PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2560

แย่งเกาะขบวนอำนาจ

แย่งเกาะขบวนอำนาจ

กำลังอยู่ในช่วงเนื้อหอมจากภายในและภายนอกประเทศ

ในโปรแกรมที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. มีคิวบินข้ามทวีปไปเยือนประเทศสหรัฐอเมริกาต้นเดือนตุลาคมนี้

ตามคำเชิญของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยมีโปรแกรมเจรจาขยายความร่วมมือด้านการค้า เศรษฐกิจ และความมั่นคง

แม้จะยังไม่รู้ผลการหารือจะได้ข้อสรุปอย่างไร แต่ที่แน่ๆเป็นผลดีต่อผู้นำ คสช.ในแง่ภาพลักษณ์
ได้ผงาดบนเวทีทำเนียบขาว เช็กแฮนด์เบอร์หนึ่งพญาอินทรี ล้างภาพมหาอำนาจโลกรังเกียจเผด็จการทหาร

เปิดทางให้เวทีโลกยอมรับภาพลักษณ์ประเทศไทยดีขึ้น

ขณะที่เวทีในประเทศ สถานการณ์ทางการเมืองช่วงนี้ดูเป็นใจให้ผู้นำอำนาจพิเศษไม่ต้องพะวงเสี้ยนหนามสำคัญ นับตั้งแต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลบหนีฟังคำพิพากษาไปต่างประเทศ
แม้จะเสียหน้าไปบ้างที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทำได้แค่ไล่ตามเงา “อดีตนายกฯปู” หรืออย่างดีที่สุดเพียงแค่ตะครุบตัวทีมนายตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องขับรถพาหลบหนีไปยังชายแดน แต่สุดท้ายก็ต้องปล่อยตัวไป

ไม่สามารถแจ้งข้อหาดำเนินคดีได้ เพราะขณะนั้น “ยิ่งลักษณ์” ยังไม่มีคดีติดตัว

แต่อย่างน้อยสถานการณ์ภาพรวมทางการเมืองในประเทศถือว่า คสช.ยังควบคุมได้เบ็ดเสร็จ ตามรูปการณ์ที่ฝ่ายการเมืองเริ่มขยับวิ่งเข้าหาศูนย์กลางอำนาจในช่วงเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง

อย่างที่เห็นๆจากซีนที่ระดับ “บิ๊กเนม” และ “ยังเติร์ก” พรรคชาติไทยพัฒนาหยอดคำหวานใส่ “บิ๊กตู่” ระหว่างลงพื้นที่ ครม.สัญจรที่ จ.สุพรรณบุรี อวยกันต่อหน้า ไม่ขัดข้องหากรัฐบาลจะอยู่ยาวอีก 8 ปี 10 ปี
ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะถอดรหัสเป็นการดีลจองโควตาร่วมรัฐบาล ตามสูตรสำเร็จค่ายปลาไหลที่ร่วมหอลงโรงได้ทุกรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลทหารหรือพลเรือน

กลิ่นอายเลือกตั้งเริ่มเข้มข้นขึ้น ในจังหวะที่ “บิ๊กตู่” ตระเวนลงพื้นที่ ครม.สัญจรถี่ยิบ นำทีมรัฐมนตรีประชุม ครม.นอกสถานที่ตามหัวเมืองใหญ่ๆในช่วงเวลาห่างกันไม่ถึงเดือน

เลือกเจาะเป้าหมาย จ.นครราชสีมา สุพรรณบุรี อยุธยา ประเคนงบประมาณพัฒนาพื้นที่กันเต็มเหนี่ยว หมายมั่นปั้นมือสลายคะแนนนิยมเขตอิทธิพลของพรรคใหญ่และพรรคขนาดกลาง

และที่สดๆร้อนๆคือ การเปิดตัวใช้ “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” เมื่อวันที่ 21 กันยายน ตามนโยบายกระทรวงการคลังนำบัตรคนจนมาแจกให้ผู้มีรายได้น้อย 1.3 ล้านคน เพื่อช่วยลดค่าครองชีพ อาทิ ค่าสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ค่ารถเมล์ รถ บขส. รถไฟ ค่าก๊าซหุงต้ม

“บิ๊กตู่” ปรับกลยุทธ์กระหน่ำสารพัดโครงการเอาใจคนรากหญ้า โปรโมตแคมเปญ “ประชารัฐ” ก็มีดีไม่น้อยหน้า “ประชานิยม”

สะสมหน้าตัก โกยแต้มฝ่ายเดียว ในยามที่นักการเมืองถูกแช่แข็ง บรรดาหัวโจกสีเสื้อต่างๆไม่ติดคุก ก็มีชนักปักหลังเป็นคดีติดตัว ไม่สามารถขยับตัวเคลื่อนไหวอะไรได้

ตุนคะแนนไว้เป็นความชอบธรรม รอกลับมาเป็น “นายกฯคนนอก” โดยไม่ต้องลงสนามเลือกตั้ง

ในความรู้สึกลึกๆในใจของนักการเมืองอาชีพเอง คงไม่มีใครอยากเสี่ยงเป็นนายกฯภายหลังการเลือกตั้ง
 เพราะมีกับดักทางข้อกฎหมายมากมาย หากพลาดท่าขึ้นมาย่อมสุ่มเสี่ยงต่อการหมดอนาคตทางการเมือง

สถานการณ์ปูทางให้ “บิ๊กตู่” ขี่หลังเสือต่อ มาสานต่อแนวทางบริหารประเทศที่ท็อปบูตกรุยทางไว้เรียบร้อยแล้ว

นั่นเป็นสิ่งที่พรรคขนาดกลางอ่านไต๋รู้ ดูเหลี่ยมกันออก ต้องรีบทอดสะพาน เสนอตัวเป็นทางเลือกให้ “บิ๊กตู่” เลือกเข้าสู่เส้นทางอำนาจในเที่ยวต่อไป

เข้าทางเงื่อนไขที่ขั้วอำนาจพิเศษอยากกวาดต้อนพรรคขนาดกลาง และพรรคขนาดเล็กมาช่วยเสริมเสถียรภาพในอนาคต

เพราะลำพังแค่เสียง ส.ว.250 เสียง ไม่สามารถการันตีจะช่วยประคองรัฐบาลไปตลอดรอดฝั่งหรือไม่

โมเดลอำนาจใหม่หลังเลือกตั้งจึงย่อมหนาแน่นไปด้วยพรรคขนาดกลาง และพรรคขนาดเล็ก

เหลือโควตาสุดท้ายให้ 2 พรรคใหญ่ “เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์” แย่งกันเกาะขั้วอำนาจใหม่

ใครตกขบวนก็ต้องไปนั่งเป็นฝ่ายค้าน!!!

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: