PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

'ใครอยากเป็นผู้ว่าฯ กทม.บ้าง?'

ขอโทษนะ...ทีมงานพี่ตูน...........
ไม่มีเจตนาก้าวก่าย แต่อยาก "ย้ำเสนอ" เพื่อพิจารณาอีกครั้ง
คืออยากให้ "ปรับระยะเส้นทางวิ่ง" แต่ละวันลงซักครึ่ง
แล้วเพิ่มจุดแวะพัก "เซลฟี-รับเงินบริจาค" เพิ่มขึ้น
เพื่อให้พี่ตูนกับแฟนๆ ได้มีเวลาชื่นอก-ชื่นใจอยู่ด้วยกันนานๆ ทำกิจกรรมในแต่ละพื้นที่ร่วมกันชนิด "ฉ่ำหัวใจ"
ไม่อยากให้พี่ตูนวิ่งแบบพิชิตระยะทาง ๒,๑๙๑ กิโลเมตร ตามเวลากำหนดใต้จรดเหนือ ๕๕ วัน
ซึ่งการวิ่งแบบนั้น เหมือน "ฝนไล่ช้าง" คือตกซู่ แล้วหายวับไป
นอกจากไม่ทำให้ดินที่แตกระแหงหายโหย ต้นไม้ที่เฉาโรยหายเหี่ยวแล้ว
ยังเป็นการเคี่ยวกรำร่างกายพี่ตูนให้ต้องรีดพลังมากไปในแต่ละวัน นอกจากเหนื่อยล้า ยังอาจเกิดอุบัติเหตุได้
ทุกคนมีจิตปรารถนาเดียวกัน.......
ต้องการให้พี่ตูนและทีมงานสดชื่น-แข็งแรง-ไร้ปัญหาใดๆ เป็นอุปสรรคต่อมโนปณิธานในการวิ่ง
อุปสรรคใดๆ เราช่วยกันแก้ไข-ป้องกันได้
แต่ถ้าอุปสรรคนั้น มาจากเหตุปัจจัย "ศรัทธามหาชน" ที่มีต่อพี่ตูนหนุนเนื่องในทุกถิ่น-ทุกที่-ทุกทาง ที่ไปถึง
ก็จง "ปรับแผนวิ่ง" เพื่อสนองตอบศรัทธามหาชนเถิด!
หัวอก-หัวใจพี่น้องร่วมชาติทุกหัวระแหง "แล้ง-แห้งโหย" นานแล้ว เมื่อพี่ตูน เป็นดั่งเม็ดฝน
ก็จงหล่นชโลมแต่ละพื้นที่นานๆ หน่อย!
เพื่อเมล็ดเพาะในแต่ละหัวใจชนชาวได้งอกเงยสายพันธุ์แห่งความดีงาม จากสายน้ำแห่งใจและสายใยแห่งเหงื่อพี่ตูนนั้น รดริน
ผมก็เชื่อว่า แต่แรกพี่ตูนกับทีมงาน คงคาดไม่ถึง
ว่าการวิ่งของพี่ตูนจะได้รับ "การตอบรับ" จากพี่น้องประชาชนในแต่ละพื้นที่ "มืดฟ้า-มัวดิน" ขนาดนี้
เมื่อทุกอย่างเปลี่ยนไปในทางงอกเงย........
"ตูน บอดี้สแลม" ก็ไม่ใช่นักวิ่งเพื่อหาเงินซื้อเครื่องมือแพทย์ให้ ๑๑ โรงพยาบาล
"ตูน" ไม่ใช่นักร้อง-นักร็อกที่มีจิตอุทิศเพื่อมวลชนผ่านการวิ่งรับเงินบริจาค
แต่เป็นว่า..........
"ตูน" ในสายตา ในความรู้สึก-นึกคิด ในจิตใจของประชาชนวันนี้
ตูน คือ "ทูตแห่งสันติสุข"
"ตูน" คือรูปธรรมแห่งความดีงามผ่าน "จิตให้" เพื่อมนุษยชาติ
"ตูน" คือพลังใจ ตูนคือความหวัง ตูนคือศรัทธา ตูนคือสายใยแห่งรักเชื่อมโยงใจพี่น้องไทย
เมื่อเป็นเช่นนี้...........
"ตูน-ผู้ให้" ในความเป็นทูตแห่งสันติสุข ซึ่งตูนอาจไม่ต้องการเป็นอย่างที่ศรัทธามหาชนคาดหมายให้เป็น
แต่เวลานี้........
ตูน "เป็นเช่นนั้น" ไปแล้ว!
เมื่อประชาชนคาดหมายในตัวพี่ตูนว่า เป็นทูตสันติสุข เป็นตัวแทนแห่งจิตให้
ด้วยเหตุนั้น มันก็ไม่ใช่แล้ว ที่ตูนจะวิ่งเอาระยะทางในแต่ละวันเป็นสรณะ
ตูน น่าจะเป็นแบบ "พระบิณฑบาต" มากกว่า.............
ค่อยๆ ก้าวไป รับบิณฑบาต คือเซลฟี-โอบกอด-รับบริจาค ทำกิจกรรมร่วมชาวบ้าน เป็นไอดอลให้เด็กๆ ตามรายทาง-รายที่-รายถิ่น
ก็เพื่อความเป็น "เนื้อนาแห่งใจสุข" ที่ชนชาวทุกรุ่น-ทุกวัย ขณะนี้ ปรารถนาจะได้รับจากพี่ตูน
ผมเห็นข่าวเมื่อวาน (๑๓ พ.ย.๖๐) ร่างกายพี่ตูนเริ่มเป็นไปตามธรรมชาติ คือเคี่ยวกรำมาก ความอ่อนล้า ความเจ็บปวด ก็มาเยือน
และพี่ตูนก็เหมือนพระบิณฑบาตดังว่านั่นแหละ คือเห็นคนศรัทธารอเซลฟี เป็นต้องแวะรับ
ด้วยศรัทธาล้นจากผู้คน ถึงขั้นยื้อยุด-ฉุดแย่งตัวขณะวิ่ง จนเกิดอุบัติเหตุเหยียบเท้าพี่ตูน มีอาการบาดเจ็บ จนต้องหยุดพักการวิ่งชั่วขณะ
นี่คืออุทาหรณ์ ที่ทีมงานต้องนำมาใคร่ครวญ.........
ว่าจะวิ่งเอาระยะทางตะพึด-ตะพือ หรือจะวิ่งเอาศรัทธามหาชนรายถิ่น-รายที่-รายทางด้วย?
ไม่ได้คัดค้านหรือตำหนิอะไร
เพียงหวังให้ตูน-ทีมงาน-ผู้ศรัทธา "สมบูรณ์ใจ" ด้วยทุกอย่างราบรื่นสู่เป้าหมาย อะไรที่ปรับได้ เพื่อการณ์นั้น ก็จงปรับเถิด
นั่นก็เรื่องเกี่ยวกับตูน........
อีกนานเป็นเดือน ที่เรื่องราวดีๆ ระหว่างตูนกับประชาชนจะมีให้เราได้ชื่นใจ ได้เห็นสังคมร่วมในสุขศานติ
ก็มาคุยเรื่องไม่ค่อยนำมาซึ่งความสงบสุข คือเรื่องการบ้าน-การเมืองบ้างดีกว่า
ตอนนี้ในท้องตลาด พูดกันอยู่ ๒ เรื่อง คือ
เรื่อง ปรับ ครม."ปรับใหญ่-ปรับย่อย"
กับเรื่อง "ปลดล็อกการเมือง" นำร่องโดยจะให้มี "เลือกตั้งท้องถิ่น" ประเดิมก่อน
การพูดถึงเรื่องปรับ ครม.ก็เหมือน "ตดเอง-ดมเอง" ผมไม่อยากเป็นเช่นนั้น จึงไม่อยากคุย
ปี ๑-๓ การขนทหารมาทั้งแผง เป็นเรื่องทางยุทธศาสตร์เพื่อการตั้งมั่น
เมื่อตั้งมั่นแล้ว ถ้าหวังการเป็นรัฐบาลในสมัยต่อไป
ในปีที่ ๔ ของเทอม.........
การจะเอาใครออก-เอาใครเข้ามาเป็น ครม. นั่นมันเป็นเรื่องทางยุทธวิธี เพื่อการคุมพื้นที่-คุมสถานการณ์ด้วยศรัทธาในงานแล้ว
ก็สุดแต่นายกฯ ประยุทธ์เขาจะคิดเห็นและต้องการ
ถ้ารักยาว ก็ต้อง "บั่น"
แต่ถ้ารักสั้น รักพี่ใหญ่-พี่รอง-น้อง-เพื่อน ก็ต้อง "ต่อ"!
ฉะนั้น มันเป็นเรื่อง "นอกวงแขน" คนนอกพูดไป ก็ได้แค่พูด สู้รอดูจากตัวนายกฯ เองจะดีกว่า
ทุกอย่าง "ผูก" ด้วยตัวเอง
ถึงคราว "แก้" ก็ต้องแก้เอง
จะแก้เพื่อมัดคอตัวเองตาย หรือแก้เพื่อต่อในเส้นทางที่จะไปยาว มันมี ๒ ชอยซ์ ที่ควรมอง
ชอยซ์แรก ปรับ ครม.ทางยุทธวิธี
ชอยซ์ที่สอง ปรับนายกฯ?
พูดเรื่องเลือกตั้งท้องถิ่นดีกว่า "กรุงเทพมหานคร" ก็ท้องถิ่น อยู่ในข่ายจะได้เลือกตัว "ผู้ว่าฯ กทม." เป็นการนำร่องการเมืองใหญ่
จะพูดว่า "ปีหน้า ๒๕๖๑ มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม."
ไม่น่าพลาด!
น่าสนใจนะ เพราะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.รอบนี้ ไม่ใช่การวัดบารมีพรรคประชาธิปัตย์-เพื่อไทย ที่มี ส.ส.เป็นฐานคะแนนใหญ่ในพื้นที่
แต่เป็นการวัดเรตติง "พรรคประยุทธ์-คสช." โดยตรงกันเลยทีเดียว!
ตอนนี้ "พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง" เป็นผู้ว่าฯ กทม.อยู่ ดูเผินๆ อาจเข้าใจว่าเป็น "คนกลาง" รัฐบาลใช้ ม.๔๔ ตั้งเข้ามาคั่นสุขุมพันธุ์ที่ปลดออกไป
ความจริงไม่ใช่หรอก พล.ต.อ.อัศวิน ก็คนสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ แต่ขึ้นเป็นผู้ว่าฯ "ซ่อนรูป" ในคำสั่ง ม.๔๔ เท่านั้น
ถ้าประกาศให้มีเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ละก็
ประชาธิปัตย์อยู่ในสภาพ "เสมอตัวกับขาดทุน" ส่วนเพื่อไทย "เสมอตัวกับกำไร"
ส่วน คสช.อยู่ในสภาพ "เสมอตัวกับลอยตัว"!
ประชาธิปัตย์จะเอาใครลงสมัคร หรือจะให้ พล.ต.อ.อัศวินลงต่อ ดูแล้ว ไม่มีอะไรเร้าใจ "ทางบวก" ซักเท่าไหร่
ส่วนเพื่อไทย ในสภาพพรรคไร้ทั้ง "หัวหลัก" และ "หัวตอ" แค่จะตกลงเอาใครลงสู้ในสนาม
ในสภาพ "นายห้อย-นางโหน" เต็มพรรค แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว!
ฉะนั้น พิเคราะห์ตามทิศทางนี้...........
ผู้สมัคร "อัศวินเดี่ยว" คือไม่สังกัดพรรค ถ้าชื่อ-ชั้นดี มีผลงานเป็นที่รู้จักทางสังคมด้วย มีโอกาสสูงมาก
ยิ่งถ้าภาพลักษณ์และนโยบายไม่ขัดแย้ง คสช. ผมมองว่าคน กทม.ที่เบื่อหน่ายกับความจำเจ อยากเห็นผลงานสร้างสรรค์ กทม.มากกว่างานรูทีนและ "อุโมงค์ยักษ์" รอระบาย
อาจเทคะแนน "ลองของใหม่" เพียงเสนอนโยบายให้เตะตา-ต้องใจหน่อยเท่านั้น!
ผมมั่นใจ ถ้าใครมีแผน "ถอดรูป กทม." สู่ยุคใหม่ สนองตอบเมืองท่องเที่ยว-ช็อปปิงระดับโลก นำเสนอให้น่าเชื่อว่าเป็นไปได้และจับต้องได้ละก็
ตีตราจองเก้าอี้ "ผู้ว่าฯ กทม." สมัยหน้าได้แต่วันนี้เลย!
เอ้า...ใครมีแผน-มีไอเดีย............
ยังจะรออะไรอยู่อีกล่ะ?

ไม่มีความคิดเห็น: