PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

ก.ม.ดัดหลังศรีธนญชัย

ก.ม.ดัดหลังศรีธนญชัย

ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ผ่านความเห็นชอบของ สนช.อย่างเป็นเอกฉันท์ มีการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ เช่น คดีการเมืองไม่มีอายุความ และพิจารณาคดีลับหลังจำเลยได้ นำไปสู่วิวาทะทางการเมือง เห็นได้ชัดว่าทั้งสองพรรคใหญ่มองเรื่องนี้ต่างกัน เพราะมองด้วยแว่นการเมืองที่ต่างกัน

ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยวิจารณ์ว่า การไม่นับอายุความในระหว่างที่จำเลยหลบหนีคดี และการพิจารณาคดี โดยไม่ต้องทำต่อหน้าจำเลย น่าจะมีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และขัดต่อหลักสากล บางคนตั้งข้อสงสัยว่ามุ่งเล่นงานใคร ทำไมจึงมุ่งเฉพาะนักการเมือง ทำไมไม่ทำกับคดีนักธุรกิจโกงร้ายแรง สงสัยว่าจะมีวาระซ่อนเร้นเพื่อเล่นงานใครหรือไม่

ด้านพรรคประชาธิปัตย์มีอดีต ส.ส.ออกมาแสดงความคิดเห็นหลายคน ล้วนแต่สนับสนุน เพราะเชื่อว่าเป็นกฎหมายที่ออกมาเพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริต ให้มีผลใช้บังคับอย่างจริงจังและมีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้ที่เข้ามาแสวงอำนาจทางการเมือง เพื่อทำการทุจริตประพฤติมิชอบ ต้องคิดหน้าคิดหลังให้หนัก เพราะถ้าจับได้ไล่ทันแม้หลบหนีคดีก็ไม่พ้นผิด

มีเสียงวิจารณ์ว่าร่างกฎหมายนี้จะมีผลบังคับย้อนหลังเพื่อเอาผิดคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอดีตหรือไม่ ข้อเท็จจริงก็คือ

ไม่ใช่กฎหมายที่กำหนดโทษใหม่ เพราะความผิดทางอาญาเป็นความผิดตามกฎหมายอยู่แล้ว ร่างใหม่เพียงแต่เปลี่ยนแปลงวิธีพิจารณาคดี ไม่ให้นับอายุความในขณะที่จำเลยหลบหนีคดี และให้พิจารณาคดีลับหลังจำเลยได้ แต่ให้สิทธิจำเลยตั้งทนายสู้คดีแทนได้

หลายคนถามว่า ทำไมจึงมุ่งเล่นงานนักการเมือง อาจเนื่องเพราะว่าในสังคมไทยนักการเมืองเป็นกลุ่มคนที่มีอำนาจสูง มีโอกาสที่จะใช้อำนาจหน้าที่กระทำความผิดอาญามาก เช่น การฉ้อราษฎร์บังหลวง และมีอำนาจบารมีมาก อาจแทรกแซงกระบวนการการใช้บังคับกฎหมาย ไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่ตรงไปตรงมา นักการเมืองที่ทำผิดส่วนมากจึงลอยนวล

แม้จะถูกจับกุมดำเนินคดีและตกเป็นจำเลยในศาลแล้ว แต่นักการเมืองผู้มากด้วยอำนาจบารมีก็ยังสามารถหนีความผิดได้ ด้วยการหลบหนีไปต่างประเทศ รอให้คดีขาดอายุความ และกลับบ้านอย่างสง่างาม ร่างกฎหมายใหม่อาจมุ่งอุดช่องโหว่ของกฎหมายตรงนี้ และดัดหลังนักการเมืองแบบศรีธนญชัย โดยอาศัยบารมีของศาลหรืออำนาจตุลาการเป็นที่พึ่ง

จุดอ่อนสำคัญของการปกครองประเทศ คือการขาดความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงและอย่างต่อเนื่อง เป็นประชาธิปไตยที่ล้มลุกคลุกคลานและอ่อนแอ ระบบการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจอ่อนแอ ผู้กุมอำนาจบริหารสามารถแทรกแซง และครอบงำได้ทั้งราชการและรัฐสภา จึงต้องใช้องค์กรใหม่ๆช่วยเสริมอำนาจการตรวจสอบให้เข้มแข็ง.

ไม่มีความคิดเห็น: