PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ฤทธิ์โซเชียล

ปมอันตราย ต้องดับไฟกันทันควัน
ตามอาการที่ “เสธ.ไก่อู” พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รีบออกมาเคลียร์กระแสข่าวลือในโลกโซเชียลมีเดียที่ว่า รัฐบาลกำลังจะล้มเลิกโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ “บัตรทอง” เนื่องจากรับภาระงบประมาณจำนวนมากไม่ไหว
เป็นการออกมาปฏิเสธซ้ำอีกรอบ
หลังจากที่ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข ก็ได้ยืนยันข่าวรัฐบาลพยายามยกเลิกโครงการ “บัตรทอง” ไม่เป็นความจริง
ทั้งรัฐมนตรี ทั้งโฆษกรัฐบาล ต้องช่วยกันเคลียร์ข่าวลือ 2-3 รอบ
ตามปรากฏการณ์แบบที่ ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ โฆษกสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ระบุเลยว่า เรื่องงบบัตรทองที่เป็นกระแสสังคมอย่างมากในขณะนี้ เนื่องจากบัตรทองหรือระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติถือเป็นสวัสดิการภาครัฐที่ให้กับประชาชนในด้านการรักษาพยาบาล โดยครอบคลุมผู้มีสิทธิถึง 48 ล้านคน ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ
ดังนั้น เมื่อมีข่าวกระทบความรู้สึกประชาชนจึงกลายเป็นประเด็นที่อ่อนไหว แม้ว่าข้อเท็จจริงจะไม่ได้เป็นไปตามข้อมูลที่นำเสนอ
นี่แหละปัญหาใหญ่ของรัฐบาลทหาร คสช.
ปมอ่อนไหวแท้ๆ แต่กลายเป็นว่า คนเชื่อข่าวลอยๆในโซเชียลฯมากกว่าทางการ
นั่นหมายถึงสถานการณ์ของกระแสที่บริหารลำบาก
โซเชียลมีเดียคือปัจจัยที่เข้ามาเพิ่มความยากให้รัฐบาลท็อปบูตในการคุมเกม
ตามสถานการณ์ที่อิทธิฤทธิ์ของโลกโซเชียลฯทำให้รัฐบาลปวดหัวต่อเนื่องกับกรณีของวัดพระธรรมกายที่ปฏิบัติการชิงพื้นที่ข่าว ปล่อยข้อมูลกระตุกเครือข่ายสาวกผ่านเฟซบุ๊ก ไลน์ ฯลฯ
เล่นเอาล่อเอาเถิดกับเจ้าหน้าที่รัฐ เหนื่อยไปตามๆกัน
ล่าสุดในอารมณ์แบบที่นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมว.ยุติธรรม และภรรยา โดนทีมพระฝ่ายประชาสัมพันธ์วัดพระธรรมกายเอาเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวโพสต์ลงเฟซบุ๊กให้เหล่าศิษย์ธรรมกายโทร.ไปป่วนจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน
ย้อนศรฝ่ายรัฐบาลที่งัดดาบมาตรา 44 ล้อมกรอบเจ้าสำนัก “ธัมมชโย”
และฝ่ายรัฐบาลก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม แนะนำให้ รมว.ยุติธรรมเปลี่ยนเบอร์ใหม่เพื่อหนีการรังควาน
โดยอาการของฝ่ายคุมเกมอำนาจที่ต้องตกอยู่ในวงล้อมโซเชียลฯ
ที่สำคัญเป็นโลกโซเชียลฯแบบไทยๆ ที่ยังไม่ได้มาตรฐานเทียบเท่ากับต่างประเทศ ส่วนใหญ่แชร์ ไลค์ คอมเมนต์ โดยขาดการตรวจสอบข้อเท็จจริง
เน้นอิงความรู้สึกนึกคิดส่วนตัวเป็นหลัก
นั่นทำให้กระแสบางเรื่องผิดเพี้ยนจากหลักการความเป็นจริงไปเลย
และจุดนี้ก็ถือว่าไม่เป็นผลดีกับสถานการณ์ของรัฐบาล คสช.ที่อยู่ในภาวะขาลง คะแนนนิยมลดลงตามโพลช่วงหลังๆ ถ้าเจอพลังโซเชียลฯโหมข่าวปลอมผสมข่าวจริงกระหน่ำบ่อยๆ
เพลี่ยงพล้ำ ถึงขั้นงานกร่อยได้เหมือนกัน
สถานการณ์อ่อนไหวแค่ไหน ดูจากอาการของ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ที่หงุดหงิด “เสธ.ไก่อู” ฐานแถลงข่าวปมโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ไม่รู้เรื่อง
ทำให้ปมยังร้อนต่อเนื่อง แม้รัฐบาลจะสั่งให้กลับไปเริ่มนับหนึ่งใหม่
ฝ่ายต้านก็ระแวงว่ารัฐบาลไม่จริงใจ แค่แกล้งถอย เพื่อรอลุย ฝ่ายหนุนก็ด่ารัฐบาลแหยงม็อบเกินไปจนไม่ยึดหลักการความจำเป็น
หนีไม่พ้นโดนถล่มทั้งขึ้นทั้งล่อง
ในภาวะที่ “นายกฯลุงตู่” ต้องจำใจถอยตั้งหลัก ไม่กล้าหักดิบตามสถานะผู้นำที่ถืออำนาจพิเศษอยู่ในกำมือ จากภาวะภูมิคุ้มกันลดลง ต้นทุนหน้าตักส่วนตัวที่เคยหนาๆเจอปัญหาน้องรักอย่าง “บิ๊กติ๊ก” พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกลาโหม ถลุงไปจนร่อยหรอ
ผลจากฝ่ายต่อต้านล็อกเป้ากัดติด แฉประจานในโซเชียลฯอย่างต่อเนื่อง
แถมส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องจริงที่ปฏิเสธไม่ออกซะด้วย.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: