PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2560

“บิ๊กตู่” ใช้ม.44 กำหนด 10 ตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิส่วนราชการ รับเงินตำแหน่งสูงสุด 2.1หมื่นบาท

“บิ๊กตู่” ใช้ม.44 กำหนด 10 ตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิส่วนราชการ รับเงินตำแหน่งสูงสุด 2.1หมื่นบาท



ภาพกราฟิกลิขสิทธิ์
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ ๓๖/๒๕๖๐เรื่อง การกำหนดตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิประจำส่วนราชการ ระบุว่าเพื่อให้การปฏิรูปประเทศและการปฏิบัติราชการตามนโยบายของรัฐบาลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยนำศักยภาพของข้าราชการที่มีความรู้ความสามารถมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตลอดจนเพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ข้าราชการที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น แต่ยังไม่มีโอกาสก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ภายใต้กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งที่มีอยู่ จึงจำเป็นต้องแก้ปัญหาข้อจำกัดดังกล่าวเพื่อประโยชน์ข้างต้น
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๖๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับ
มาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ หัวหน้าคณะ
รักษาความสงบแห่งชาติ โดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคำสั่ง ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้มีตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิประจำส่วนราชการ เพื่อใช้เป็นอัตราหมุนเวียนเฉพาะตัว รวม ๑๐ ตำแหน่ง สำหรับการแต่งตั้ง หรือบรรจุและแต่งตั้งบุคคล ตามที่นายกรัฐมนตรีเห็นสมควรให้ ย้าย โอน หรือเลื่อนขึ้นเพื่อแต่งตั้ง หรือบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว โดยให้ปฏิบัติหน้าที่
ในส่วนราชการตามที่นายกรัฐมนตรีกำหนด ดังนี้
(๑) ผู้ทรงคุณวุฒิประจำส่วนราชการระดับกระทรวงหรือกรม จำนวน ๕ ตำแหน่ง โดยให้ เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ประเภทบริหาร ระดับสูง เทียบเท่าหัวหน้าส่วนราชการที่มีฐานะเป็นกระทรวง รับเงินประจำตำแหน่ง ๒๑,๐๐๐ บาท
(๒) ผู้ทรงคุณวุฒิประจำส่วนราชการระดับกรม จำนวน ๕ ตำแหน่ง โดยให้เป็นข้าราชการ พลเรือนสามัญ ประเภทบริหาร ระดับสูง เทียบเท่าหัวหน้าส่วนราชการที่มีฐานะเป็นกรม รับเงินประจำตำแหน่ง ๑๔,๕๐๐ บาท
เมื่อนายกรัฐมนตรีเห็นเป็นการจำเป็นและสมควรแต่งตั้งข้าราชการฝ่ายพลเรือน ตำรวจหรือข้าราชการฝ่ายทหาร ผู้ใดที่อยู่ในอำนาจของฝ่ายบริหาร มาดำรงตำแหน่งดังกล่าวเป็นการเฉพาะตัวเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการในการปฏิรูปและการบริหารงานเชิงยุทธศาสตร์ ให้ดำเนินการเสนอ
คณะรัฐมนตรีพิจารณา และนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต่อไปให้ผู้ทรงคุณวุฒิประจำส่วนราชการตาม (๑) อยู่ในการบังคับบัญชาและการมอบหมายงานของรัฐมนตรีเจ้าสังกัด ส่วนกรณีตาม (๒) ให้อยู่ในการบังคับบัญชาและการมอบหมายงานของปลัดกระทรวงเจ้าสังกัด
ข้อ ๒ ข้าราชการที่จะย้าย โอน หรือเลื่อนขึ้น เพื่อแต่งตั้ง หรือบรรจุและแต่งตั้งให้ ดำรงตำแหน่งตามข้อ ๑ ต้องไม่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบโดยรัฐ การดำเนินการทางวินัยหรือการดำเนินคดีอาญา
ข้อ ๓ ให้สำนักงาน ก.พ. สำนักงบประมาณ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการ
เกี่ยวกับตำแหน่ง อัตราเงินเดือน และสิทธิประโยชน์ของข้าราชการดังกล่าว และให้สำนักงาน ก.พ.
กำหนดวิธีปฏิบัติตามคำสั่งนี้
ข้อ ๔ ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีเห็นสมควรให้ข้าราชการพ้นจากตำแหน่งตามข้อ ๑ หรือให้
ไปดำรงตำแหน่งอื่น ให้ดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบราชการที่เกี่ยวข้อง
ข้อ ๕ กรณีมีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามคำ สั่งนี้ ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
เสนอประธาน ก.พ. วินิจฉัย คำวินิจฉัยของประธาน ก.พ. ให้ถือเป็นที่สุด
ข้อ ๖ ในกรณีที่เห็นสมควร นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีอาจเสนอให้คณะรักษาความสงบ
แห่งชาติเปลี่ยนแปลงคำสั่งนี้ได้
ข้อ ๗ เมื่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติสิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา ๒๖๕
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ให้คำสั่งนี้สิ้นสุดลง แต่ไม่กระทบต่อผู้ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง
ตามคำสั่งนี้อยู่ก่อนแล้ว
ข้อ ๘ คำสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ ๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ไม่มีความคิดเห็น: