PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2560

'ทางนรก-ทางสวรรค์' ของพงศ์พร

เวลา "ผู้ใหญ่" ที่เราเคารพนับถือเสียชีวิต โบราณห้ามลูกหลานร้องไห้
ถ้าร้อง...........
น้ำตาจะพันแข้ง-พันขาท่านไว้ จะไปเกิดในภพภูมิใหม่ก็ไม่ได้ เพราะห่วง
"พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์" กำลังตกอยู่ในลักษณะนี้!
เมื่ออังคาร (๒๙ ส.ค.๖๐)
ครม.มีมติย้ายท่านจากตำแหน่ง "ผอ.สำนักพุทธ" ไปเป็น "ผู้ตรวจราชการสำนักนายกฯ"
"พ่อยก-แม่ยก" ตกใจ ว่าท่านกำลังปราบปลวกในดงเหลืองมีผลสัมฤทธิ์ "ตายยกรัง" เห็นๆ ประทับใจญาติโยมเหลือหลาย
แล้วทำไม "นายกฯ ลุงตู่" ใจร้าย...........
นายังไม่ทันเสร็จดี เชือดโคถึกทำลาบเลือดซะแล้ว!
ก็เอะอะ-โวยวาย "ด้วยรักและห่วงใย" พ.ต.ท.พงศ์พรกันขนานใหญ่
ไปถึงขั้นว่า..........
รัฐบาลทนแรงกดดัน "มาเฟียสงฆ์" ไม่ไหว
จำต้องให้ย้ายออกไป เพื่อลดการเผชิญหน้าระหว่าง "ปลวกเหลือง" กับ "มือปราบเงินทอน"
ตอนนี้ "พ่อยก-แม่ยก" พ.ต.ท.พงศ์พร ไปถึงขั้นล่าชื่อ เพื่อยื่นให้นายกฯ ลุงตู่ทบทวนการย้าย!
ก็ "ภูมิใจ" แทนมือปราบเงินทอนนะ อย่าว่าแต่ชาวบ้านรัก ไม่ต้องการให้ย้ายท่านเลย ผมก็ไม่อยากให้ย้าย
เห็นมติ ครม.ออกมาทีแรก ยังตกใจ
แต่พอทบทวน ก็เข้าใจ.............
เห็นเหตุผลในการย้ายตามเส้นทางราชการและตาม "ยุทธศาสตร์-ยุทธวิธี" ทหาร
เพื่อบรรลุเป้าหมายในภารกิจ
ผู้บังคับบัญชาย่อมรู้ ควรเลือกใช้คนไหน-ในกาลไหน งานจึงจะไม่ติดขัด?
ฉะนั้น พวกเรา ก็เหมือนคน "ดูหนัง-ดูละคร" ก็จินตนาการไปตามที่เห็นเฉพาะ "หน้าฉาก"
แต่หลังฉาก.........
เราก็ไม่รู้ว่า เรื่องปลวก-ด้วง-แมง ที่แทะไชพระพุทธศาสนาอยู่ในวงการคณะสงฆ์มานมนาน
เสร็จขั้นตอน "รื้อพื้นหน้า" ให้เห็นฝูงปลวกในดงเหลืองชั้นใน ว่ายุ่บยั่บอยู่ตรงไหน-ต่อตรงไหนแล้ว
ก็ถึงขั้นตอนปราบ เยียวยารักษา บูรณะ-ฟื้นฟู ให้คืนสภาพ
จะให้ พ.ต.ท.พงศ์พร เป็นทั้ง ช่างรื้อ-ช่างซ่อม-ช่างสร้าง-ช่างรักษา คนเดียวเบ็ดเสร็จ สไตล์ "วัน สตอป เซอร์วิส" คงไม่ใช่
ฉะนั้น "รอซักครู่" ดีกว่า............
คือรอดู นายกฯ ลุงตู่ จะเอาใครมา "เก็บงาน-สานต่อ" ในตำแหน่ง ผอ.สำนักพุทธ จากที่ พ.ต.ท.พงศ์พรเปิดหน้าปลวกไว้ให้
คนทั่วไป มักมอง "ตำแหน่งผู้ตรวจราชการ" เป็นตำแหน่งลอย ไม่มีงาน ไม่มีอำนาจอะไร ถูกเรียกเข้าไปเก็บกรุ
ก็มีส่วนถูก ระบบบริหารราชการงานเมือง มักเป็นเช่นนั้น แต่อย่าลืม ระบบราชการเป็นขั้นๆ จึงมีคำว่า "ไต่เต้า"
หมายถึงเติบโตขึ้นไปตามลำดับชั้นน่ะ!
พ.ต.ท.พงศ์พร นั้น ตอนอยู่ดีเอสไอ แค่ระดับ ๙ ธรรมดา
แต่ด้วย "เพชรมีค่าในตัว"..........
นายกฯ มองเห็นแสง จึงเอามาเป็น "มือปราบเงินทอน" ในขณะที่กลุ่มปลวกในวงการสงฆ์กับคนสำนักพุทธร่วมอร่อยในถังคูถ
มาเป็นผู้บริหารชั้นสูง "ระดับ ๑๐" ในตำแหน่ง ผอ.สำนักพุทธ เมื่อกุมภา ๖๐
และนั่น พ.ต.ท.พงศ์พร ก็ไม่ทำให้ทั้งนายกฯ ทั้งญาติโยม พ่อยก-แม่ยก และสงฆ์บริสุทธิ์ทั้งหลาย ต้องผิดหวัง
ภารกิจที่รัฐบาลมอบหมาย
ให้ไป "รื้อ-ล้าง" ปลวก
ไม่ได้ให้ไป "รื้อ-ล้ม" คณะสงฆ์!
๖-๗ เดือน ก็บรรลุ "การรื้อ-ล้าง" ปลวกระดับหนึ่ง ถึง พ.ต.ท.พงศ์พรย้ายไป
เรื่องฉาวคาวสงฆ์เกี่ยวกับเงินทอนที่รื้อไว้ ก็ไม่ต้องห่วงว่าจะล้ม
เพราะแต่ละเรื่อง เข้าสู่กระบวนการคดีความแล้ว
หมายถึงว่า ไม่มี พ.ต.ท.พงศ์พร ก็ไม่มีปัญหา เรื่องเลยขั้นตอนสำนักพุทธ สู่คดีความ ที่ใครจะฉุดไม่ให้ไปถึงศาลไม่ได้แล้ว!
ควรต้องรู้............
สำนักพุทธเป็นหน่วยงานราชการระดับกรม ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี นายกฯ ประยุทธ์ "เป็นผู้บังคับบัญชา"
ตอนนี้ "นายออมสิน ชีวะพฤกษ์" รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ รับมอบหมายเป็นผู้ดูแล
ก็คงพอมองเห็น ว่าที่ย้าย พ.ต.ท.พงศ์พรไปเป็นผู้ตรวจสำนักนายกฯ นั้น ไม่ใช่ให้มาจำศีล หรือพ้นขาดงานสำนักพุทธ
พูดกันตรงๆ..........
ว่าที่ระดับ ๑๑ ขึ้นมาคุม "ผอ.สำนักพุทธ" ซึ่งแค่ระดับ ๑๐ อีกชั้นด้วยซ้ำ!
ในมุมมองผม ผิด-ถูกไม่รู้นะ
ด้วยศิลปบริหาร การย้าย พ.ต.ท.พงศ์พร ตอนนี้ ถือว่าถูกกาล-ถูกเวลา
ต้องไม่ลืม ผอ.สำนักพุทธ ในที่นี้ หมายถึง พ.ต.ท.พงศ์พร มีหน้าที่เป็น "เลขาธิการมหาเถรสมาคม" ด้วย
แต่ทีนี้ คงทราบ...........
ที่ผ่านมา "ด้วง-ปลวก-แมลง" กัดแทะคณะสงฆ์และพระพุทธศาสนา ไม่มีเพียงเดียรถีย์-อลัชชี ระดับล่างๆ เท่านั้น
ระดับใหญ่ "เป็นลูกพี่คุม" ก็เยอะ!
ยิ่ง พ.ต.ท.พงศ์พร รื้อให้เห็นรังปลวกในระบบเงินทอน เผยหน้า-จาระไนชื่อ-สมณศักดิ์-วัดวา ออกมา
อื้อฮือ.............
เสาหลักคณะสงฆ์ "หลายเสา"....คือตัวการ!
ถ้าติดตามข่าว จะพบว่า การประชุมมหาเถรฯ หลายครั้ง เลขาฯ คือ พ.ต.ท.พงศ์พร ไม่ได้เข้าไปทำหน้าที่
คือ ครม.สงฆ์ประชุม............
แต่เลขาฯ ครม.ไม่เข้าทำหน้าที่ ด้วยเข้าหน้ากันไม่สนิท ประสานงาน กลายเป็นประสานงา
เพราะรัฐมนตรี "หลายคน" ใน ครม.นั้น
โยงใยอยู่ใน "กลุ่มปลวก" เงินทอน!?
ไปดูรายชื่อคณะกรรมการมหาเถรสมาคม แล้วเทียบกับรายชื่อที่ตกเป็นข่าวพัวพันแก๊งเงินทอนดูก็ได้
ว่ารูปไหน-วัดไหน............
และบางราย โกรธแค้น ถึงขั้นประกาศ "คว่ำบาตร" พ.ต.ท.พงศ์พรก็มี!
ยังไม่ต้องพูดถึง "บริวารปลวก" ที่เคลื่อนไหวขับไล่ ยื่นเงื่อนไขให้นายกฯ ย้าย ผอ.สำนักพุทธคนนี้ออกไป
ในเมื่อเลขาฯ ครม.กับรัฐมนตรีหลายคน "ทำงานร่วมกันไม่ได้" ดังกล่าว ปล่อยไปอย่างนั้น จะเสียหายในทางบริหารราชการงานเมือง
ถ้าเป็น ครม.อาณาจักร ........
นายกฯ ต้องแก้ปัญหา คือต้องตัดสินใจเลือกเอาว่า
จะเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี หรือจะเปลี่ยนตัวเลขาฯ เพื่อระงับปัญหา เรื่องส่วนตัวทำลายเรื่องส่วนรวม?
แต่นี่เป็น ครม.พุทธจักร.............
ทั้งกฎหมาย ทั้งธรรมเนียมปฏิบัติ "รัฐมนตรีสงฆ์" เป็นเรื่องของสงฆ์ รัฐบาลจะไปยุ่มย่ามนอกกรอบ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ไม่ได้
โบราณก็บอกแล้ว "ชั่วช่างชี-ดีช่างสงฆ์"
ดังนั้น ส่วนที่ฝ่ายรัฐบาลจะยุ่งได้ คือ "ตัว ผอ.สำนักพุทธ" ที่เป็นเลขาฯ "ครม.สงฆ์" นั่นแหละ
ถ้าผมเป็น ผอ.พงศ์พร ผมก็อยากย้ายเหมือนกัน!
มีหน้าที่ทำงานกับพระ ...........
แต่บางพระเป็นเสียเอง นำไปสู่ความ "ไม่ชอบหน้า" ถึงขั้นงานการสะดุด
ในเมื่อสวรรค์ไปทางไหน นรกไปทางไหน ต่างรู้ทางไปด้วยกัน แต่เมื่อเดินไปทางเดียวกันไม่ได้
"หลีกทาง" ให้พระคุณเจ้าดีกว่า!
ไปเป็นผู้ตรวจฯ คอยไปตรวจงานสำนักพุทธ ผ่าน ผอ.คนใหม่ ดีซะอีก จะได้........
"ได้หมด ถ้าสดชื่น" ทั้ง ๓ ฝ่าย!
คือฝ่ายข้าราชการสำนักพุทธ, ฝ่ายคณะสงฆ์ และฝ่ายบ้านเมือง
นี่...ผมก็ว่าไปตามมุมมองผม ส่วนจะ ใช่-ไม่ใช่ ก็ตรองกันเอง
รู้จักคำว่า "กินตัว" ใช่มั้ย?
เรื่องศาสนา เรื่องพระสงฆ์องคเจ้า ก็ประมาณนั้น
เมื่อถึงจุดหนึ่ง ก็ต้องปล่อยตามระยะ ให้การกระทำ "กินตัว" ไปเอง!
ตบท้าย เลียนแบบ "ท่านขุนน้อย" ซะหน่อย
"มงแต็สกีเยอ" กล่าวว่า...........
"ไม่มีความเลวร้ายใด ที่จะยิ่งไปกว่าความเลวร้ายที่ได้กระทำโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายหรือในนามของกระบวนการยุติธรรม"
"แม้วแต๊สกีเยอ" กล่าวว่า......
"ไม่มีความเลวร้ายใดที่จะยิ่งไปกว่าความเลวร้ายที่นายกฯ เลือกตั้งกระทำโดยอาศัยอำนาจรัฐบาลประชาธิปไตย 'โกงเอาไปแบ่งกัน' ".

ไม่มีความคิดเห็น: