PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

รื้อคดีทักษิณ "ผงคลีจึงคลุ้ง"

พูดได้คำเดียว.........!
"สนุก"
คือสนุกในบรรยากาศ "๓ ประสาน" ทางการบ้าน-การเมืองช่วงนี้
สนุกแรก "ครม.ใหม่"
นายกฯ ประยุทธ์กำลังเบ่งอึ๊ดๆ แพลมดุ๊กดิ๊กคาก้น
สนุกสอง "เกมใหม่"
สถุลแดนไกล "สู้ก็ตาย-ไม่สู้ก็ตาย" ตัดสินใจปล่อยโซ่ให้สมุนแยกกันไล่งับโคนขาประยุทธ์ เร่งเกมเลือกตั้ง
สนุกสาม "รื้อคดีใหม่"
ป.ป.ช.มีมติให้ "สำนักคดี" ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ให้นำคดีที่ "ทักษิณ ชินวัตร" เป็นจำเลย แต่ศาลจำหน่ายคดีออกจากสารบบชั่วคราว เนื่องจาก "จำเลยหลบหนี" ขึ้นมาพิจารณาใหม่ ๒ คดี
๒ คดีนั้น คือ คดีหวยบนดิน
และคดีเอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้รัฐบาลพม่า วงเงิน ๔ พันล้านบาท!
นอกจากนั้น ยังมีอีก ๑ คดีที่ ป.ป.ช.มีมติให้รื้อฟื้นด้วย คือ คดีรถ-เรือดับเพลิง กทม.
เรื่อง ครม.ไม่จำเป็นต้องคุย เพราะไปถึงขั้นตอน "เตรียมฟังประกาศ" แล้ว
หุบปาก-เปิดหู ดีที่สุด!
ครม.ท้ายเทอมรัฐบาลที่ปรับ เป็น ครม. "เสี่ยงทาย" ถึงอนาคตกรายๆ ถ้าปรับ "เข้าตา" ประชาชน
เทอม ๒ ของนายกฯ ตู่...ไม่ยาก
แต่ถ้า แต่ละหน้าที่ปรับ เป็นที่ "เขม่นลูกตา" ละก็ เทอมหน้า จะรากแตก!
ส่วนเรื่องที่พวกขี้เรื้อนแยกสายไปร้องนั่น-ร้องนี่ ตอนนี้ ไม่มีอะไรมาก เป็นประเภท "หมาจนตรอก"
สถุลแดนไกล คงประเมินว่า ตอนนี้ "รัฐบาลขาลง" ก็ส่งสมุนสร้างประเด็น ให้เกิดเป็นเงื่อนไข
ถ้ากระแสติด ก็จะใช้เงื่อนไขนั้น "เดินเกมทางมวลชน"
มีทางนี้ทางเดียว ........
ทางอื่นไปยาก เพราะรัฐบาลติด "ตาข่ายดักหมา" ไว้หมด!
ที่แค้นต้องดิ้นสู้อีกยก ก็ตรง ป.ป.ช.รื้อคดีเก่าไปร้องต่อศาล
ให้รื้อขึ้นมาพิจารณาใหม่นี่แหละ
ด้วยกฎหมายใหม่ ให้พิจารณาลับหลังได้
นั่นเท่ากับเอาศพลงหลุมแล้วกลบฝัง ที่หวังอำนาจคืนแล้วฟื้นได้...ไม่มี
มีแต่ หนีแล้ว ก็ต้องหนีไปตาย "ในแผ่นดินอื่น"!
ทั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องจาก "พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.๒๕๖๐"
มาตรา ๒๗ บอกว่า..........
"ในการยื่นฟ้องคดีต่อศาล ให้อัยการสูงสุดหรือคณะกรรมการ ป.ป.ช.แจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหามาศาลในวันฟ้องคดี ในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่มาศาลและอัยการสูงสุดหรือคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีหลักฐานแสดงต่อศาลว่าได้เคยมีการออกหมายจับผู้ถูกกล่าวหาแล้ว แต่ยังไม่ได้ตัวมา
หรือเหตุที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่มาศาลเกิดจากการประวิงคดี หรือไม่มาศาลตามนัดโดยไม่มีเหตุแก้ตัวอันควร ให้ศาลประทับรับฟ้องไว้พิจารณาได้ แม้จะไม่ปรากฏผู้ถูกกล่าวหาต่อหน้าศาล"
และมาตรา ๒๘ บอกว่า........
"ในกรณีที่ศาลประทับรับฟ้องไว้ตามมาตรา ๒๗ และศาลได้ส่งหมายเรียกและสําเนาฟ้องให้จําเลยทราบโดยชอบแล้ว แต่จําเลยไม่มาศาล
ให้ศาลออกหมายจับจําเลยและให้ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการติดตามหรือจับกุมจําเลยรายงานผลการติดตามจับกุมเป็นระยะตามที่ศาลกําหนด
ในกรณีที่ได้ออกหมายจับจําเลยและได้มีการดําเนินการตามวรรคหนึ่งแล้ว แต่ไม่สามารถจับจําเลยได้ภายในสามเดือน นับแต่ออกหมายจับ
ให้ศาลมีอํานาจพิจารณาคดีได้โดยไม่ต้องกระทําต่อหน้าจําเลย แต่ไม่ตัดสิทธิจําเลยที่จะตั้งทนายความมาดําเนินการแทนตนได้"
ด้วยเงื่อนไขกฎหมายใหม่ ป.ป.ช.และอัยการ ก็ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามนั้น
ป.ป.ช.สำรวจแล้ว มี ๒ คดี ที่ศาลจำหน่ายไว้ชั่วคราว เพราะจำเลยคือ "นายทักษิณ" หลบหนี
ไม่ใช่รื้อด้วยพยาบาทคาดพยาเวรจากใคร หากแต่กฎหมายสั่งให้ต้องทำน่ะ
คดีหวยบนดิน.........
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ตัดสินไปแล้วเมื่อ ก.ย.๕๒ ยกเว้นในส่วนของนายทักษิณซึ่งหลบหนี ศาลจำหน่ายคดีไว้ก่อน
คดีนี้ ผู้ต้องหาทั้งหมด ๔๗ คน โดยนายทักษิณ ที่เป็นนายกฯ ตอนนั้น เป็นจำเลยที่ ๑
ส่วน ครม.ชุดทักษิณ ที่อนุมัติเรื่องนี้ เป็นจำเลยที่ ๒-๓๐
คณะผู้บริหารสำนักงานสลากฯ เป็นจำเลยที่ ๓๑-๔๗
ฟ้องทั้งแพ่ง-อาญาในฐานความผิดดังนี้
-เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อหรือจัดการทรัพย์ ได้เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของคนอื่นโดยทุจริต (ยักยอก)
-เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการดูแลกิจการ เข้าไปมีส่วนได้เสียเพื่อผลประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น
-เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จ่ายทรัพย์ จ่ายเกินกว่าที่ควรจ่ายเพื่อประโยชน์ตนเองหรือผู้อื่น
-เป็นเจ้าพนักงานที่แสดงว่ามีหน้าที่เรียกเก็บหรือตรวจสอบภาษีอากร เรียกเก็บโดยทุจริตหรือละเว้นไม่เรียกเก็บภาษีอากร
-เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
ตามประมวลกฎหมายอาญา ๑๔๗, ๑๕๒, ๑๕๓, ๑๕๔, ๑๕๗ ประกอบมาตรา ๘๓, ๘๔, ๘๖, ๙๐, ๙๑ และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๐๒ มาตรา ๓, ๔, ๘, ๙, ๑๐
คตส.เป็นโจทก์ฟ้องเอง ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง ๔๗ คน ทั้งขอให้มีคำสั่งให้จำเลยทั้งหมดร่วมกันคืนหรือใช้ทรัพย์
และขอให้นับโทษทักษิณ จำเลยที่ ๑ จากคดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษก ซึ่งศาลได้ตัดสินลงโทษจำคุก ๒ ปีด้วย
ศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษาจำเลย ๔๖ คน ยกเว้นทักษิณ ที่หลบหนี สั่งจำหน่ายคดีไว้
๓ คน ถูกศาลพิพากษาลงโทษ คือ
-นายวราเทพ รัตนากร รมช.คลัง จำเลยที่ ๑๐ จำคุก ๒ ปี ปรับ ๒ หมื่นบาท
-นายสมใจนึก เองตระกูล ปลัดกระทรวงคลัง และประธานบอร์ดกองสลากฯ จำเลยที่ ๓๑ จำคุก ๒ ปี ปรับ ๑ หมื่นบาท
-นายชัยวัฒน์ พสกภักดี อดีต ผอ.กองสลากฯ จำเลยที่ ๔๒ จำคุก ๒ ปี ปรับ ๑ หมื่นบาท
แต่โทษจำคุก ทั้ง ๓ คน ศาลให้ "รอลงอาญา" ไว้กำหนด ๒ ปี
นี่คร่าวๆ เรื่องหวยบนดิน ...........
คนอื่นตัดสินไปหมดแล้ว เหลือแต่ทักษิณ ที่ ป.ป.ช.จะร้องให้ศาลนำขึ้นมาพิจารณาต่อ
ส่วนคดีเอ็กซิมแบงก์ ป.ป.ช.เป็นโจทก์ฟ้องทักษิณ เป็นจำเลย เมื่อ ๑๖ ก.ย.๕๑
ในความผิดฐานใช้อำนาจหน้าที่กระทำผิด เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือดูแล เข้าไปมีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตัวเอง หรือผู้อื่นด้วยกิจการนั้น
และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๒, ๑๕๗
กรณีอนุมัติเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำของธนาคารเอ็กซิมแบงก์ ให้กับรัฐบาลพม่า วงเงิน ๔ พันล้านบาท ในโครงการปรับปรุงระบบโทรคมนาคมของประเทศพม่า
เพื่อเอื้อประโยชน์ธุรกิจดาวเทียม ให้สั่งซื้ออุปกรณ์จากบริษัท ชิน แซทเทิลไลท์ และบริษัทในเครือตระกูลชินวัตร
จำเลยคือ "นายทักษิณ" ไม่มาศาล!
ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าพฤติการณ์มีเจตนาหลบหนี ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความชั่วคราว
และให้ออกหมายจับมาเพื่อพิจารณาคดี เมื่อได้ตัวจำเลยมา จึงจะนำคดีขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง
เนี่ย...ก็เท้าความพอให้ปะติด-ปะต่อเรื่องราวกันได้ แต่มีข้อสังเกต เป็นประเด็นน่าสนใจอยู่นิด
คดีทั้ง ๒ อยู่ในช่วงที่.........
"นายชัยเกษม นิติสิริ"เป็นอัยการสูงสุด ระหว่างปี ๒๕๕๐-๒๕๕๒
และทั้ง ๒ คดีนี้ อัยการไม่ได้เป็นผู้นำคดีขึ้นฟ้องร้องต่อศาลเอง!
คือ "คดีหวยบนดิน"
คตส. (คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ) เป็นโจทก์ฟ้องเอง
ส่วน "คดีเอ็กซิมแบงก์" ป.ป.ช.เป็นโจทก์ฟ้องเอง!
ค้นข่าวเก่าๆ อ่านจะพบ.........
คดีหวยบนดิน คตส.ตั้งอนุกรรมการ "นายอุดม เฟื่องฟุ้ง" อดีตผู้พิพากษาอาวุโส ในศาลอาญา กรุงเทพใต้ เป็นประธานไต่สวนกลางปี ๕๐
ไต่สวนเสร็จ ๒๑ ธ.ค.๕๐ สำนวนและความเห็นส่งมอบอัยการสูงสุด เพื่อส่งฟ้องผู้ถูกกล่าวหาต่อศาลฎีกาฯ
นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด ตั้งคณะทำงานพิจารณาคดีนี้ นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุด เป็นประธาน
๑๔ ม.ค.๕๑ นายวัยวุฒิ ส่งผลสรุปให้อัยการสูงสุด เพื่อพิจารณาสั่งคดี
๑๘ ม.ค. นายชัยเกษม บอกว่า .......
คณะทำงานอัยการพิจารณาคดีหวยบนดิน ได้เสนอให้ตั้งคณะทำงานร่วม ระหว่างอัยการกับ คตส.
เพื่อให้สอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มใน ๔-๕ ประเด็นที่ยังไม่สมบูรณ์
๔ ก.พ.๕๑ คตส.มีมติขอสำนวนคืนจากอัยการสูงสุด เพราะอัยการสูงสุดเห็นไม่ตรงกับ คตส.ก็เท่ากับอัยการสูงสุด สั่งไม่ฟ้องคดีนี้
ดังนั้น คตส.จะฟ้องต่อศาลฎีกาฯ เอง ด้วยเชื่อมั่นในสำนวนหลักฐานที่สมบูรณ์!
๑๐ มี.ค.๕๑ คณะทนายจากสภาทนายความ ๑๒ คนที่รับมอบหมายจาก คตส.นำสำนวนยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาฯ
เอาผิดทักษิณพร้อม ครม.ที่มีมติให้ดำเนินโครงการออกหวยบนดิน รวมทั้งผู้บริหารสำนักงานสลากฯ รวม ๔๗ คน
๒๘ ก.ค.๕๑ ศาลฎีกาฯ รับฟ้องคดี
๓๐ ก.ย.๕๒ ศาลฎีกาฯ ตัดสิน จำคุก ๓ จำเลย ทักษิณหนี จำหน่ายคดีชั่วคราวนั่นแหละ
จากคดีนี้........
ทำให้เข้าใจการทำหน้าที่ "ทนายแผ่นดิน" ของอัยการ ยุคที่ "นายชัยเกษม" เป็นอัยการสูงสุด ได้กระจ่างแจ้งที่สุด
และเป็นคำตอบได้ดีที่สุด ว่าทำไมนายชัยเกษม จึงมาเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลยิ่งลักษณ์
และเป็นแกนบริหารการเมืองใต้ระบอบทักษิณในขณะนี้
ทำให้คำที่ทักษิณเคยพูดกับผม ดังก้องขึ้นมา........
"พี่ กกต.ก็ของผม ตำรวจก็ของผม อัยการก็ของผม
แต่ที่.......ยังครึ่ง-ครึ่ง"!.

ไม่มีความคิดเห็น: