PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ข่าว24/2/60

ธรรมกาย

แอมเนสตี้ ออกแถลงการณ์ แจง ไม่ได้สนับสนุนวัดพระธรรมกาย เพียงแค่จับตามองสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเท่านั้น

นางปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ชี้แจงกรณีที่มีการนำเสนอข่าวระบุว่า แอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ให้การสนับสนุนและยืนหยัดร่วมกับวัดพระธรรมกาย พร้อมทั้งออกแถลงการณ์ร่วมกับศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนนั้น เป็นการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน แอมเนสตี้ได้รับการติดต่อทางอีเมจากฝ่ายสำนักสื่อสารองค์กร ของวัดพระธรรมกายจริง และได้ตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษ โดยระบุว่าทางแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลตระหนักและ
กำลังจับตามองสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และได้แจ้งข้อมูลว่าทางศูนย์ทนายความสิทธิมนุษยชนได้ออกแถลงการณ์ในเรื่องดังกล่าว พร้อมทั้งส่งลิงก์แถลงการณ์ดังกล่าวไป

ดังนั้น ทางองค์กรฯ ขอชี้แจงว่าแถลงการณ์ที่ทาง พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกายกล่าวถึง เป็นแถลงการณ์จากศูนย์ทนายเท่านั้น ไม่ได้เป็นแถลงการณ์ร่วมกับแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย แต่อย่างใด
-------
ดีเอสไอ รอ ประเมินสถานการณ์จะเข้าค้นวัดพระธรรมกายอีกหรือไม่ - พระสงฆ์ที่ถูกออกหมายเรียกทยอยรายงานตัวแล้วบางส่วน

พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ บอกถึงแนวทางปฏิบัติการตรวจค้นวัดพระธรรมกายเพื่อเข้าจับกุมพระธัมมชโย ผู้ต้องหาคดีฟอกเงินและรับของโจรสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ว่า การปฏิบัติวันนี้อยู่ระหว่างประเมินสถานการณ์ว่าจะเข้าค้นอีกหรือไม่ โดยเฉพาะโซนเอและโซนบี ที่ยังไม่สามารถตอบสงสัยให้กับสังคมได้

ขณะที่การรวมตัวของเครือข่ายวัดพระธรรมกายที่ตลาดกลางคลองหลวง รองอธิบดีดีเอสไอ ยืนยันว่า เป็นพื้นที่ควบคุม ตามคำสั่งคสช. ม.44 ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เก็บหลักฐานไว้ดำเนินการตามกฎหมายย้อนหลังกับผู้ที่ฝ่าฝืนแล้ว พร้อมฝากย้ำไปยังประชาชนที่จะนำอาหารมาถวายเพลหรือส่งให้บุคคลภายในวัด ให้นำมารวบรวมไว้ที่ประตู 7 เท่านั้น เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้คัดกรอง ไม่ให้บุคคลที่ไม่หวังดีเข้ามา
อาศัยจังหวะก่อเหตุ

ส่วนความคืบหน้าการออกหมายเรียก พระธัมมชโย กับพระลูกวัด รวม 14 รูป ขณะนี้มี พระมหานพพร ปุญญชโย ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย ได้เข้ารายงานตัวแล้ว และเจ้าหน้าที่ได้ปล่อยตัวกลับไป ส่วน พระเเสนพล  ได้ติดติดต่อจะเข้ามารายงานตัวแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาฐานผิดคำสั่งเจ้าพนักงาน ส่วนพระที่เหลือ อีก 11 รูป อยู่ระหว่างพิจารณาออกหมายจับ
----------
DSI รับ เริ่มตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตในและนอกวัดพระธรรมกายแล้ว

พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวว่าเจ้าหน้าที่ทำการตัดสัญญาณบริเวณรอบวัดพระธรรมกาย ว่า ยอมรับว่าดีเอสไอได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ที่เข้าร่วมประชุมสรุปสถานการณ์เมื่อช่วงเช้านี้เพื่อให้ดำเนินการตัดสัญญาณและอินเทอร์เน็ตบริเวณภายนอกและในวัดพระธรรมกาย เนื่องจากพบว่ากลุ่มลูกศิษย์วัดพระธรรมกายมีการใช้สื่อโซเชียลมีเดียให้ข้อมูลอันเท็จและทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด และเข้าข่ายยุยงปลุกปั่นทำ
ให้กระทบกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ ส่วนจะมีการตัดสัญญาณเป็นระยะเวลานานเท่าไหร่นั้น ยังไม่สามารถระบุได้ ซึ่งมาตรการดังกล่าวเป็นหนึ่งในมาตรการที่เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการได้ตามอำนาจที่ คสช. ออกประกาศให้บริเวณวัดพระธรรมกายเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษ

อย่างไรก็ตาม ตลอดช่วงบ่ายที่ผ่านมาพบว่าสัญญาณโทรศัพท์ของบางเครือข่ายบริเวณตลาดกลางคลองหลวง ประตูทางเข้าที่ 5 และ 6 ของวัดพระธรรมกาย ไม่สามารถใช้งานได้ คาดว่าเจ้าหน้าที่ได้เริ่มทยอยตัดสัญญาณในบางจุดแล้ว
------
พระและศิษย์วัดพระธรรมกาย ยืนยันปักหลักตลาดกลางคลองหลวง พร้อมเตรียมทำกิจกรรมยืนรณรงค์ขอนายกฯ เลิก ม.44ระยะทาง 500 เมตร เผย ดีเอสไอ ให้ส่งเสบียงเข้าวัดได้แต่ต้องตรวจละเอียด

นายอัยย์ เพชรทอง ตัวแทนกลุ่มคณะศิษย์ของวัดพระธรรมกาย แถลงท่าทีของวัดว่าได้มีการพูดคุยกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ โดยระบุว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้ผ่อนปรนการเข้า - ออก บริเวณตลาดกลาง โดยไม่ต้องมีการตรวจบัตรประจำตัวประชาชน แต่การเข้า - ออกของศิษย์และพระแต่ละครั้ง จะมีตำรวจตรวจตราด้วยกันเพื่อป้องกันผู้ไม่หวังดีแฝงตัวเข้าไป ส่วนอาหารที่ได้รับจากการทำบุญตักบาตรและบริจาคนั้น อนุญาตให้นำไปมอบที่ประตู 7 เท่านั้น โดยจะมีการพิจารณาตรวจสอบจากดีเอสไอ จากนั้นทีมพระสงฆ์จากด้านในจะออกมารับ โดยจะไม่มีการเคลื่อนขบวนแต่จะปักหลักตลาดกลางคลองหลวงจนกว่าจะมีการยกเลิกมาตรา 44

ทั้งนี้ ทางทหารได้ขอความร่วมมือศิษย์ของวัดงดปิดบังใบหน้าเวลาพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ เพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย ส่วนกรณีสื่อบางสำนักเข้าใจผิดเรื่องตู้คอนเทรนเนอร์ขนาดใหญ่ในวัดมีสิ่งของผิดกฎหมายนั้น ย้ำว่าตู้เคอนเทรนเนอร์ดังกล่าว ทางวัดมีไว้สำหรับใส่เครื่องอัตถบริขาร ที่ประชาชนทำบุญมาเพราะต้องเก็บอย่างดี ยืนยันไม่มีของผิดกฎหมายแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ยังได้ฝากคำถามถึง สนช. เกี่ยวกับการแก้ไข พ.ร.บ.สงฆ์ฯ โดยห้ามไม่ให้พระสงฆ์มีทรัพย์สมบัตินั้นข้อนี้ เห็นว่าหากประชาชนต้องการถวายเป็นการส่วนตัวจะทำอย่างไร ส่วนการตรวจค้นและออกหมายจับวัดพระธรรมกายบุกรุกที่นั้น หากเป็นเช่นนั้นวัดป่าที่อยู่ป่าและบนเขาซึ่งมีเป็นจำนวนมากนั้นจะมีความผิดด้วยหรือไม่

///////
ปยป.

"สุวิทย์"เผย นายกฯเรียกประชุม มอบนโยบายที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิ ป.ย.ป. จำนวน 39 คน 6 ม.ค.ย้ำเน้นสร้างการรับรู้เพื่อปชช.มีส่วนร่วม

นายสุวิทย์ เมษิณทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการบริหาราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศยุทธศาสตร์ชาติและการสร้างความสามัคคีปรองดอง
(ป.ย.ป.) กล่าวว่า วันที่ 6 มีนาคมนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะเรียกประชุมคณะที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมการแต่ละ
คณะภายใต้ คณะกรรมการ ป.ย.ป. ที่นายกรัฐมนตรีลงนามคำสั่งแต่งตั้งเมื่อวานนี้จำนวน 39 คน เพื่อมอบนโยบายและขอบคุณที่มาช่วยรัฐบาลขับเคลื่อนการปฏิรูป ซึ่งที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิ จะมีความหลากหลายแต่ละสาขา โดยจะมีจำนวนมากในส่วนของคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศและเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติ ขณะที่คณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดองมีจำนวนน้อย เพราะมีการแต่งตั้งไปแล้ว ซึ่งรูปแบบการทำงานของที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิจะมีการลงพื้นที่รับฟังความเห็นของประชาชนด้วย เนื่องจากนายกรัฐมนตรีเน้นในเรื่องของการสร้างความรับรู้และสร้างความเข้าใจ เพื่อประชาชนมีส่วนร่วม โดยจะให้กลุ่ม NGO คนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนประเทศและพูดคุยกับทุกกลุ่มในภูมิภาค
-------

//////
ทุจริต

นายกฯ ลงนาม ตั้ง "ประสาร" ปธ.คณะกรรมการ กำกับการจัดซื้อจัดจ้าง มี "กานต์-มนัส-สมพล" ร่วมเป็นกรรมการ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ลงนามคำสั่ง นายกรัฐมนตรี ที่ 9/2560 เรื่อง แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้างแล้วความว่า ตามที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีคำสั่ง ที่ 11/2560 เรื่อง การกำกับการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานของรัฐ ลงวันที่ 23 ก.พ. 2560 กำหนดให้มีคณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และในระยะเริ่มแรก ให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้มีอำนาจในการแต่งตั้งประธานกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิดังกล่าว อาศัยอำนาจตามมาตรา 9 ของคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 11/2560 จึงแต่งตั้งประธานกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้าง ดังต่อไป นี้

1. นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล เป็นประธานกรรมการ
2. นายกานต์ ฮุนตระกูล เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
3. นายมนัส แจ่มเวหา เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
4. นายสมพล เกียรติไพบูลย์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 23 ก.พ. 2560
----------------
นายกฯ ลงพื้นที่ศรีสะเกษ อ้อนดีใจที่ได้มา อยากให้ทุกคนมองไปที่อนาคต อย่าหลงเชื่อบิดเบือน ทุกเรื่องยึดตามกฎหมาย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะเดินทางลงพื้นที่ อ.ราศีไศล จ.ศรีสะเกษ ติดตามขับเคลื่อนนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล โดยเฉพาะการขับเคลื่อนนโยบายเกษตรแปลงใหญ่โดยกลไกประชารัฐ เพื่อให้เกษตรกรมีการรวมกันสร้างผลผลิตทางการเกษตรร่วมกันภายใต้ การบริหารจัดการแบบบูรณาการ โดยในปี พ.ศ. 2560 จ.ศรีสะเกษ ได้ดำเนินการส่งเสริมการเกษตรในรูปแปลงใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ 22 อำเภอปลูก ข้าว ทุเรียน พริก หอมแดง กระเทียม และการทำปศุสัตว์ มีพื้นที่การดำเนินงานแปลงใหญ่รวม 165,493 ไร่ ทำให้เกษตรกรมีความเข้มแข็ง สามารถบริหารจัดการผลิตผลสอดคล้องกับความต้องการของตลาด ต้นทุนการผลิตลดลง คุณภาพผลผลิตเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่ม และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

สำรวจดูสภาพน้ำในพื้นที่ซึ่งบางจุดเริ่มแล้งไม่มีน้ำ โดยในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีกล่าวกับชาวบ้านว่า ดีใจที่ได้มาพบกับชาวศรีษะเกษ เพราะอากาศดีวันนี้นักวิทยาศาสตร์ค้นเจอดาวเคราะห์ 7 ดวงซึ่งที่อื่นจะไปอยู่นอกโลกแล้ว แต่ประเทศไทยยังติดกับปัญหาเดิม ๆ เรื่องที่ดินเรื่องน้ำอากาศ ดังนั้น อยากให้ทุกคนมองไปข้างหน้า มองอนาคต ไม่มีอะไรทำให้คนไทยแตกแยกกันได้ ต้องคิดใหม่

โดยรัฐบาลได้จัดงบประมาณลง 18 กลุ่มจังหวัด ไม่ใช่การซื้อเสียง แต่อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งหากทำไม่ได้ในรัฐบาลชุดนี้ก็ต้องสร้างรากฐานในรัฐบาลหน้า ดังนั้น อย่าหลงเชื่อ
กับคำบิดเบือนว่า เมื่อเข้ามาแล้วจะทำให้ราคาข้าวดีขึ้น เพราะข้าวล้นตลาดโลก

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงปัญหาคดีพระธัมชโย ว่าพอได้แล้ว ขอเวลารัฐบาลทำงาน เพราะหากขัดแย้ง ก็จะเจอแต่ปัญหา และทำให้รัฐล้มเหลว ไม่ควรมาทะเลาะกันเรื่องความเชื่อความศรัทธา ทุกอย่างยึดตามกฎหมาย อย่าให้ใครมาบิดเบือน
----------
นายกฯ ร่วมปลูกต้นไม้กับ "ดาบวิชัย" ก่อนเยี่ยมชมการเรียนโรงเรียนราษีไศล ฝากเด็กตั้งใจเรียนเพื่อพัฒนาประเทศ

ความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ภายหลังพบปะประชาชน ระหว่างลงพื้นที่ อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ แล้ว นายกรัฐมนตรีได้ปลูกต้นไม้ร่วมกับ ดาบวิชัย สุริยุทธ นายตำรวจที่ปลูกต้นไม้มากที่สุดในโลก ก่อนเยี่ยมชมการเรียนการสอนของของโรงเรียนราษีไศล ที่มีการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศ จีน อังกฤษ คณิตศาสตร์

โดย นายกรัฐมนตรี กล่าวกับเด็กนักเรียนว่า ให้เลือกเรียนวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาต่างประเทศ โดยภาษาอังกฤษ ต้องเป็นภาษาที่ 2 เพื่อรองรับการพัฒนาประเทศ เพราะโลกไร้พรมแดน ภาษาอังกฤษจึงมีความสำคัญ ต้องกล้าพูด และคิดให้เป็นภาษาอังกฤษ จำทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษ โดยอาจกำหนดว่าหนึ่งสัปดาห์จะต้องพูดภาษาอังกฤษในหนึ่งวัน เพื่อเป็นการฝึกฝน

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้ถามนักเรียนมีใครอยากเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ หากอยากเป็นต้องรอตนเองก่อน และสนทนาภาษาอังกฤษ กับครูผู้สอนจากเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ พร้อมสอบถามถึงชีวิตความเป็นอยู่และการเรียนการสอน โดยครูสอนภาษาอังกฤษ ระบุว่า ชอบอาหารไทย โดยเฉพาะส้มตำ และปลาร้า และยังชอบคนไทย ซึ่งทำให้นายกรัฐมนตรีพอใจเป็นอย่างมากก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะมอปอุปกรณ์กีฬาให้เด็กนักเรียนและถ่ายภาพกับเด็ก ๆ อย่างเป็นกันเอง
------------
นายกฯ เปิดโรงสีข้าวอินทรีย์ บ้านอุ่มแสง จ.ศรีสะเกษ พร้อมชื่นชมความสำเร็จกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดโรงสีข้าวอินทรีย์ บ้านอุ่มแสง ซึ่งเป็นวิสาหกิจชุมชน กลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ ประชารัฐเกษตรสมัยใหม่อุ่มแสง อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ ที่ประสบความสำเร็จ จากการปลูกพืช5 กลุ่ม คือข้าว ทุเรียน พริก หอมแดง กระเทียม พร้อมมอบเงินสนับสนุน 45 ล้านบาท โดยกลุ่มดังกล่าว มี สมาชิก 1,258 ครัวเรือน
พื้นที่ 20,716 ไร่ โดยผลิตผล เป็นการปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ เพิ่มมูลค่าสินค้า สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรโดยฤดูกาลผลิต ที่ผ่านมาทำรายได้ 48.7 ล้านบาท เฉลี่ย 38,738 บาท ต่อครัวเรือน โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นตลาดยุโรปจากการสั่งพรีออเดอร์ 80% จำหน่ายในประเทศ 20%

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ชื่นชมความสำเร็จของกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ พร้อมกล่าวกับประชาชน ว่า การดำเนินการเรื่องเกษตร แปลงใหญ่จะต้องมีเพิ่มขึ้น รัฐบาลจะสานต่อนโยบาย พร้อมกับสร้างความเข้าใจแก่เกษตรกรทั่วประเทศ โดยให้คนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนช่วยพัฒนาสานต่องานของครอบครัว เหมือนกลุ่มนี้ ที่มีลูกสาว จบ ดร. แล้วมาช่วยด้านการตลาด ซึ่งทั้งหมดอยู่ที่เกษตรกรทุกคน รัฐบาลไม่สามารถ
ใช้อำนาจตามมาตรา 44 บังคับให้ใครทำตาม แต่สิ่งที่ทำนั้นจะแตกต่างจากอดีตที่ผ่านมา รัฐบาลไม่ได้มุ่งหวังอะไรนอกจากขอความร่วมมือและสิ่งสำคัญ คือ การลดต้นทุนที่พัฒนาสินค้าการเกษตรให้มีคุณภาพ วางรากฐานในอนาคต สร้างรายได้ให้ประเทศ ให้ทุกคนอ่านทำบัญชีและเรียนรู้การทำเกษตรสมัยใหม่ โดยรัฐบาลตั้งเป้าภายใน 5 ปี ต้องเปลี่ยนทำการเกษตรแปลงใหญ่ ได้ 10 ล้านไร่ เฉลี่ยปีละ 2 ล้าน ไร่

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้พูดคุยกับชาวบ้านว่าการเดินทางลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ ทำให้มีความสุข เพราะอยู่กรุงเทพฯ มีปัญหาเยอะทำให้โมโห ตื่นเช้ามามีทั้งปัญหาพระ ปัญหาคน และปัญหาโรงไฟฟ้าถ่านหิน ซึ่งทุกปัญหาก็พยายามแก้ไข
--------
นายกฯ ชู จ.ศรีสะเกษ เป็นหนึ่งในต้นแบบเกษตรแปลงใหญ่ ยันรัฐบาลลงพื้นที่สร้างความสุขให้ประชาชน ขออย่าขัดแย้ง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพมหานครว่า วันนี้เป็นวันแห่งความสุขที่ได้มาเยือนจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งมีความก้าวหน้า มีความเจริญเติบโตในเรื่องของเกษตรแปลงใหญ่ นอกจากนี้ยังได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี จึงอยากยกให้จังหวัดศรีสะเกษเป็นหนึ่งในต้นแบบของเกษตรแปลงใหญ่ เพราะวันนี้มีคนรุ่นใหม่ที่เรียนจบการศึกษาระดับสูง แล้วกลับมาทำงานการเกษตรเป็นจำนวนมาก จึงขอให้ช่วยกันติดตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งเกษตรกรเป็นอาชีพที่มีเกียรติเลี้ยงดูผู้คนทั่วทั้งโลก และประเทศไทยเอง มีโอกาสที่จะสร้างรายได้จากการเกษตร จึงต้องทำความร่วมมือกับทุกภาคส่วนให้หันมาทำเกษตร
แบบใหม่นี้ และประเทศไทยต้องไม่ลืมรากเง่าของตนเอง แม้จะมีนโยบายการเป็นไทยแลนด์ 4.0 ก็ต้องปฏิรูปด้านงานเกษตรให้มีความก้าวหน้า

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีปัญหาในเรื่องของการบริหารจัดการน้ำ แต่ 2 ปีมานี้ การบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลดีขึ้น มีน้ำเพียงพอต่อการใช้จ่ายโดยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้น้ำ ขุดลอกคูคลอง ฯลฯ ซึ่งทำได้ดีกว่า 8 ปีที่ผ่านมา แตกต่างจากที่ถูกกล่าวหาว่าทหารทำอะไรไม่เป็น

อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า รัฐบาลนี้ตั้งใจที่จะทำงาน วางรากฐานอนาคตไว้ให้กับประชาชน โดยเฉพาะเกษตรกร ซึ่งอยากให้คนรุ่นใหม่ที่มีการศึกษาเข้ามาช่วยวางระบบเพื่อนำไปสู่การเป็นไทยแลนด์ 4.0 และอย่าขัดแย้งหรือบิดเบือน พร้อมย้ำว่าการลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ ทำให้มีความสุขเมื่อเห็นชาวบ้านมีความสุขมีเสียงหัวเราะ ทำให้มีความสุขไปด้วย แต่อย่าทะเลาะกัน ขณะเดียวกัน ยืนยันว่าสิ่งที่ทำนี้ไม่ได้ต้องการให้ใครมารัก24/2/60เพราะว่ามีความรักเพียงพออยู่แล้ว จึงอยากให้ทุกคนรักประเทศ ขัดแย้งกันเสียที

ไม่มีความคิดเห็น: