PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2560

ปู่...ปรีดี...กับสิ่งที่หายไป .

สตาร์ทอัพผัดเป็ด
ปู่...ปรีดี...กับสิ่งที่หายไป
.
เรื่องนี้ถ้าไม่บันทึกไว้ก็คงหายไปกับกาลเวลาเลยต้องเล่าและบันทึกไว้
.
ครั้งหนึ่งคุณปู่เคยช่วยเหลืองานของอาจารย์ปรีดีแต่มีเรื่องความเห็นไม่ลงรอยกัน หลังจากเหตุการณ์นั้นท่านจึงมีความรู้สึกเป็นลบกับปรีดีอยู่บ้าง ปู่ไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ลูกฟังทุกคนและคนในครอบครัวก็ไม่มีการบันทึกไว้อย่างเป็นทางการ ความรู้สึกที่บ้านต่อคนชื่อปรีดีจึงมึนๆ บางทีก็ไปทางไม่ดีด้วยซ้ำตามประสาคนเมืองเสพข่าวกระแสหลัก ก็ต้องขอบคุณเหตุการณ์หมุดหายนี่แหละที่ทำให้ผมมีความรู้สึกตื่นตัวและเข้าใจประวัติครอบครัวตัวเองมากขึ้น
.
เกริ่นสักนิด
.
8 ธันวา 1941 : ช่วงเวลาใกล้ๆ กับที่กองเรือแปซิฟิกของสหรัฐกำลังลุกไหม้อยู่ในอ่าว Pearl Harbor จักรวรรดิญี่ปุ่นเปิดฉากสงครามมหาเอเซียบูรพาด้วยการบุกไทย โดยมีเป้าหมายระยะสั้นคือใช้เป็นทางผ่านไปยังพม่า,อินเดียซึ่งในยุคนั้นเป็นอานาณิคมอังกฤษ ส่วนเป้าหมายระยะยาวคือสร้างมหาจักรวรรดิ "วงไพบูลย์ร่วมแห่งมหาเอเชียบูรพา" ที่จะรวมชาติเอเซียทั้งหลายมาอยู่ใต้ธงอาทิตย์อุทัย (หรือที่ ทร. สหรัฐยุคนั้นเรียกว่า ธงลูกชิ้น ฮาๆ) รัฐบาลไทยภายใต้จอมพล ป. ในต้านกองทัพญี่ปุ่นได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ยอมจำนน เพราะทหารญี่ปุ่นเก่งมากและดูท่าทีแล้วฝ่ายอักษะ (ญี่ปุ่น,เยอรมัน) มาวินแน่นอน ปีก่อน (1940) เจ้าอาณานิคมอย่างฝรั่งเศสยังศิโรราบให้กับฮิตเลอร์, อังกฤษเรอะก็ดูร่อแร่, ปฏิบัติการบาร์บารอสซาแค่เริ่มมาไม่กี่เดือนโซเวียตดูจะแตกแหล่มิแตกแหล่ใต้สายพานรถถังเยอรมัน, ฝั่งจีนเองเจียงไคเช็กก็ทิ้งนานกิงให้ญี่ปุ่นใช้คอคนจีนลับดาบซามูไรเล่น ถอยเมืองหลวงมาฉงชิ่งได้จะ 3 ปีแล่ว
.
สู้คงไม่ไหว สายซัพพอร์ตก็ไม่มี ดูสถานการณ์แล้วอักษะคงชนะแชมป์พรีเมียร์ลีกรอบนี้แน่ แถมก่อนหน้าญี่ปุ่นเคยมีบุญคุณเป็นตัวช่วยใกล่เกลี่ยให้ฝรั่งเศสยอม "คืน" ดินแดนฝั่งกัมพูชาที่ไทย "เสีย" ให้ไปในช่วงล่าอาณานิคมด้วย ไทยจึงมีความไว้ใจญี่ปุ่นอยู่พอควร ยอมจำนนและประกาศสงครามกับอังกฤษ, อเมริกาตามลูกพี่ไป
.
แต่ในขณะที่รัฐบาลร่วมมือกับฝ่ายญี่ปุ่น นายปรีดีซึ่งในสมัยนั้นเพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์กลับไม่เห็นด้วยเพราะท่านเคยไปเจรจาแก้สัญญาไม่เป็นธรรมกับชาติตะวันตกหลายประเทศและเห็นว่าสหรัฐมีพลังทางอุตสาหกรรมสูงมาก หากวันไหนอมเริกาเข้าร่วมสงครามอย่างเต็มตัวในฐานะ "ยักษ์ตื่น" ฝ่ายสัมพันธมิตรก็มีสิทธิ์ชนะและที่สำคัญคือการยอมญี่ปุ่นก็เท่ากับไทยต้องเสียอธิปไตยไป นายปรีดีจึงเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการจัดตั้ง องค์การต่อต้านญี่ปุ่น ซึ่งต่อมาเรารู้จักในชื่อเสรีไทยขึ้นโดยท่านเองใช้รหัสเรียกตัวเองว่า "รู้ธ" โดยมีเป้าหมายเพื่อ ต่อต้านญี่ปุ่น, ร่วมมือกับสัมพันธมิตรเพื่อแสดงถึงเจตนารมณ์แท้จริงของราษฎรไทย และข้อสำคัญคือปฏิบัติการเพื่อให้ฝ่ายสัมพันธมิตรรับรองว่าประเทศไทยจะไม่ตกเป็นฝ่ายแพ้สงคราม และพยายามผ่อนหนักเป็นเบาสำหรับสถานการณ์หลังสงคราม
.
โชคดีที่ในเวลาเดียวกัน หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช เอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา ก็ปฏิเสธไม่ยื่นประกาศสงครามให้กับรัฐบาลสหรัฐและรวบรวมคนไทยที่นั่นก่อตั้งขบวนการเสรีไทยสายอเมริกาขึ้นด้วย ซึ่งการประกาศจุดยืนแต่เนิ่นนั้นจะมีผลดีอย่างมากเมื่อสงครามจบ
.
เรื่องน่าสนใจของเสรีไทย คือมีคนจากทั้งฝั่งคณะราษฏร ฝั่งอนุรักษ์นิยมเดิมเข้ามาร่วมงานกันภายใต้การนำของ "รู้ธ" เพื่อเป้าหมายกู้ชาติทั้งที่เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงการปกครองเพิ่งผ่านมาได้ 10 กว่าปีเท่า แผลยังสดใหม่กว่าทุกวันนี้มาก ก็แปลกดีที่ลูกหลานทางอุดมการณ์ของทั้งสองฝ่ายบางท่าน โดยเฉพาะที่ไม่ได้เป็นลูกหลานจริงแต่โดน Propaganda หลอกใช้จนเดือดร้อน หัวร้อนแทนของที่ไม่ใช่ของตัวกลับลืมเหตุการณ์ช่วงเสรีไทยนี้ไป ดันคิดว่าทั้งสองฝ่ายไม่เคยมองหน้ากันติดและจ้องทำลายลางผลาญกันตลอด
.
เสรีไทยไม่ได้มีแค่ชนชั้นนำเท่านั้น แต่ยังตามมาด้วยแนวร่วมที่เรียกว่าเป็นผลผลิตของคณะราษฏรเช่น นักการเมือง, ข้าราชการ รวมถึงบัณฑิตจุฬา ธรรมศาสตร์ เข้าร่วมด้วย ซึ่งทำให้เสรีไทยมีประสิทธิภาพ มีโอกาสเข้าถึงข้อมูลสำคัญๆ ซึ่งคุณปู่ก็เป็นกลุ่มหลังนี่แหละ
.
หน้าที่ของเสรีไทยก็มีตั้งแต่ หาข่าว, ช่วยนักบินพันธมิตรที่เครื่องตกอย่างที่เห็นในโกโบริ, ฝึกอาวุธเพื่อเตรียมสู้ญี่ปุ่น ซึ่งช่วงรัฐบาลจอมพล ป. นั้นการเป็นเสรีไทยค่อนข้างอันตรายมากเพราะนอกจากอาจอันตรายถึงตายถ้าโดนญี่ปุ่นจับได้แล้ว รัฐยังถือว่ากลุ่มเสรีไทยเป็นกบฏอีกด้วย พอช่วงปี 1944 ญี่ปุ่นเริ่มเพลี้ยงพล้ำ จอมพล ป. ต้องลงจากตำแหน่ง นาย ควง อภัยวงศ์ (หนึ่งในคณะราษฏรและผู้ตั้งพรรคประชาธิปัตย์) ขึ้นเป็นนายกแทนรัฐบาลไทยจึงร่วมมือกับเสรีไทยมากขึ้น ญี่ปุ่นก็เหมือนรู้ว่าไทยกำลังไผ่ลู่ลมอีกคราแต่ก็ไม่ได้ตัดสินใจปราบปรามอย่างโหดร้ายเหมือนอย่างประเทศอื่น เช่นกรุงมะนิลาที่ญี่ปุ่นพังเสียรายคาบประมาณว่า ตูไม่ได้ครอง เอ็งก็เอาซากไปชมแทนละกัน
.
พอสงครามจบด้วยความพ่ายแพ้ของญี่ปุ่น ท่านปรีดีในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ก็ลงนามระบุให้การประกาศสงครามต่อ สหรัฐอเมริกา และอังกฤษ ของจอมพล ป. เป็นโมฆะ ด้วยการเสียสละของผู้รักชาติทั้งในไทยและนอกประเทศ ไทยไม่ถึงขั้นเป็นประเทศชนะสงครามเต็มตัวเพราะยังต้องจ่ายค่าเสียหายให้อังกฤษและออสเตรเลีย คืนดินแดนให้ฝรั่งเศส แต่เพราะอเมริกาคงเล็งเห็นว่าไทยจะเป็นหมากสำคัญในช่วงสงครามเย็นจึงถือเสียว่าการที่หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ไม่ยื่นประกาศสงครามก็เท่ากับว่าไทยไม่ต้องจ่ายเงินชดใช้อเมริกา แถมยังไปล็อบบี้ลดค่าเสียหายอื่นๆ ที่ไทยต้องจ่ายด้วย
.
เมื่อบ้านเมืองสงบ รัฐบาลจึงทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนิวัติกลับพระนคร...นับว่าเหตุการณ์ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นโชคดีกับระบอบการปกครองประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างยิ่ง เพราะถ้าตอนญี่ปุ่นยาตราทัพเข้ามาได้บีบกษัตริย์แทนที่จะบีบรัฐบาล จอมพล ป. แล้ว หลังญี่ปุ่นแพ้สถานะของสถาบันกษัตริย์อาจถูกคุกคามได้ เช่นพระเจ้า Leopold III แห่งเบลเยี่ยมที่ต้องสละราชสมบัติเพราะคนมองว่าร่วมมือกับฮิตเลอร์มากเกินไป หรืออย่าง รีซ่า ชาห์ พาลาวี่แห่งเปอร์เซียที่โดนอังกฤษ,โซเวียตปลดกลางอากาศกลางสงครามเพราะอยากให้พระโอรสที่คุมง่ายกว่าขึ้นครองบัลลังก์แทน
.
ผลงานของอาจารย์ปรีดีในช่วงสงครามโลกทั้งในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์และในฐานะ "รู้ธ" เป็นสิ่งที่คนต้องการวาดท่านเป็นปิศาจควรหันกลับมาพิจารณาสักนิด มนุษย์ทกคนไม่มีใครขาวสะอาด ไม่มีใครดำสนิท ความโอนเอียงไปตามแนวคิดเศรษฐกิจโซเวียตของท่านเป็นเรื่องควรวิจารณ์อย่างปฏิเสธไม่ได้ แต่การได้รักษาชาติและระบอบการปกครองของชาติไว้ของท่านก็เป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน
.
หลังจบสงครามนี่แหละที่คุณปู่มีเรื่องเห็นไม่ตรงกับอาจารย์ปรีดี และในความรู้สึกส่วนตัวผม จังหวะนั้นแสดงคาแรกเตอร์ของปรีดีได้ดีทีเดียว
.
เรื่องมีอยู่ว่า เสรีไทยหลายท่านที่ต้องทำงานเสี่ยงช่วงสงครามบางท่านได้เสนอให้มีการทำอนุสรณ์เสรีไทยขึ้นมาเพื่อระลึกถึงความยากลำบาก ความร่วมมือกันของคนไทยทุกชนชั้น อาชีพสืบไป ซึ่งคุณปู่ก็เห็นด้วยกับเพื่อนๆ กลุ่มนั้น
.
แต่คำตอบของท่านปรีดี ในฐานะคนก่อตั้งเสรีไทยคือ
.
"ไม่"
.
เพราะท่านปรีดีเกรงว่าอนุสรณ์ที่ว่าจะกลายเป็นสัญลักษณ์ให้กลุ่มอดีตเสรีไทยด้วยกันเองหรือลูกหลานเอาไปใช้ประโยชน์ทางการเมือง เอาไปหาเสียง ทวงบุญคุณประเทศในภายหลัง
.
คำตอบของท่านทำให้กลุ่มเพื่อนคุณปู่รู้สึกน้อยใจ แต่การปฎิเสธของอาจารย์ปรีดีแสดงถึงอะไรหลายๆ อย่างมาก
.
ทั้งๆ ที่ถ้าหากต้องการรวบอำนาจเป็นของตัวช่วงเวลานั้นเหมาะที่สุดแล้ว คณะราษฎรฝั่งพลเรือนและทหารเรือมีอำนาจเต็มเปี่ยม ฝ่ายจอมพล ป. ทั้งเสียหน้าไปจากการร่วมมือกับญี่ปุ่น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ยังไม่นิวัติพระนคร การจะสร้างอนุสรณ์เสรีไทยเพื่อยกย่องวีรกรรมตนเอง สถาปนาตัวเป็นบุรุษกู้ชาตินั้นทำได้สบาย เพราะมีทั้งตำแหน่งและผลงานจริงเป็นทุนเดิม
.
แต่ท่านก็ไม่ทำ จนถึงวันนี้บรรพกษัตริย์มีพระบรมรูปมากมายให้เรากราบไหว้ คณะราษฏรยังมีอนุเสาวรีย์ประชาธิปไตยให้ระลึกถึง หลุมศพฝรั่งสร้างทางรถไฟสายมรณะยังมีสุสานให้คนไทยไปเที่ยวชม แต่เสรีไทย 4-5 หมื่นคนไม่มีกระทั่งรายชื่อทั้งหมดว่าใครบ้าง อนุสรณ์ก็ไม่มี ทุกคนกลับไปใช้ชีวิตตามเดิมและตายไปโดยที่ลูกหลานบางคนยังไม่รู้ว่าบรรพบุรุษตัวเองทำอะไรมาบ้าง ตามอุดมการณ์เดิมของ "รู้ธ" ที่ถือว่าพวกเขาได้ชัยชนะสูงสุดคืนมาแล้ว นั่นคืออธิปไตยกลัยมาสู่ประชาชน
.
น่าเสียดายที่เราใช้เวลาหลังจากนั้นแบบไม่คุ้มค่าเท่าที่ควร
.
น่าเสียดายที่หลังจากนั้น อดีตเสรีไทยหลายท่านก็โดนสังหารในสมัยเผด็จการทหารที่ตามมาเช่นนายเตียง ศิริขันธ์ในยุค จอมพล ป พิสูจน์ว่าคนในชาติกันเองน่ากลัวกว่าญี่ปุ่นเสียอีก
.
น่าเสียดายที่เราไม่มีอนุสรณ์เสรีไทยให้ระลึกว่า ประเทศไม่ใช่สมรภูมิระหว่างเทวดากับปิศาจ แต่มันเป็นช่วงจังหวะแต่ละวินาทีในแต่ละวันที่ทุกคนตระหนักว่าเราต่างต้องการกันและกัน ตระหนักว่าประเทศนั้นเต็มไปด้วยคนรักชาติที่เห็นต่างกันว่าความยิ่งใหญ่ของชาติอยู่ในสิ่งที่เราเคยเป็น หรือสิ่งที่เราสามารถเป็นได้ และประชาธิปไตยคือการที่เราสามารถถกเถียงประเด็นนี้กันได้อย่างเปิดเผย ไร้ความกลัว
.
มนุษย์มาจากประวัติศาสตร์และกำลังสร้างประวัติศาสตร์อยู่ทุกวี่วัน ยิ่งบางสถานที่ซึ่งเป็นเปรียบเหมือนจุด Big Bang เป็นต้นธารกำเนิดกระแสประวัติศาสตร์ยุคใหม่ที่เราทุกคนล้วนแหวกว่าย เราไม่ควรเข้าใจมันแค่วัตถุ หรือเฟรมๆ หนึ่งเท่านั้น
.
การปฏิเสธประวัติศาสตร์ การมองเหตุการณ์ บุคคลในประวัติศาสตร์แบบเฟรมภาพยนต์ที่กดหยุดเอาเฉพาะจุดที่เราชอบมาชื่นชม เอาจุดที่ไม่ชอบมาสาปแช่งหรือตัดทิ้งมันอันตรายมาก เพราะมันก็เหมือนกับการปฏิเสธลมหายใจที่เพิ่งสูดก่อนหน้าว่าไม่มีตัวตน มันทำให้เรากลายเป็นเด็ก คิดแบบเด็กที่อยากจะฟังแต่นิทานก่อนนอนที่มีแต่พระเอก ผู้ร้าย อัศวิน มังกร ไม่มีวันได้เรียนรู้บรรพบุรุษในฐานะมนุษย์ที่มีทั้งด้านดี ไม่ดี ฉลาด โง่ บ้าอำนาจ หลงผิด เพื่อเป็นบทเรียนให้ตัวเองเลย
.
ประเทศที่คนความคิดเป็นเด็กแต่ในร่างประชากรที่ชราลงทุกวันๆ จะอยู่รอดได้อย่างไร?
.
กราบคุณปู่ครับ
.
ป.ล. เรื่องของปู่กับปรีดีก็เป็นเพียง oral history นะครับ ใครมีข้อมูลเป็นเอกสารมาช่วยนุนหรือแย้งก็จะเป็นพระคุณยิ่ง
.
Source สถาบันพระปกเกล้า : http://wiki.kpi.ac.th/index.php?title=ขบวนการเสรีไทย

ไม่มีความคิดเห็น: