PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2560

4 ปี อำนาจพิเศษ “ควบแน่น” สถานการณ์มั่นคง : เคาต์ดาวน์ปีใหม่ ท้าทายจุดแข็งคสช.

4 ปี อำนาจพิเศษ “ควบแน่น” สถานการณ์มั่นคง : เคาต์ดาวน์ปีใหม่ ท้าทายจุดแข็งคสช.


4 ปี อำนาจพิเศษ “ควบแน่น” สถานการณ์มั่นคง

สัปดาห์สุดท้าย นับถอยหลังเข้าสู่เทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

อารมณ์ร่วมของคนทั่วทุกมุมโลกต่างมุ่งไปที่การเฉลิมฉลอง บรรยากาศอยู่ในโหมดที่ประชาชนชาวไทยเตรียมโปรแกรมท่องเที่ยว เดินทางกลับบ้านต่างจังหวัดไปอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัว

จดจ่อกับห้วงวันหยุดยาว แทบไม่มีสมาธิสนใจเรื่องอื่นกันแล้ว

ตามแนวโน้มที่รัฐบาลก็เดินหน้าแจกของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน มติ ครม.สัปดาห์ที่ผ่านมากระทรวงการพัฒนาสังคมฯได้เสนอมาตรการให้เงินเด็กแรกเกิด 1,000 บาท จังหวัด ละ 65 คน รวม 77 จังหวัด รวม 5,005 คน และช่วยผู้มีรายได้น้อยซ่อมแซมปรับปรุงบ้าน 2561 หลัง กระทรวงมหาดไทยสั่งลดดอกเบี้ยโรงรับจำนำในสังกัด

ขณะที่บรรดารัฐมนตรี ถือโอกาสมอบของขวัญปีใหม่ซึ่งกันและกัน
โดย “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ได้อวยพรปีใหม่ ขอให้เป็นปีที่คนไทยทุกคนมีความหวัง มีส่วนร่วมในอนาคตซึ่งกันและกัน ถือเป็นความหนึ่งเดียวของคนไทยของประเทศ ถือเป็นเป้าหมายหลักของคนไทยทุกคน เพื่อความสุขที่ยั่งยืน ขอให้ทุกคนมีอาชีพ มีรายได้ มีเงินทองที่พอเหมาะพอควร มีความเหมาะสมในการดำรงชีวิต

สิ่งที่รัฐบาลคาดหวัง และเชื่อว่าเป็นความคาดหวังของประชาชนทั้งประเทศเช่นกัน ในส่วนของคนรวยก็ต้องทำดีเพื่อสังคมให้มากขึ้น เสียสละให้มากขึ้น การประกอบการธุรกิจก็ขอให้คำนึงผู้มีรายได้น้อยด้วย ควรจะมีส่วนแบ่งในรายได้จำนวนเท่าไหร่ เนื่องจากเป็นการลงทุนโดยเสรีจะไปบังคับกันไม่ได้
แฝงนัยของปม “รวยกระจุก จนกระจาย”

โจทย์ยากเศรษฐกิจที่รัฐบาลต้องแก้ให้ตกในปีหน้า

ในโอกาสนี้ ทีมของเราจึงขอใช้เวทีวิเคราะห์การเมืองหน้า 3 ประจำวันอาทิตย์ฉบับสุดท้ายของปี 2560 อวยพรปีใหม่ให้ผู้อ่านและประชาชนคนไทยทุกคน

มีความสุขสมหวัง สุขภาพแข็งแรง แคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวง

และขอแสดงความห่วงใยจากใจจริงกับผู้ใช้รถใช้ถนนในการสัญจรช่วงเทศกาลนี้ ขอโปรดได้ระมัดระวังตั้งอยู่ในความไม่ประมาท เพื่อจะได้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุ

ไม่ให้เกิดความสูญเสียในเทศกาลแห่งความสุข

โดยเฉพาะกับการที่รัฐบาล กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลความปลอดภัยบนท้องถนน ได้ผ่อนผันให้ประชาชนสามารถนั่งท้ายรถกระบะกลับบ้านในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยห้ามนั่งขอบกระบะ และต้องไม่ดื่มสุรา

เจ้าหน้าที่ลดความเข้มงวด เปิดทางอำนวยความสะดวกให้เต็มที่

นั่นก็ยิ่งเป็นอะไรที่ประชาชนคนไทยเองจะยิ่งต้องเพิ่มความระมัด ระวังไปอีกขั้น ในการดูแลสวัสดิภาพของตัวเอง ครอบครัวและคนใกล้ชิดให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ปล่อย แค่ไหน ก็สุดเหวี่ยงกันเท่านั้น

พึงระลึกไว้ว่า ถ้าพลาด มันจะไม่มีโอกาส แก้ตัว อาจเป็นปีสุดท้ายที่ได้ฉลองปีใหม่

และก็ซาลงไปโดยอัตโนมัติ ในบรรยากาศทางการเมืองที่ลดโทนความร้อนแรง เปิดโอกาสให้ผู้เล่นตัวหลักๆโดยเฉพาะในส่วนของรัฐบาลได้พักหายใจหายคอ

หลังโดน “ล่อเป้า” หนักจนชักออกอาการยุบเหมือนกัน

ตามเงื่อนสถานการณ์ที่นักการเมืองอาชีพขยับกลับมาแผลงฤทธิ์เดช โชว์ลูกเขี้ยว ทั้งขู่ ทั้งตื๊อ

กดดันให้ปลดล็อกการเมืองวันละ 3 เวลาหลังอาหาร

ที่สุดเลยก็ทนรำคาญไม่ไหว ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ ต้องตัดสินใจใช้อำนาจตามมาตรา 44 ในการขยายเวลาที่บังคับไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ให้พรรคการเมืองต้องแจ้งเปลี่ยนแปลงบัญชีสมาชิกภายใน 90 วันออกไป
เจาะช่องระบาย ผ่อนคลายแรงกดดัน

เพราะไม่ใช่แค่นักการเมืองที่เขย่าให้ปลดล็อกรายวัน แต่มันยังมีพวกร้อนวิชา เครือข่ายฝ่ายเดียวกันเองที่ออกมาจุดพลุเสนอสารพัดสูตรว่าด้วยการจัดระเบียบป้อมค่ายการเมือง ทั้งเรื่องของการรีเซ็ต เซ็ตซีโร่พรรค การเมือง รายการชงเรื่องส.ส.ไม่ต้องสังกัดพรรค ฯลฯ

เริ่มฟุ้งกระจัดกระจาย ปล่อยของกันมั่วไปหมด

“บิ๊กตู่” เลยต้องงัดกระบองยักษ์มาตรา 44 สยบแรงกระเพื่อม

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันก็ยังแปลความว่า “ปลดล็อก” การเมืองไม่ได้ ตามเงื่อนไขก็แค่แง้มๆประตูให้ทำกิจกรรมเกี่ยวกับการอัพเดตสมาชิกเท่านั้น แต่ยังไม่ถึงขั้นไฟเขียวให้ทำกิจกรรมได้อย่างเสรีแต่อย่างใด
หัวหน้า คสช.ยังกั๊กเหลี่ยม เล่นเอาล่อเอาเถิดกับนักการเมือง

เรื่องเกมการเมืองทหารไม่ถนัด ไม่เล่นเกมเสี่ยง แต่ก็ไม่ยอมหงายไพ่หมดเหมือนกัน

เพราะยังไงก็ถือดาบมาตรา 44 ไว้ในมือ คับขันจวนตัวงัดออกมาใช้ได้ตลอดเวลา

เรื่องของเรื่อง ในห้วงสถานการณ์รอบปี 2560 ก่อนเข้าสู่ช่วงปี 4 ท้ายเทอม ตามสภาพการณ์ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า รัฐบาล คสช.เริ่มตกอยู่ในสภาวะ “เปราะบาง” ต่อแรงกระแทก

“เศรษฐกิจ” ก็สะดุ้งตามลมปากนักการเมืองที่ตีปี๊บปลุกอารมณ์ชาวบ้าน ย้ำปมปัญหาปากท้อง

“การเมือง” ก็ต้องผวากับเกมเขี้ยวนักเลือกตั้งอาชีพปลุกกระแสทหารสืบทอดอำนาจ

จุดแข็งที่เหลืออยู่ของรัฐบาลท็อปบูตก็แค่ “ความมั่นคง”

และแน่นอน มันคงจะต้องถูกยกเป็นเงื่อนไขหลักในการพิสูจน์ศักยภาพ ในห้วงสถานการณ์ไฮไลต์ เทศกาลแห่งความสุขของประชาชนชาวไทย

“เคาต์ดาวน์” ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
ตามรูปการณ์แบบที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม เบอร์หนึ่งคุมงานความมั่นคง ได้เรียกประชุมหน่วยความมั่นคง พร้อมสั่งการให้หน่วยงาน ทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เตรียมข้อมูลสำหรับกำหนดมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยประชาชน

เตรียมการกันตั้งแต่เนิ่นๆ ต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมาเลย

นั่นก็น่าจะประเมินสถานการณ์แล้ว ช่วงเทศกาลแห่งความสุข คือห้วงเวลาที่ล่อแหลม ท้าทาย
พวกจ้องก่อเหตุมักจะเลือกปฏิบัติการชั่ว

ในห้วงที่ผู้คนกำลังมีความสุข เป็นจังหวะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงอาจเผลอหรือลดระดับการเฝ้าจับตา

อย่างที่เห็นเป็นปรากฏการณ์มาหลายครั้ง ในอดีตก็มีเหตุร้ายที่เกิดช่วงเทศกาลสำคัญ

ยิ่งในสถานการณ์ทั่วทุกมุมโลกกำลังเผชิญภัยก่อการร้าย ประเทศไทยยิ่งมีปัจจัยเสี่ยงเพิ่มขึ้นกว่าปกติอีกหลายเท่า เพราะเรามีหัวเชื้อทั้งภายในและภายนอก

โอกาสความน่าจะเป็นมันย่อมสูงตามสภาพการณ์

อะไรก็ไม่เท่ากับเงื่อนไขสถานการณ์รัฐบาลทหาร คสช.คุมเกมบริหารอำนาจผ่านมา 3 ปี ย่างเข้าสู่ปีที่ 4 ย่อมหนีไม่พ้นการบ่มเพาะศัตรู คู่แค้น

สร้างความเกลียดชังให้พวกที่สูญเสียผลประโยชน์

โจทก์จ้อง “เอาคืน” รอดิสเครดิตเพียบ

และถึงตรงนี้ก็ไม่แยกฝ่ายตรงข้ามหรือฝ่ายเดียวกันเองที่จ้องเตะตัดขาเจาะยาง

เพราะมันนัวเนียมั่วไปหมด
สรุปเลยว่า มันคือบททดสอบสถานการณ์ควบแน่นความมั่นคงของ “3 พี่น้อง” ค่ายบูรพาพยัคฆ์ อย่าง พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย
ที่คุมเกมอำนาจบริหารประเทศมาจนย่างเข้าปีที่ 4

ท่ามกลางความเปราะบางทั้งการเมือง เศรษฐกิจ ที่โดนแรงกระแทกแล้วสะดุ้ง

ขืนปล่อยตูมตามช่วงปีใหม่ “ตบหน้า” คสช. ทำลายจุดแข็งความมั่นคง

สถานการณ์หลังปีใหม่คงดูไม่จืด.
“ทีมการเมือง”

ไม่มีความคิดเห็น: