มีกระแสข่าว

ผบ.ตร. กล่าวว่า ไม่ได้ให้ราคากรณีพระธัมมชโยไม่มอบตัว แต่เวลาถูกจับกุมอย่าเรียกร้องขอปล่อยตัวแล้วกัน พร้อมระบุยังไม่มีความจำเป็นต้องปรับกำลังดูแลภายในวัด แต่ตนเองเป็นห่วงประชาชนคนบริสุทธิ์ในบริเวณนี้มากกว่า จึงใช้กำลังจำนวนมาก ไม่ใช่การขี่ช้างจับตั๊กแตน มาจับพระเพียงรูปเดียว
-------------------
รองโฆษก ดีเอสไอ เผยล่าสุดดำเนินคดีคนทุบกำแพงวัดพระธรรมกายแล้ว - วอนออกจากพื้นที่ ห้ามเข้าวัดเพิ่ม

พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เดินทางมาตรวจสอบการปฏิบัติงานของกำลังพลที่ประตู 5 วัดพระธรรมกาย พร้อมเปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการดำเนินคดี ในส่วนบุคคลที่ทุบกำแพงวัดแล้วพร้อมย้ำเจตนาของเจ้าหน้าที่ คือนำบุคคลตามหมายจับมาดำเนินคดีเท่านั้น สำหรับผู้ที่ต้องการออกจากวัด ก็สามารถออกได้ไม่มีการจับกุมใด ๆ โดยการเจรจาจะทำคู่ขนานกับการปฏิบัติตามกฎหมาย พร้อมขอความร่วมมือพระและบุคคลให้ออกนอกพื้นที่ควบคุมพิเศษ และบุคคลนอกวัดห้ามไม่ให้เข้าไปภายในวัดเพิ่มเติม โดยเมื่อปฏิบัติการเสร็จสิ้นจะคืนพื้นที่ให้โดยเร็วที่สุด

รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ กล่าวว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เจ้าคณะจังหวัด ได้เข้าไปเจรจากับทางวัดพระธรรมกายเพื่อเข้าตรวจค้นเพิ่มเติมโดยช่วงบ่ายจะมีการประเมินถึงสถานการณ์การตรวจค้นต่อไป

ส่วนกรณีที่พ่อค้าแม่ค้าอ้างว่าได้นำเอกสารการลงบันทึกประจำวันที่ สภ.คลองหลวง เพื่อเข้าไปในพื้นที่นั้น ขอไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในส่วนนี้ก่อน

อย่างไรก็ตาม ได้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนเล็กน้อย บริเวณทางเข้าถนนเลียบคลองแอน เนื่องจากมีประชาชนและศิษย์ของวัดพระธรรมกาย ต้องการเข้าไปในพื้นที่ควบคุมพิเศษ แต่ไม่ได้รับการอนุญาต
---------------------
ชาวบ้านรวมตัวเรียกร้องยกเลิก ม.44 อ้างเดือดร้อนหนัก เข้า - ออกไม่ได้ ขาดอาหารน้ำดื่ม ปัดจัดฉากเรียกความเห็นใจ

บรรยากาศถนนเลียบคลองแอน ฝั่งประตู 5 วัดพระธรรมกาย ได้มีแม่ค้าประชาชนที่อ้างว่าได้รับความเดือนร้อนจากการประกาศใช้ ม.44 ประกาศให้พื้นที่วัดพระธรรมกายเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษประมาณ 60 คน ได้มารวมตัวได้พร้อมชูป้ายข้อความคัดค้านการใช้ ม.44 และบอกถึงผลกระทบที่ได้รับ ทั้งความเดือนร้อนจากการเข้า - ออกพื้นที่ไม่ได้ อาหาร และน้ำดื่ม เริ่มขาดแคลน พ่อค้าแม่ค้าไม่สามารถทำมาค้าขายได้ โดยยืนยันว่าออกมาเรียกร้องด้วยการนำเด็กและคนป่วยออกมานั้นไม่ได้เป็นการจัดสร้าง หรือสร้างสถานการณ์ขึ้น แต่ต้องการเรียกร้องให้รัฐบาลคืนอิสรภาพให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว

ทั้งนี้ กลุ่มชาวบ้านและเด็กได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ส่งตัวแทนมารับเรื่องดังกล่าวเพื่อสะท้อนไปยังเจ้าหน้าที่รัฐ ก่อนจะแยกย้ายกันกลับเข้าไปภายในวัด โดยไม่มีเหตุการณ์ความวุ่นวาย หรือการเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่เกิดขึ้น เนื่องจากมีกำลังตำรวจตระเวนชายแดนยืนดูแลความสงบเรียบร้อยอยู่ห่างจากกลุ่มผู้ที่ออกมาชุมนุมคัดค้าน ขณะที่กลุ่มพระและศิษย์ของวัดพระธรรมกายยังคงปักหลักสวดมนต์ สลับกับการเทศนาธรรมต่อเนื่องตลอดทั้งวัน

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ขณะนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ และสื่อมวลชนจำนวนหนึ่งได้เข้าไปตรวจค้นอาคารภาวนา 60 ปี ในวัดพระธรรมกาย ตามหมายศาลอีกครั้ง นอกจากนี้ ยังได้ทำการตรวจค้นพื้นที่รอบนอกของวัดพระธรรมกาย ก่อนจะประชุมสรุปและประเมินสถานการณ์ในเวลา 17.00 น.
----------------------
พระสนิทวงศ์ น้ำตาคลอ ขอให้ยกเลิก ม.44 ยัน พระธัมมชโย ไม่ใช่อาชญากร 

พระสนิทวงศ์ วุฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย ได้ออกมาเปิดใจต่อสื่อมวลชน บริเวณประตู 7 วัดพระธรรมกาย ว่า ขอความเมตตาต่อภิกษุสามเณร ภายในวัด หลังเจ้า
หน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษนำกำลังเข้าตรวจค้น ภายในวัดตามมาตรา 44 โดยเชื่อว่าขณะนี้ประเด็นการเข้าตรวจค้น ไม่ใช่เป็นเรื่องการค้นหาหรือจับกุมพระธัมมชโยแล้ว พร้อมทั้งอ้างว่าศิษยานุศิษย์ที่เจาะและทุบกำแพงเข้ามาภายในวัดนั้น กระทำกันเอง เนื่องจากต้องการเข้ามาภายในวัดเพื่อปกป้องพระสงฆ์ พร้อมทั้งอ้างว่าอาหารภายในวัดเริ่มขาดแคลน

ขณะเดียวกัน หลังจากเกิดปะทะกันกับเจ้าหน้าที่บริเวณประตู 5 เมื่อวานนี้ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากมาย ขณะนี้อยู่ระหว่างพักรักษาตัว ซึ่งอีก 2 - 3 วัน จึงจะสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ ซึ่งผู้
ได้รับบาดเจ็บไม่กล้าให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเนื่องจากกังวลในคำสั่งมาตรา 44 ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยตนมีความห่วงใยในเรื่องความรุนแรง เนื่องจากเมืองไทยเป็นเมืองพุทธ และ
ขอให้ยกเลิกมาตรา 44 เพราะวัดไม่ได้ไปไหน ยังคงตั้งอยู่ตรงนี้ และตนก็ทำงานผ่านโทรศัพท์มือถือเท่านั้น เพราะยกอาคารในวัดให้ดีเอสไอตรวจสอบ

นอกจากนี้ พระสนิทวงศ์ ยังกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า รู้สึกกดดัน เพราะเดินไปไหนมาไหน ภายในวัดต้องพกบัตรประชาชนตลอดเวลา ย้ำว่าเป็นคนไทยด้วยกัน และพระธัมมชโยไม่ใช่อาชญากร
////////////////
ปรองดอง

นายกฯ ชี้ได้ผู้ทรงคุณวุฒิป.ย.ป.ทั้ง 4 คณะเกือบครบแล้ว ยันรัฐบาลดำเนินการแก้วิกฤตขาดแคลนแรงงานทุกด้าน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) ว่า ขณะนี้ได้จำนวนผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้ง 4 คณะของป.ย.ป. เกือบครบแล้ว และที่ได้มีการเรียกมาปรึกษาหารือกันตลอดเวลาอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องตอบว่าจะตั้งแล้วเสร็จเมื่อใด

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงปัญหาวิกฤตขาดแคลนแรงงาน  ว่า ได้มีการพูดในเรื่องดังกล่าวหลายครั้งแล้ว ซึ่งมีการขึ้นทะเบียนแรงงาน มีความร่วมมือกับกระทรวงแรงงาน ประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน มีการพัฒนาคุณภาพฝีมือแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการผลิตคนให้ตรงกับความต้องการ ที่ดำเนินการในทุกเรื่อง จึงขออย่าถามเรื่องดังกล่าว เนื่องจากรัฐบาลนี้ดำเนินการทุกอย่าง
-----
แกนนำพรรคเพื่อไทย หารือ แนวทางสร้างความปรองดอง 10 ประเด็น ตามโจทย์ ป.ย.ป. ก่อนนัดวัน เสนอกระทรวงกลาโหม 

บรรยากาศ ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ล่าสุด บรรดาแกนนำพรรค ทยอยเข้าหารือแล้ว นำโดยพล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคนายปลอดประสพ สุรัสวดี รักษาการรองหัวหน้าพรรค
นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขา นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา ทีมกฎหมายพรรค นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรัฐมนตรีว่ากากระทรวงการต่างประเทศ และอดีต สส.เชียงใหม่ นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีต สส.นครพนม ซึ่งวันนี้ จะเป็นการหารือคัดเลือกตัวบุคคล และกำหนดวัน เพื่อไปพูดคุยต่อคณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ในคณะกรรมการ ป.ย.ป. ที่กระทรวงกลาโหม รวมถึงกำหนดแนวทางการความเห็นในประเด็น10ประเด็นที่กระทรวงกลาโหม ขอความร่วมมือ

อย่างไรก็ตาม ทางพรรคเพื่อไทยยังไม่กำหนดวันเข้าพบคณะทำงานของกระทรวงกลาโหม เนื่องจากรอความเห็นในที่ประชุม คาดว่า ภายหลังหารือเสร็จ จะมีความชัดเจนมากขึ้น
-------------------
พรรคเพื่อไทย นัดถกปรองดอง 8 มี.ค. ขอรัฐบาลจริงใจ ฟังคิดเห็นต่าง ไม่ชัด "ยิ่งลักษณ์" ร่วมรอดูเหมาะสม

นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายชูศักดิ์ ศิรินิล หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า เบื้องต้นพรรคเพื่อไทย เห็นพ้องที่จะเข้าร่วมหาหารือ
แนวทางสร้างความสามัคคีปรองดองกับคณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ในคณะกรรมการ ป.ย.ป. วันพุธที่ 8 มีนาคมนี้ โดยมีตัวแทนจากทีมคณะที่ปรึกษาและคณะกรรมการบริหารพรรค รวมถึงคณะทำงานที่ติดตามการสร้างความสามัคคีปรองดองและหาทางออกของประเทศ ไม่เกิน 10 คน นำโดย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรค นายปลอดประสพ สุรัสวดี รักษาการรองหัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรค ส่วนรายละเอียดข้อเสนอแนะ คณะกรรมการบริหาร จะหารือเพิ่มเติมก่อนสรุปอีกครั้ง ทั้งนี้ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เบื้องต้น พรรคเพื่อไทย อยากให้รัฐบาลแสดงความจริงใจในการสร้างความปรองดอง และเร่งสร้างบรรยากาศของการยอมรับความเห็นต่าง รวมถึงบรรยากาศความร่วมมือในการหาทางออกอย่างสันติวิธี ไม่ใช่เพียงเปิดเวที ในขณะที่สังคมยังมีความขัดแย้ง และมีการใช้วาทกรรมอยู่

สำหรับการให้ความเห็นครั้งนี้ จะมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมด้วยหรือไม่นั้น ต้องหารือเรื่องความเหมาะสมกันอีกครั้ง
--------------
"ชูศักดิ์" พร้อมแสดงจุดยืน 6 ข้อ รับ เพื่อไทย ตอบคำถาม 10 ข้อ ป.ย.ป. ยาก เพราะไม่เห็นด้วยกับยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี 

นายชูศักดิ์ ศิรินิล หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้รับ 10 คำถามจากคณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง แต่หลายคำถามเป็นเรื่องการ
ปฏิรูปและยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี ซึ่งทางพรรคเพื่อไทย ก็ตอบได้ยาก เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี ขณะที่คำถามเรื่องการสร้างความปรองดองก็มีเพียงแค่ 3 คำถาม
เท่านั้น นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทยจะไปแสดงจุดยืนของพรรคถึงหลักการปรองดอง 6 ข้อ ประกอบด้วย ความเป็นกลาง ความเป็นอิสระของคณะกรรมการชุดต่าง ๆ การค้นหาความจริงและเยียวยาผู้
เสียหาย และผู้ไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่ตั้งข้อจำกัดหรือเงื่อนไขในการเจรจา เพราะหากมีเงื่อนไขตั้งแต่แรก เช่น การห้ามคุยเรื่องอดีต หรือเรื่องนิรโทษกรรม ก็จะไม่ใช่หลักการสร้างความปรองดอง

ขณะเดียวกัน ต้องไม่สร้างปัญหาความขัดแย้งใหม่ และผลสรุปการสร้างความสามัคคีปรองดอง ควรเป็นความตกลงเห็นพ้องต้องกันของทุกฝ่าย ไม่ใช่การออกคำสั่งหรือการตรากฎหมายข้อบังคับ
----------------
ปลัด กห. ฟังความเห็นปรองดอง 3 พรรคเล็ก เข้าหารือเป็นวันที่ 6 พรุ่งนี้งด เชิญการเมือง เตรียมรวบรวมความเห็น 14 พรรค ส่งต่อ

บรรยากาศการประชุมคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ในคณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ที่มี พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานฯ ซึ่งในวันนี้ถือเป็นวันที่ 6 แล้ว และได้เชิญพรรคปฏิรูปไทย พรรคพลังคนกีฬา และพรรคเพื่อชีวิต เข้ามาให้ความเห็นและข้อเสนอ ในการสร้างความสามัคคีปรองดอง ตามกรอบกฎหมายรัฐธรรมนูญและแนวทาง 10 ด้านที่คณะกรรมการบริหาราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) ได้กำหนดไว้ โดยในวันพรุ่งนี้ ทางคณะอนุกรรมการฯ จะมีการรวบรวมความเห็นของพรรคการเมืองที่มาให้ความเป็นในชุดแรกก่อน ตั้งแต่วันที่ 14 - 21 ก.พ. 2560 ก่อนส่งต่อให้แก่คณะอนุกรรมการคณะอนุกรรมการพัฒนาบูรณาการข้อคิดเห็นข้อเสนอแนะเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง มี พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธาน ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ 2 ของกระบวนการสร้างความสามัคคีปรองดอง

อย่างไรก็ตาม ในการเชิญพรรคการเมืองเข้ามาหารือ ก็จะมีการเรียงลำดับตามตัวอักษร ซึ่งขณะนี้มีพรรคการเมืองใหญ่ และพรรคการเมืองเล็กมาให้ความเห็นแล้ว 14 พรรค ทั้งนี้ ทางพรรคเพื่อไทย
ได้ส่งหนังสือตอบรับเข้าร่วมแล้ว โดยจะเดินทางมาให้ข้อคิดเห็นในวันที่ 8 มีนาคม นี้
--------
พล.อ.เฉลิมชัย ยัน เชิญทุกพรรคร่วมพูดคุยปรองดอง ไม่รู้จะมีการเปิดเวทีคู่ขนาน ชี้ ประสบความสำเร็จแล้วครึ่งทาง เพราะทุกฝ่ายร่วมมือ

พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงกระบวนการสร้างความปรองดองที่บางพรรคการเมือง ระบุว่า ยังไม่ได้หนังสือเชิญ หรือบางกลุ่มจะเปิดเวทีคู่ขนานกับรัฐบาล ว่า รัฐบาลจะมี
การเชิญทุกพรรค ทุกกลุ่ม โดยเรียงตามตัวอักษร และการตอบรับก็ขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละฝ่ายในการเข้ามาแสดงความเห็น ทั้งนี้ สำหรับการเปิดเวทีคู่ขนาน ส่วนตัวยังไม่ทราบข่าว ทราบ
เพียงการออกมาแสดงความเห็นในเรื่องการกำหนดกรอบเวลากระบวนการปรองดอง

อย่างไรก็ตาม มองว่า ขณะนี้การสร้างความปรองดองสำเร็จไปแล้วครึ่ง เพราะมีหลายพรรคการเมือง ได้ตกลงในการเข้าร่วมพูดคุย และส่วนที่เหลือ คือ นำความคิดเห็นทั้งหมดมาทำให้ตกผลึกเป็นภาพรวม ซึ่งหากทุกคนมองประโยชน์ชาติเป็นส่วนรวม ก็ยอมรับสัญญาประชาคม นั่นคือได้ข้อยุติ และหากอนาคตมีปัญหาก็ค่อย ๆ แก้ต่อไป
-----------------------
พล.อ.เฉลิมชัย ย้ำ เรื่องปรองดอง ขอทุกฝ่ายถอยคนละก้าว เพื่อบ้านเมืองเดินหน้า ยันต้องใช้เวลาพิจารณาข้อเสนอทุกฝ่ายตามกระบวนการ

พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงการเปิดกว้างในการให้แกนนำกลุ่มการเมืองที่มีข้อสงสัยเข้ามาพูดคุยโดยตรง ว่า ขั้นตอนที่ 3 นั้น มีกระบวนการคิดกัน แต่ยังไม่ตกผลึก จึงต้องขอดูข้อเสนอก่อน เนื่องจากขณะนี้ ยังไม่แล้วเสร็จ

ทั้งนี้ หากขั้นตอนดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะมาดูเรื่องความต้องการของแต่ฝ่าย ซึ่งอาจจะมีการคุยนอกรอบ เพื่อให้ทุกอย่างง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม อยากให้ทุกคนถอยคนกันคนละก้าว เพื่อให้บ้าน
เมืองเดินต่อไปได้
-----------

////////////
สื่อมวลชน

กมธ. สื่อ สปท. คงสัดส่วนรัฐร่วมเป็นกรรมการวิชาชีพสื่อ แต่ยอมถอยเหลือเพียง 2 คน

พล.อ.อ.คณิต สุวรรณเนตร ประธานคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการสื่อสารมวลชน (สปท.) เปิดเผยภายหลังการประชุม ว่า กรรมาธิการได้ข้อสรุปเรื่องโครงสร้างของสภาวิชาชีพ โดยยังคงไว้ 13 คน แต่ปรับแก้ที่มา ซึ่งจากเดิมที่เป็นตัวแทนสื่อมวลชน 4 คน เพิ่มเป็น 5 คน ขณะที่ 4 คน ที่มาจากภาคราชการได้ปรับลดเหลือ 2 คน โดยคงมีปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับงานสื่อเอาไว้ และให้ 2 คนที่เหลือ คัดสรรจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เป็นผู้คัดเลือก 1 คน และมาจากกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคอีก 1 คน สำหรับสัดส่วน 4 คน สุดท้าย ยังคงให้เป็นตัวแทนจากวิชาชีพต่าง ๆ

นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการเสียงข้างมาก ยังคงเห็นว่า ใบประกอบวิชาชีพสื่อยังมีความจำเป็นเพื่อกำหนดมาตรฐานของสื่อ โดยจะต้องมีการอบรม ก่อนออกใบประกอบวิชาชีพ และมีการจดทะเบียนประวัติข้อมูลเอาไว้ ทั้งนี้ กรรมาธิการจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะกรรมการวิสามัญกิจการสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ หรือ วิป สปท. อีกครั้งในวันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ นี้ ก่อนนำเข้าสู้ที่ประชุม สปท. ต่อไป
------------
ป.ป.ช. บูรณาการงานประชาสัมพันธ์ ขยายผลแนวทางการป้องกันแก้ไขปัญหาการทุจริต หวัางสื่อมวลชนทุกแขนงให้ความร่วมมือ

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีการบูรณาการการทำงานด้านประชาสัมพันธ์ร่วมกับกรมประชาสัมพันธ์ อาทิ บุคคลที่เป็นเจ้าของสถานีหรือเจ้าของ
รายการ เคเบิ้ลทีวี สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อวิทยุหลักประจำจังหวัด ภายใต้โครงการสัมมนาสัมมนาเครือข่ายประชาสัมพันธ์เพื่อขยายผลการดำเนินงานเกี่ยวกับแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริต
และประพฤติมิชอบ จำนวน 3 ครั้ง ในจังหวัดขอนแก่น สุราษฎร์ธานี และเชียงใหม่ โดยในวันที่ 21 - 22 กุมภาพันธ์ ได้จัดการกิจกรรมเป็นการการเสวนาหัวข้อ “บทบาทสื่อมวลชนกับการมีส่วนร่วมในภารกิจ ด้านการป้องกันการทุจริต” โดยมี นางสุวณา สุวรรณจูฑะ กรรมการ ป.ป.ช. นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการสถาบันอิศรา นางสาวอรัญญา เกตุแก้ว ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาการประชาสัมพันธ์

สำหรับการจัดกิจกรรมดังกล่าว มุ่งหวังส่งเสริมความร่วมมือกับเครือข่ายสื่อมวลชนอย่างเป็นระบบ สามารถนำไปสู่การรับรู้ เกิดความตระหนักและกระตุ้นให้เกิดการประพฤติปฏิบัติตนตามค่านิยมที่ดี นับเป็นกิจกรรมหนึ่งในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 อีกด้วย
//////////////
เครือข่ายไซซะนะ

ผบ.ทบ. เผยผลหารือเยือน สปป.ลาว แลกเปลี่ยนการข่าวก่อการร้าย ขอส่งตัวคนผิดตามขั้นตอน ยัน มีฝ่ายมั่นคงดูโดยตรง

พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมภริยา และคณะได้เดินทางมาถึงกรุงเทพฯ แล้ว ภายหลังจากเดินไปเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วานนี้ (20 ก.พ. 60) ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบก เปิดเผยว่า ในการเดินทางเยือน สปป.ยาว อย่างเป็นทางการ โดยได้มีการหารือร่วมกันตามกรอบที่ครอบคุมไปถึงความร่วมมือในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะการแก้ปัญหายาเสพติด สิ่งผิดกฎหมาย การค้ามนุษย์ การแพทย์ทหาร และการเลือกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารด้านการก่อการร้าย ร่วมถึงการแก้ปัญหาชายแดน และประเด็นสำคัญ คือ การยืนยันเพื่อไม่ให้กลุ่มใดกลุ่มใช้ประเทศเราเป็นทางผ่านในการก่อความไม่สงบในประเทศเพื่อนบ้าน

ขณะเดียวกัน ยังได้มีการพูดคุยถึงประเด็นที่มีผู้ที่กระทำความผิดหลบซ่อนอยู่ที่ สปป.ลาว ว่า ได้มีพูดคุยในทุกระดับ พร้อมมีการขอความร่วมมือในเรื่องดังกล่าวด้วย โดยไม่ได้เจาะจงประเด็นใดโดยตรง เพียงแต่แสดงความกังวลไป และทุกครั้งที่พบปะกันก็จะมีการคุยในเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และมีขั้นตอน โดยขอให้รอผลการดำเนินการต่อไป

อย่างไรก็ตาม ในการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนนั้น มีคณะฝ่ายความมั่นคงดูแลโดยตรงอยู่แล้ว และยืนยันว่า มีการดำเนินการตามขั้นตอนมาอย่างต่อเนื่อง

ไม่มีความคิดเห็น: