PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2560

1ปีที่เหลือชี้ชะตา“ประยุทธ์” : ผ่าประสิทธิภาพ“สมคิด”เจาะเศรษฐกิจลงฐานราก

1ปีที่เหลือชี้ชะตา“ประยุทธ์” : ผ่าประสิทธิภาพ“สมคิด”เจาะเศรษฐกิจลงฐานราก


สะดุดช่วงเร่งเครื่องออกตัว “ครม.ประยุทธ์ 5”
เป็นเรื่องเป็นราว ตั้งแต่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. นำทีม รมต.ชุดใหม่ ร่วมประเดิมประชุมหลังได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง และเข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯ
เหตุเกิดเมื่อคิวก่อนเข้าร่วมถ่ายรูปที่สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบฯ คนต้นเรื่องอย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม หนีไม่พ้นพื้นที่สถานะ “ตำบลกระสุนตก”
แค่ยกมือบังแดดส่องก็แจ็กพอต แหวนเพชรเม็ดใหญ่ส่องประกายดวงอาทิตย์และแสงแฟลช หนำซ้ำแขนเสื้อเปิดโชว์นาฬิกาหรูเรือนละหลายล้านบาท
เลยมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมา ทั้งปมราคาค่างวด รวมทั้งการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช.เมื่อช่วงเข้ารับตำแหน่งรองนายกฯและ รมว.กลาโหม ในปี 2557
ขาประจำไล่บี้ ยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.สอบ เขย่ากันสนุกเลย
เรียกว่าเพิ่งตั้งหลักได้หมาดๆ มาถึงตอนนี้ “บิ๊กป้อม” ต้องเหนื่อยประคองตัวอีกแล้ว
แต่ก็เป็นไปตามรูปการณ์ ผ่านพ้นคิวปรับ ครม.ก็ชัดเจนสำหรับ “บิ๊กตู่” อย่างไรต้องมี “พี่ใหญ่” เคียงข้าง ประคอง “เรือแป๊ะ” ไปถึงฝั่งฝันด้วยกัน
และที่จริง หากดูที่งานของ “บิ๊กป้อม” ก็ถือว่าเข้าเป้า โดยเฉพาะด้านความมั่นคง ทั้งจากอำนาจพิเศษในมือ ขุมข่าย เครื่องมือ กลไกรัฐ รวมทั้งเครือข่ายพี่–น้องในกองทัพคอยหนุน เอื้อ “พี่ใหญ่” คุมเกมอยู่หมัด
หลายครั้งมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ พี่ใหญ่เหมือนออกตัว “เจ็บแทน” ผู้นำ
ล่าสุดก็คิวตรวจค้นพบอาวุธสงครามใน จ.ฉะเชิงเทรา “รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง” โยงข้อมูลที่ได้รายงานไปถึงความเคลื่อนไหวการเมือง ลากไปถึงคิว “ปลดล็อก” อาจเลื่อนไปช่วงใกล้เลือกตั้ง
กวักมือเรียกแขก คนการเมืองรุมสวดจากทั่วทิศ
เพราะ “ไต๋” รัฐบาล คนการเมืองเลือกอ่านผ่านทาง “บิ๊กป้อม” ในฐานะ “ถือดุลร่วม”
ไม่แปลกที่บทบาทสำคัญของพี่ใหญ่ ทั้งจากคิวปรับ ครม. และจากการแบ่งงานรองนายกฯ
สำหรับงานด้านความมั่นคง “บิ๊กป้อม” ยังอยู่เป็นหลัก
ในห้วงที่โฉม ครม. “ประยุทธ์ 5” ที่มีเสียงสะท้อนตอบรับด้วยดี ทั้งการลดโทนสีเขียวถอดรัฐมนตรี ท็อปบูตเหลือน้อยลง เติมมืออาชีพเข้ามาหลายราย รวมทั้งโยกสลับกระทรวงที่ติดขัด
เน้นประสิทธิภาพของงาน ในโค้งสุดท้าย
งานอื่นน่าจะอยู่ตัว เดินหน้าไปต่อได้ แต่โจทย์ใหญ่ที่ยังแก้ไม่ตกคืองานด้าน “เศรษฐกิจ”
ปมปากท้องที่ยังสะสางไม่ถึงเป้า
คิวใหญ่ที่ “บิ๊กตู่” ก็น่าจะรับรู้ และหาแนวทางแก้ไขมาโดยตลอด
โดยเฉพาะภาวะ “ขัดลำกล้อง” ในฝ่ายบริหาร รมต.ต่างกระทรวงขัดลำ ทำให้กระบวนการอัดฉีดค้างท่อ การขับเคลื่อนนโยบายไปไม่ถึงฐานราก
สะท้อนชัดจากคิวปรับ ครม.หนนี้ ผู้นำตัดสินใจผ่าตัดจุดที่เป็นปัญหา เทน้ำหนักมาที่การแก้ปมขบเหลี่ยมระหว่างกระทรวง หนุน “ทีมเศรษฐกิจ” ที่มี “ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกฯ นั่งแท่นกัปตันใหญ่
หลังจากที่การขับเคลื่อนนโยบาย มีปัญหาติดขัดมาตลอด
ทั้งการตัดสินใจโยกเพื่อนร่วมรุ่น ตท.12 “บิ๊กนมชง” พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ จาก รมว.เกษตรฯ ไปเป็นรองนายกฯ ผลักดันนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมช.ในเครือข่าย ดร.สมคิด ขึ้นชั้น รมว.พาณิชย์ หรือการเติมรัฐมนตรีในกระทรวงอุตสาหกรรม เร่งอัดฉีดอุตสาหกรรมเอสเอ็มอี และเมกะโปรเจกต์อีอีซี ฯลฯ
ปรับเปลี่ยนเอื้อต่อ “ทีมเศรษฐกิจ” ชัดเจน
นอกจากนี้ถ้าหากโฟกัสที่กระทรวงเกษตรฯ การตั้งนายกฤษฎา บุญราช อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย มาเป็น รมว.เกษตรฯ เติม 2 รมช.ทั้งนายลักษณ์ วจนานวัช มาเร่งงานอัดฉีดงบฯสู่เกษตรกร และดึง “อาจารย์ยักษ์” วิวัฒน์ ศัลยกำธร มาผลักดันงานการเกษตรตามศาสตร์พระราชา
กระทรวงเกษตรฯ เป็นอีกจุดสำคัญฟื้นฐานราก

สำหรับนายกฤษฎา อดีตปลัดมหาดไทย แม้มีภาพผิดฝาผิดตัว แต่เมื่อดูที่ตำแหน่งที่มาและคุณสมบัติ ประกอบกับทิศทางนโยบายรัฐบาลปั่นเศรษฐกิจปากท้องในโค้งสุดท้าย

อดีตปลัด มท.อย่างนายกฤษฎา ถือว่าลงล็อก
เพราะมีประสบการณ์การบังคับบัญชา คุมกลไกข้าราชการมาก่อน ตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กระทั่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
มีช่องเชื่อมฝ่ายปกครองในพื้นที่ ข้อต่อชั้นดีประสานมหาดไทย
ไม่เพียงเท่านั้น พล.อ.ประยุทธ์ ยังรับรู้ข้อจำกัดในการทำงานของทีมเศรษฐกิจ รอบนี้ตัดสินใจมอบ “อำนาจเต็ม” ด้านเศรษฐกิจให้ “ดร.สมคิด” จากคิวแบ่งงานรองนายกฯ ได้กำกับดูแลกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพิ่มเติมจากเดิม
เรียกว่าคุมเศรษฐกิจ “เบ็ดเสร็จ” ก็ว่าได้
ที่ต้องโฟกัส อีกรายการใหญ่ที่ผู้นำอำนาจพิเศษออกแรงทลายจุดอุดตัน ข้อต่อบางจุดที่ทำให้การขับเคลื่อนนโยบายสะดุด นอกจากประกาศเชิงขู่หน่วยงานราชการ รวมทั้ง อปท.สนองนโยบายทีมเศรษฐกิจ
น่าจะเป็นคิว “บิ๊กตู่” เคาะโต๊ะในที่ประชุม ครม. ไฟเขียวดึงงบฯองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) นับแสนล้านบาท มาสนับสนุนโครงการพัฒนาพื้นที่ ฝึกอาชีพ ยกระดับแหล่งท่องเที่ยวในชุมชน
หลังจากที่มีการจับตา เพราะก่อนหน้านี้ “พี่รอง” อย่าง “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เคยออกมาแจกแจงรายละเอียดเงื่อนไขการใช้งบฯ อปท.
เหมือน “ขวางเปิดท่อ” กันในที
ในเงื่อนไขไม่เอื้อต่อการเปลี่ยนแปลง ความสำคัญของรัฐบาล คสช.นอกจาก “พี่ใหญ่” แล้ว “พี่รอง” ก็คือหลังพิงหลัก เป็นกำลังสำคัญของ “บิ๊กตู่” แต่เมื่อถึงจุดที่ต้องใช้อำนาจนายกฯก็ต้องทำความเข้าใจ
ไฟต์บังคับต้องใช้อำนาจผู้นำ ประกาศขอรับผิดชอบเอง ในการงัดเปิดท่อ อปท.อัดฉีดฐานราก
เรียกว่าปัจจัยต่างๆเอื้อต่อการทำงานทีมเศรษฐกิจ เข้าทาง “ดร.สมคิด” ในการแก้โจทย์โคตรหิน กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ในภาวะที่โพลสำรวจสำนักต่างๆ รวมไปจนถึงชาวบ้านร้านตลาดสะท้อนออกมา
เศรษฐกิจฟูเฟื่องไม่ทั่วถึง ปมปากท้องยังบักโกรก
ชนิดที่ถ้าเดินสำรวจตลาดร้านค้า สถานการณ์ไม่เป็นบวกเหมือนตัวเลขเศรษฐกิจด้านต่างๆที่ออกมา
อยู่ในภาวะดีกระจุกตัว แต่ส่วนใหญ่ซบเซาหนัก

“คนขายหน้าเหี่ยว ลูกค้ากระเป๋าแห้ง” หายใจพะงาบๆตามกัน
สอดคล้องกับที่นายธนาคารใหญ่ “เสี่ยปั้น” บัณฑูร ล่ำซำ บิ๊กบอสธนาคารกสิกรไทย ออกมากระตุก รัฐบาลทำนอง ต้องเร่งแก้ปมรวยกระจุก–จนกระจาย ทำให้ชาวบ้านฐานรากลืมตาอ้าปากได้
ตามรูปการณ์ก็มาถึงจุดที่ “ดร.สมคิด” รู้ดี มาถึงจังหวะนี้ ปัจจัยต่างๆเอื้อต่อการทำงาน
ได้เพิ่มอำนาจ เติมคน ใช้งบฯได้เต็มพิกัด
ดังนั้นการแก้ปมเศรษฐกิจ ขับเคลื่อนมาตรการต่างๆ ลงถึง “ฐานราก” ถึงเวลาที่ต้องเดินหน้าเต็มสูบ
ถึงแม้ว่าอีกทางหนึ่ง ยังมีอีกจุดสำคัญคือกลไกของหน่วยงานราชการ ที่แม้จะมีการปรับเปลี่ยนระดับรัฐมนตรี แต่ในส่วนของข้าราชการ กับปัจจัยที่เกี่ยวกับเครือข่ายอำนาจ วัฒนธรรม ค่านิยมการทำงาน
ทั้งหมดอาจต้องใช้เวลาจูนเครื่องกันอีกพักใหญ่
แต่ก็ไม่ได้เป็นข้อแก้ต่างแก้ตัว หากสุดท้ายผลลัพธ์ไม่เข้าเป้า
เพราะน้ำหนักที่ “บิ๊กตู่” เทมาที่โจทย์เศรษฐกิจ สะท้อนว่าผ่านมา 3 ปี หมดเวลาลองผิดลองถูก
ถึงไฟต์บังคับ คืนความสุขให้ประชาชนเต็มที่อย่างที่ประกาศ
ดังนั้น 1 ปีจากนี้ถือเป็นเดิมพันสำคัญสำหรับ “ดร.สมคิด” ในการยกระดับเป็นอีก “ตัวเลือก” ในอนาคต
เป็นจุดชี้ทิศทางอำนาจ คสช. ในห้วงเปลี่ยนผ่าน
เหนืออื่นใด ผลลัพธ์ที่ออกมาจะเป็นตัวชี้ชะตา พล.อ.ประยุทธ์ ในแผน “ต่อตั๋ว” อำนาจพิเศษ.
“ทีมการเมือง”

ไม่มีความคิดเห็น: