PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ชื่อโผล่มาจังหวะพอดี




น่าจะเป็นการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดที่กร่อยสุด นับตั้งแต่รัฐบาล คสช.บริหารมา

เพราะเบอร์หนึ่ง “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. อยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ประเทศฟิลิปปินส์

บรรยากาศก่อนขึ้นห้องประชุม นักข่าวดักถามรัฐมนตรีที่อยู่ในกระแสจะโดนปรับพ้นเก้าอี้ ในอารมณ์ของรัฐมนตรีที่ไม่รู้ชะตาจะอยู่หรือไป ก็คงไม่เป็นอันทำงาน หรือมีสมาธิจดจ่อกับการประชุมสักเท่าไหร่ ภายหลังที่ “บิ๊กตู่” ประกาศกลางวงประชุม ครม.สัปดาห์ก่อนแล้วว่า ขออำนาจในการพิจารณาปรับเปลี่ยนตามความจำเป็นเพื่ออนาคต ขออย่าได้โกรธกัน

พี่ใหญ่ พี่รอง เพื่อนรัก ถึงวันนี้ไม่มีใครรู้ตัว หวยจะออกที่ใคร

ได้แค่รอลุ้น “บิ๊กตู่” นำโผกลับมาเฉลย ตามโปรแกรมคณะของผู้นำจะถึงเมืองไทยในวันที่ 15 พฤศจิกายน ในห้วงเวลาที่คาดหมายกันว่าการปรับ ครม.จะชัดเจนไม่เกินวันที่ 20 พฤศจิกายน

ตามรูปการณ์ พล.อ.ประยุทธ์สามารถคุมแรงกระเพื่อมจากการปรับ ครม.ได้ดีระดับหนึ่งเลยทีเดียว ไม่มีพวกขาเฮี้ยว ขาป่วนก่อหวอดปั่นป่วนภายใน

ทำให้ “บิ๊กตู่” ตั้งหลักรับแค่แรงสั่นสะเทือนที่กระฉอกอยู่ภายนอก

ผลจากปฏิบัติการปล่อย 6 คำถามมาหยั่งกระแส ที่กระตุกแรงเสียดทานรอบทิศทาง

สถานการณ์ถึงจุดที่มวยระดับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กระโดดออกมาเล่นหน้าฉากด้วยตัวเอง กับปฏิบัติการแฉมีการเกณฑ์ผู้นำท้องถิ่น

จัดฉากตอบ “6 คำถาม” เอาใจ “นายกฯลุงตู่”

แน่นอน ยี่ห้อ “อภิสิทธิ์” เปิดหน้าเล่นบท “จอมแฉ” เอง โดยราคาค่างวดของข้อมูลก็ทำให้กลายเป็นพาดหัวหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับ เดือดร้อนทั้ง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม กับ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะเจ้าภาพหลักในการระดมคำตอบผ่านศูนย์ดำรงธรรม ต้องออกมาแก้ลำ

ไม่มีการทำอย่างที่ “อภิสิทธิ์” แฉ เป็นเรื่องของประชาชนตัดสินใจ

และนั่นก็เป็นอะไรที่แค่ประเดิม “ดอกแรก” จากนี้ไปทีม “ลุงตู่” หนีไม่พ้นต้องเจอกับยุทธการไล่เตะตัดขาทุกช็อตทุกจังหวะจากคนยี่ห้อประชาธิปัตย์

ภายใต้เงื่อนสถานการณ์บังคับ “อภิสิทธิ์” เหลือ “คั่วไพ่” หน้าเดียวแล้ว ต้องลุยกวาดแต้มในสนามเลือกตั้งมาเบิ้ลนายกฯรอบสองเอง โดยไม่มีลุ้นออปชั่นดีลอำนาจพิเศษกับทีมงาน คสช.

อารมณ์เดียวกับยี่ห้อ “ภูมิใจไทย” ที่ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ก็หมดลุ้นสถานะ “นอมินี” พรรคหลักของ คสช. เลยหันมาล่อเป้า “ลุงตู่” แบบไม่กั๊กไมตรี

แน่นอน รูปเกมแบบนี้ย่อมไหลไปเข้าเหลี่ยมยี่ห้อ “ทักษิณ” ได้แนวร่วมถล่ม คสช.โดยอัตโนมัติ
นักการเมืองอาชีพต้องช่วยกันสกัดเกมต่อโปรโมชั่นของ “ลุงตู่”

นี่ยังไม่นับคิวของพวกที่แฝงอาการทางใจกับการไม่ได้ไปต่อ ในจังหวะที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็เล่นบทไอ้เข้ขวางคลอง คสช.ทุกจังหวะ ทิ้งทวนยุทธการ “เซ็ตซีโร่”

ล่าสุดก็โชว์เหลี่ยมกฎหมายดักทาง ขู่ส่งตีความการจัดเลือกตั้งท้องถิ่น

กกต.ก็ส่อเล่นกระแสกระตุกขากางเกง “ลุงตู่” ขวางทางยุทธศาสตร์ คสช.ที่เตรียมปลดล็อก ไฟเขียวเลือกตั้งสนามเล็ก เพื่อระบายแรงกดดันสถานการณ์ที่ยังไม่ปลดล็อกพรรคการเมือง

อีกนัยก็หยั่งกระแสก่อนปล่อยไฟเขียวเลือกตั้งสนามใหญ่

แต่อย่างไรก็ตาม การดักเจาะยางอาจทำให้ “ลุงตู่” เป๋ไปบ้าง แต่โดยทางยาวๆไปสู่เป้าหมาย
มันก็เป็นอะไรที่มาได้จังหวะพอดี กับการที่นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน ได้ประกาศวาง 4 เป้าหมายในอีก 20 ปีข้างหน้า คนไทยจะมีรายได้เฉลี่ยในระดับประเทศพัฒนาแล้วคือมากกว่า 15,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 495,000 บาท

ทีมงาน คสช.เริ่มปล่อยของ “ขายฝัน” ปฏิรูปสวยหรู

เรื่องของเรื่อง ถ้าลากเอาไปโยงกับกระแสการตั้งพรรคการเมืองเพื่อเป็นฐานให้ “นายกฯลุงตู่” ก็คงหนีไม่พ้นต้องจับตาดูชื่อของ “สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์” ให้ดีๆ

เพราะนี่เป็นอีกหนึ่งบุคลากรคนสำคัญต่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ปฏิรูปประเทศของทีม คสช.

เข้าล็อกงานต่อเนื่องแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: