ที่ปรามาสกันมาก่อนหน้านี้คงหน้าแหกไปตามระเบียบหลังจากที่มีการประกาศรับสมัครบุคคลที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่ง กกต.ชุดใหม่ ปรากฏว่าวันแรกไม่มีความเคลื่อนไหว คือไม่มีผู้สมัคร
เท่านั้นแหละมีการประโคมโหมข่าวทำนองว่ามีปัญหาแน่เมื่อไม่มีผู้สมัคร อ้างเหตุว่าเป็นเพราะ กกต.กำหนดคุณสมบัติเอาไว้สูงเกินไป
มีแต่ “เทวดา” เท่านั้นแหละที่จะเป็นได้
อ้างคุณสมบัติเช่นว่า รับราชการในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่าแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี
เป็นหรือเคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่นของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี
อีกข้อหนึ่งก็แล้วกัน จากทั้งหมด 7 ข้อ เป็นผู้ทำงานหรือเคยทำงานในภาคประชาสังคมมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 20 ปี ตามที่คณะกรรมการสรรหากำหนด
เสร็จแล้วก็เหมารวมเลยว่า 7 ข้อนี่แหละคือปัญหา...
สุดท้ายปรากฏว่า มีผู้สนใจสมัครรวมทั้งสิ้น 41 คน ขาดคุณสมบัติไป 1 คน จึงเหลือ 40 คนพอดิบพอดี ว่าไปแล้วมากกว่าเป้าไปด้วยซ้ำ
ก็ดีครับ...ยิ่งสมัครกันมากก็ยิ่งเป็นการดี เพราะทำให้เกิดความหลากหลาย สามารถที่จะเลือกบุคคลที่มีความเหมาะสมได้มากขึ้น
ที่สำคัญก็คือ จะต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติให้ชัด ถูกต้องไม่เข้าข่ายลักษณะต้องห้าม เพราะจะได้ไม่เกิดปัญหาในภายหลังเดี๋ยวจะต้องมีฟ้องร้องจะยุ่งกันอีก
เพราะลักษณะต้องห้ามนั้นมีมากถึง 24 ข้อ 24 ลักษณะ
ที่ต้องสรรหากันใหม่นั้นก็เนื่องจากกฎหมายลูกได้กำหนดให้ “เซ็ตซีโร่” ทั้งชุด 7 คน และให้มีการสรรหากันใหม่ 7 คนให้เข้ามาทำหน้าที่ อีกทั้งมีการยกเลิก กกต.จังหวัด แต่ให้มีการตั้งผู้ตรวจ กกต.แทนที่
รวมถึงมีการปรับเปลี่ยนปรุงแต่ง เพิ่มอำนาจ ตัดตอนอำนาจ หรือแม้กระทั่งการเลือกตั้งก็ไม่ได้เป็นผู้จัดการเลือกตั้ง เป็นเพียงแค่ควบคุมดูแลเท่านั้น
หากว่ากันตามภาระหน้าที่ อำนาจต่างๆที่เป็นไปตามกฎ กติกานั้นก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่สิ่งที่อยากจะให้ กกต.ชุดใหม่คิด และรับผิดชอบที่น่าจะเป็นเรื่องสำคัญ
คือนอกเหนือการจัดการเลือกตั้งให้เรียบร้อยบริสุทธิ์ยุติธรรมแล้ว น่าจะมีความรับผิดชอบเหนือไม่ต่างจากนี้
ทำยังไงให้ได้ “นักการเมือง” ที่ดีอีกด้วย
นั่นถือว่าเป็นความรับผิดชอบสูงสุด เหนือกฎหมายที่ได้ให้อำนาจเอาไว้ ถือว่าเป็นประเด็นสำคัญที่จะทำให้การเมืองเราดีขึ้น เพราะความสำคัญของ กกต.นั้นเป็นการเร่ิมต้นทางที่ทำให้ระบบ การเมืองดีขึ้น โปร่งใส นำไปสู่การได้นักการเมืองที่ดี
การประชาสัมพันธ์ชี้แจง ทำความเข้าใจเพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจถึงสิทธ์ิที่พึงมี การมีส่วนร่วม การชี้แนะว่าควรจะเลือกบุคคลลักษณะไหน พรรคการเมืองลักษณะไหน เพื่อประกอบการตัดสินใจของประชาชน
ไม่ได้หมายความว่า เป็นการชี้แนะให้เลือกพรรคไหน นักการเมืองคนไหน
กฎ กติกาที่กำหนดการลงโทษผู้กระทำผิดก็ต้องว่ากันอย่างชัดเจน ถูกต้อง ใครผิดก็ว่ากันตามผิด ไม่มีอภิสิทธิ์ใด เพราะพฤติกรรมในลักษณะนี้คือจุดอ่อนสำคัญของ กกต.ในชุดที่ผ่านๆมา
ที่ต้องพูดถึงอีกส่วนหนึ่งก็คือ คณะกรรมการสรรหาจะต้องเลือกด้วยความโปร่งใส และมองให้เห็นถึงความสำคัญของ กกต. รวมถึงการตัดสินใจสุดท้ายก็คือ สนช.ด้วย
เพราะทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จะต้องแสดงความรับผิดชอบร่วมกันด้วย.
“สายล่อฟ้า”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น